Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน31 กรกฎาคม 2546
SCCออกหุ้นกู้ชุดใหม่นำเงินรีไฟแนนซ์หนี้เก่า             
 


   
www resources

โฮมเพจ บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน)
โฮมเพจ เครือซิเมนต์ไทย

   
search resources

ปูนซีเมนต์นครหลวง, บมจ.
เครือซิเมนต์ไทย
ฟินิคซ พัลพ แอนด์ เพเพอร์, บมจ.
ชุมพล ณ ลำเลียง
กานต์ ตระกูลฮุน
วินเซนต์ บิเชต์




SCC เตรียมออกหุ้นกู้ชุดใหม่ รีไฟแนนซ์หนี้เก่า โดยจะครบกำหนด 1 พ.ย.นี้จำนวน 6 พันล้านบาท แจงผลดำเนินงานไตรมาส 2 ปีนี้เพิ่ม 2% มั่นใจในปีนี้รายได้เพิ่มขึ้น 10% เชื่อครึ่งปีหลังทุกธุรกิจ โตต่อเนื่อง ส่วนการลงทุนใน UPPC ถึงจุดคุ้มทุนภายใน 2 ปี แต่สัดส่วนรายได้จากธุรกิจกระดาษไม่เพิ่ม เพราะเป็นบริษัทขนาดเล็ก พร้อมประกาศจ่ายปันผลหุ้นละ 2.50 บาท วันที่ 28 ส.ค.นี้

นายชุมพล ณ ลำเลียง กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด(มหาชน) (SCC) เปิดเผย การลงทุนในธุรกิจกระดาษและเยื่อกระดาษของบริษัท UPPC ในประเทศฟิลิปปินส์ว่า หลังจากที่บริษัทได้เข้าซื้อ กิจการบริษัทดังกล่าวแล้ว คาดว่าจะได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนกลับคืนมาในระยะเวลา 2 ปี โดยผลการดำเนินงานของ UPDC จะถึงจุดคุ้มทุนในปี 2546 นี้และปี2547 จะเริ่มมีกำไรเข้ามา

"แม้ SCC จะลงทุนเพิ่มใน UPPC แต่สัดส่วนรายได้จากธุรกิจกระดาษยังไม่เพิ่ม เพราะขณะนี้เป็นช่วงของการลงทุน ประกอบกับ UPPC เป็นบริษัทที่มีขนาดเล็ก ส่วนการลงทุนในต่างประเทศต้องค่อยเป็นค่อยไป และรอโอกาส เราต้องเรียนรู้เพราะต่อไปตลาดทั้งอาฟตาและอาเซียนจะกลายเป็นตลาดเดียวกัน ซึ่งธุรกิจเราก็ต้องก้าวไปพร้อมๆ กับตลาดนี้ รวม ทั้งต้องศึกษาลักษณะการทำธุรกิจในประเทศนั้นๆ ด้วย" นายชุมพลกล่าว

โดย SCC ได้เข้าไปถือหุ้นของ UPPC เพิ่มจาก 43% เป็น 86% ทางบริษัทจะเข้าไปทำการปรับปรุงโครงสร้างภายในและเข้าไปปรับปรุงเครื่องจักรที่ใช้ในการผลิตด้วย ซึ่งบางส่วนไม่ต้องลงทุนเพิ่ม และบางส่วนต้องใช้เงินลงทุนเพิ่ม

สำหรับการเข้าซื้อกิจการของบริษัท ฟินิกซ พัลพ แอนด์ เพเพอร์ จำกัด (มหาชน) (PPPC) นั้น ขณะนี้ผู้ถือหุ้นเดิมของ PPPC ยังไม่คิดจะขาย แต่หากมีผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ PPPC เสนอ มา SCC ก็พร้อมจะรับไว้พิจารณา แต่ทั้งนี้ต้องดูราคาเสนอขายก่อนว่าจะเป็นอย่างไร เพราะนายชุมพลมองว่าการซื้อธุรกิจคุ้มกว่าการสร้างโรงงานใหม่

เตรียมออกหุ้นกู้รีไฟแนนซ์หนี้เก่า

นายกานต์ ตระกูลฮุน ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ SCC กล่าวว่า ภาระหนี้ที่มีอยู่นั้น บริษัทมีแผนลดภาระดอกเบี้ยจ่าย โดยการออกหุ้นกู้เพื่อใช้รีไฟแนนซ์หุ้นกู้ชุดเดิมที่มีอัตราดอกเบี้ยสูง แต่จะออกจำนวนเท่าไหร่และอัตราดอกเบี้ยเท่าใดนั้น ต้องขึ้นอยู่กับภาวะของตลาดการเงินในขณะนั้น

โดยวันที่ 1 พ.ย.นี้ SCC จะมีกำหนดไถ่ถอน หุ้นกู้จำนวน 6 พันล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 8% และในปี 2547 จะมีหุ้นกู้ที่ครบกำหนดไถ่ถอนอีกประมาณ 2.5 หมื่นล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 10% และหนี้ที่เหลือมีอัตราดอกเบี้ยระหว่าง 7.5-8%

ทั้งนี้ SCC มีภาระดอกเบี้ยจ่ายเฉลี่ยในปี 2546 ประมาณ 6%โดยลดลงจากปี 2545 ที่มีภาระดอกเบี้ยจ่ายเฉลี่ย 6.8-7% และภายหลังการออกหุ้นกู้ชุดใหม่จะทำให้ภาระดอกเบี้ยในปี 2547 เฉลี่ยต่ำกว่า 5% ซึ่งจะส่งผลให้กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจากอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง

ดังนั้น 1 พ.ย.นี้ SCC ต้องออกหุ้นกู้ชุดใหม่ เพื่อนำมาบริหารและชำระหนี้เดิม ซึ่งต้องจ่ายดอก เบี้ยสูงถึง 6-8% ซึ่งจะอาศัยจังหวะที่ดอกเบี้ยเงินกู้ต่ำ ขณะนี้บริษัทมีหนี้หุ้นกู้สูงถึง 65,600 ล้านบาท ที่สำคัญผู้บริหารต้องการลดหนี้ของบริษัทให้ลดลงได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ด้วย ปัจจุบันบริษัทมีหนี้ทั้งสิ้น 1.2 แสนล้านบาท แบ่งเป็นหนี้หุ้นกู้ 8.6 หมื่นล้านบาท ที่เหลือเป็นหนี้เงินกู้จากสถาบันการเงิน ขณะที่หุ้นกู้จะครบดีลในปีหน้ามีประมาณ 25,100 ล้านบาท

ผลดำเนินงานQ2โตเพียง2%

นายชุมพลกล่าวถึงผลดำเนินงานไตรมาส 2 ว่า บริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรจากการดำเนินงาน ก่อนรายการพิเศษเท่ากับ 3,510 ล้านบาท ใกล้เคียงกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 2% ในขณะที่ยอดขายสุทธิเพิ่มขึ้น 6% EBITDA เพิ่มขึ้น13% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนแต่ลดลง 32% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน

ขณะที่กำไรจากการดำเนินงานก่อนรายการ พิเศษลดลง 32% และกำไรสุทธิลดลง 35% เนื่องมาจากการปรับตัวลดลงของราคาผลิตภัณฑ์ ปิโตรเคมีหลังจากภาวะสงครามอิรักสิ้นสุดลง รวมทั้งผลกระทบจากโรค SARS โดยในไตรมาส นี้ เครือฯ มียอดขายสุทธิ เท่ากับ 36,045 ล้านบาท ลดลง 1% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และมี EBITDA เพิ่มขึ้น 14% เนื่องจากเงินปันผลจากบริษัทร่วม

โดยเป็นผลมาจากธุรกิจปิโตรเคมีของเครือฯ มีกำไรจากการดำเนินงานก่อนรายการพิเศษ 8,638 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 53% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไร 5,661 ล้านบาท เนื่องจากผลประกอบการที่ดีขึ้นของบริษัทร่วม

ซึ่งเป็นผลจากการดำเนินงานยอดขายรวมของไตรมาส 2 ในธุรกิจกระดาษและบรรจุภัณฑ์เพิ่มขึ้นร้อยละ 3 ธุรกิจปิโตรเคมีเพิ่มขึ้นร้อยละ 18 ธุรกิจซีเมนต์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 13 สำหรับการขยายตัวทางธุรกิจต่อเนื่องนั้นคาดว่าน่าจะเป็นธุรกิจกระดาษและบรรจุภัณฑ์ที่มีแนวโน้มจะลงทุนในประเทศอาเซียนเพิ่มขึ้น ทั้งนี้บริษัทเชื่อว่าภายในอีก 2 ปีจะสามารถลดภาระดอกเบี้ยได้ในวาระที่กำหนดและจะมีกำไรเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม SCC ยังมั่นใจว่าในปีนี้ บริษัทจะมีรายได้เพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีรายได้รวม 1.3 แสนล้านบาท โดยยอดขายของบริษัทฯยังมีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่าง ต่อเนื่องในทุกกลุ่มธุรกิจ ทั้งซีเมนต์ ปิโตรเคมี กระดาษ และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง เป็นต้น

โดยครึ่งแรกปีนี้ SCC มียอดขายรวม 7.2 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และคาดว่าในครึ่งปีหลัง SCC จะยังคงมีการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการขยายตัวของที่อยู่อาศัยในประเทศไทยยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง แต่ราคาวัสดุก่อสร้างไม่ได้เพิ่มขึ้นมากนัก แต่ในต้นปี 2547 ราคาเหล็กเส้นอาจขยับขึ้นบ้าง เพราะการเก็งกำไรและในช่วงนั้นอาจผลิตเหล็กเส้นไม่ทัน

"แม้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะที่อยู่อาศัยจะขยายตัวมาก แต่เชื่อว่าราคาวัสดุก่อสร้าง ค่อนข้างทรงตัวแล้ว ยกเว้นเหล็กที่ยังต้องนำเข้า ซึ่งราคาขึ้นลงตามสภาพของตลาด อย่างไรก็ตามราคาวัสดุก่อสร้างครึ่งปีหลังจะไม่ปรับสูงขึ้น และธุรกิจที่อยู่อาศัยน่าจะดีต่อเนื่องไปถึงปีหน้า" นายชุมพลกล่าว

พร้อมกันนี้ SCC ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลอัตราหุ้นละ 2.50 บาท โดยจะจ่ายให้ผู้ถือหุ้นในวันที่ 28 สิงหาคม 2546

ปูนกลางผลดำเนินงานQ2เพิ่ม27%

นายวินเซนต์ บิเชต์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) (SCCC) เปิดเผยว่า ในงวดไตรมาส 2 ปี 2546 บริษัทมีผลประกอบการเป็นกำไรสุทธิทั้งสิ้น 53.92 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 204.79 ล้านบาท หรือร้อยละ 27.33 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 749.13 ล้านบาท ส่งผลให้ผลประกอบการงวด 6 เดือนแรกปีมีกำไรสุทธิรวม 1,914.68 ล้าน บาท เพิ่มขึ้น 794.79 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 71 จากงวดเดียวกันของปีก่อน

ทั้งนี้ ในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้รวม 4,495 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 42 ล้านบาทหรือประมาณร้อยละ 1 เนื่องจากรายได้จากการขายสุทธิลดลง 40 ล้านบาทและรายได้อื่นลดลง 2 ล้านบาท แต่กำไรของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ เนื่องจากกำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้น 152 ล้านบาท รวมทั้งค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่ลดลง 61 ล้านบาท

ขณะที่ผลการดำเนินงานของบริษัทและบริษัทย่อยสำหรับงวด 6 เดือน ที่มีกำไรสุทธิรวม 1,915 ล้านบาท เป็นผลมาจากราคาขายสุทธิในปี 2546 ที่เพิ่มขึ้นรวมทั้งดอกเบี้ยจ่ายและต้นทุนการผลิตที่ลดลงเนื่องจากต้นทุนการผลิตของปีก่อนได้รวมต้นทุนส่วนเพิ่มสำหรับการเริ่มเดินเครื่องจักรเพื่อการผลิตใหม่

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us