Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน15 ตุลาคม 2551
หุ้นไทยยืนเหนือ500จุดโบรกเกอร์เตือนวิกฤตไม่จบดัชนีส่อหลุด400             
 


   
search resources

Stock Exchange




ตลาดหุ้นไทยคึกคัก หลังนักลงทุนเริ่มเชื่อมั่นมาตรการบรรเทาวิกฤตสถาบันการเงินสหรัฐฯ – ยุโรป ที่ส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับเพิ่มขึ้นถ้วนหน้า โดยดัชนีตลาดหุ้นไทยปิดที่ 500.77 จุด เพิ่มขึ้นกว่า 24.44 จุด หรือ 5.13% มูลค่าซื้อขายคึกคักเฉียด 2.3 หมื่นล้านบาท โบรกเกอร์ออกโรงเตือนหุ้นดีดแค่ช่วงสั้นๆ เหตุผลงานไตรมาส 3/51 ยังวิกฤตหนัก มีโอกาสกดดันดัชนีหุ้นไทยหลุด 400 จุด ขณะที่หุ้นเก็งกำไร “LIVE-IEC” ฮอตสุดๆ แต่โบรกเกอร์แนะเลี่ยงให้ไกล

บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทย วานนี้ (14 ต.ค.) นักลงทุนได้กลับเข้ามาลงทุนอย่างคึกคัก หลังคลายความกังวลปัญหาวิกฤตสถาบันการเงินสหรัฐฯ ยุโรป ได้ในระดับหนึ่ง จากการที่ธนาคารกลางหลายประเทศประกาศเสริมสภาพคล่องและพยุงฐานะของสถาบันการ ส่งผลให้ดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวเพิ่มขึ้นถ้วนหน้า ขณะที่ตลาดหุ้นไทย ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างแรงตั้งแต่เปิดการซื้อขายในช่วงเช้า โดยปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดที่ 508.96 จุด หรือเพิ่มขึ้นกว่า 30 จุด ต่ำสุดที่ 498.29 จุด ก่อนจะปรับตัวลดลงเล็กน้อยในช่วงท้ายตลาด แต่ยังอยู่เหนือระดับ 500 จุด และปิดการซื้อขายที่ 500.77 จุด เพิ่มขึ้นจากวันก่อน 24.44 จุด หรือคิดเป็น 5.13% ท่ามกลางมูลค่าการซื้อขายคึกคักถึง 22,897.44 ล้านบาท

โดยนักลงทุนต่างประเทศ ได้กลับเข้ามาซื้อหุ้นไทยเป็นครั้งแรกในรอบหลายสัปดาห์ คือมียอดซื้อสุทธิ 2,261.26 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 314.58 ล้านบาท และนักลงทุนทั่วไปขายสุทธิ 1,946.68 ล้านบาท

นายอดิศักดิ์ คำมูล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KGI กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นตามทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นภูมิภาคในระยะสั้นๆ จากการผ่อนคลายความกังวลปัญหาวิกฤตสถาบันการเงินสหรัฐฯ และยุโรป หลังทางการของประเทศต่างๆ นำเงินเพิ่มทุนให้กับธนาคารพาณิชย์ต่างๆ ในยุโรป และจากกที่กลุ่มอียูมีการจับมือกันในการดูแลปัญหาสถาบันการเงิน อย่างไรก็ตามปัจจัยดังกล่าวจะส่งผลดีต่อตลาดหุ้นทั่วโลกในระยะสั้นเท่านั้น เนื่องจากธนาคารพาณิชย์ในต่างประเทศยุโรป สหรัฐฯ จะประกาศผลประกอบการไตรมาส 3/51 ซึ่งคาดว่าจะมีผลขาดทุนเพิ่ม ส่งผลให้นักลงทุนกังวลกับปัญหาวิกฤตสถาบันการเงินขึ้นมาอีกครั้ง เพราะจากในอดีตวิกฤตการเงินที่ผ่านมาต้องมีการเพิ่มทุนหลายรอบกว่าที่จะปัญหาจะจบลง

ทั้งนี้ ในช่วงระยะ 2-3 เดือนนี้ ดัชนีตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวลดลงต่ำกว่าระดับ 400 จุด จากปัญหาสถาบันการเงินที่จะกลับมาเป็นปัจจัยลบต่อตลาดหุ้นจากที่จะมีผลขาดทุนเพิ่มขึ้นอีกในช่วงไตรมาส 4/51 ส่งผลให้ดัชนีดาวโจนส์มีการปรับตัวลดลงไปอยู่ที่ระดับ 6,000-7,000 จุด

“การที่หุ้นไทยปรับตัวขึ้นเป็นการการรีบาวน์ทางเทคนิคในระยะสั้นเพียง 1-2 วันเท่านั้นก็จบแล้ว จากที่จะมีการเพิ่มทุนให้กับแบงก์ต่างๆ ในยุโรป และกลุ่มจี 7 มีการจับมือร่วมกันในการดูแลปัญหาปัญหาต่างๆ แต่เมื่อแบงก์ในต่างประเทศมีการประกาศงบไตรมาส 3/51 ออกมา จะทำให้นักลงทุนกังวลว่าจะมีผลขาดทุนอีกในไตรมาส 4 และจากวิกฤตตั้งแต่ปี 1997-2000 สถาบันการเงินจะต้องมีการเพิ่มทุนหลายรอบ”

สำหรับแนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ คาดว่าเชื่อว่าดัชนีจะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงสั้นๆ หากดัชนีตลาดหุ้นไทยสามารถปรับตัวเหนือระดับ 500 จุดได้ จะเป็นแรงผลักดันให้ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นไปได้ถึง 520 จุด โดยบริษัทแนะนำให้มีการขายทำกำไรออกมา แต่หากดัชนีไม่สามารถปรับตัวอยู่ในระดับ 500 จุด ได้ ดัชนีอาจจะปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 480 จุด ซึ่งบริษัทแนะนำให้มีการขายทำกำไรออกมาระยะสั้น

นายอนุพนธ์ ศรีอาจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. บีฟิท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นในทิศทางเดียวกันตลาดหุ้นต่างประเทศ หลังจากธนาคารกลางต่างประเทศอัดฉีดสภาพคล่องเข้าระบบการเงิน รวมถึงการเข้าพยุงฐานะของสถาบันการเงินในประเทศของตนเอง เพื่อแก้ไขปัญหาวิกฤตสถาบันการเงินที่กำลังขยายวงมากยิ่งขึ้น

ขณะที่ แนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้น่าจะยังปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยนักลงทุนต้องติดตามทิศทางตลาดหุ้นวอลล์สตรีท และยุโรป ซึ่งตลาดหุ้นไทยมีแนวรับที่ 488-490 จุด และแนวต้านที่ 520 จุด ส่วนหุ้นที่น่าลงทุนยังเป็นหุ้นขนาดใหญ่ที่มีปัจจัยพื้นฐานดี เช่น PTT, PTTEP, KBANK และ BANPU

นายชัย จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล. พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวอยู่ในแดนบวกตลาดทั้งวัน จากที่นักลงทุนเริ่มคลายความวิตกกังวล ภายหลังจากที่ธนาคารกลางต่างประเทศทั่วโลกประกาศร่วมมือแก้ไขวิกฤตสถาบันการเงินที่เกิดขึ้น แต่ในวันนี้คาดว่าดัชนีตลาดหุ้นไทย จะปรับตัวอยู่ในกรอบแคบๆ ตามทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศ โดยมีแนวรับที่ 485-490 จุด และแนวต้าน 515-517 จุด ส่วนหุ้นที่น่าลงทุนจะเป็นหุ้นในกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ที่มีพื้นฐานดี อาทิ KBANK, BBL, SCB เป็นต้น

นางสาวจิตติมา อังสุวรังษี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. ฟาร์อีสท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ คาดว่าดัชนีจะยังคงผันผวน ตามทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศ โดยให้ติดตามแนวทางการแก้ไขปัญหาสถาบันการเงินสหรัฐฯ ยุโรป รวมถึงปัญหาการเมืองภายในประเทศว่าจะจบอย่างไร ขณะที่นักลงทุนควรชะลอการลงทุนเพื่อรอดูสถานการณ์ ให้แนวรับที่ 487-495 จุด และแนวต้านที่ 510-523 จุด

เลี่ยงหุ้นเก็งกำไรหลังราคาพุ่งแรง

ผู้สื่อข่าวรายงานการเคลื่อนไหวราคาหุ้นวานนี้ (14 ต.ค.) ของบริษัท บริษัท ไลฟ์ อินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)หรือ LIVE ปิดที่ระดับ 0.46 บาท เพิ่มขึ้น 0.23 บาท หรือเพิ่มขึ้น 100% มูลค่าการซื้อขาย 1,343.78 ล้านบาท และมีปริมาณการซื้อขายสูงสุด 3,491.78 ล้านหุ้น

บริษัท อินเตอร์แนชั่นเนิลเอนจีเนียริง จำกัด (มหาชน) หรือ IEC ราคาหุ้นปิดที่ 1.18 บาท เพิ่มขึ้น 0.40 บาท หรือเพิ่มขึ้น 51.28% มูลค่าการซื้อขาย 2,137 ล้านบาท โดยปริมารการซื้อขายสูงสุดอันดับ 2 ,บริษัท บลิส-เทล จำกัด (มหาชน)หรือ BLISS ปิดที่ระดับ 0.13 บาท หรือเพิ่มขึ้น 0.04 บาท หรือเพิ่มขึ้น 44.44% มูลค่าการซื้อขาย 73.63 ล้านบาท ซึ่งมีปริมาณการซื้อขายสูงสุดในอันดับ3

นางสาวจิตติมา อังสุวรังษี ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์ บล.ฟาร์อีสท์ กล่าวว่า การที่ราคาหุ้นเก็งกำไรมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงระดับ 100% เป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นตามภาวะตลาด และที่ผ่านมาราคาหุ้นดังกล่าวมีการปรับตัวลดลงติด 4-5 ฟลอร์ ซึ่งเป็นการเข้ามาลงทุนเก็งกำไรในระยะสั้นจากภาวะตลาดหุ้นที่มีการปับตัวเพิ่มขึ้น เพราะ การที่ดัชนีตลาดหุ้นไปปรับตัวเพิ่มขึ้นนั้นเป็นระยะสั้น

ทั้งนี้ จากที่ไม่ทราบว่ามาตรการแก้ไขปัญหาที่ออกมานั้นจะแก้ปัญหาได้ระดับไหน แต่บริษัทไม่แนะนำให้นักลงทุนเข้าไปลงทุน จากที่หุ้นดังกล่าวไม่มีปัจจัยพื้นฐานรองรับ ซึ่งนักลงทุนจะต้องระมัดระวังในการเข้าไปลงทุน

นายอดิศักดิ์ กล่าวว่า การที่หุ้นเก็งกำไรมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น เป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นในเชิงเทคนิคในระยะสั้น จากที่ผ่านมาราคาหุ้นดังกล่าวมีการปรับตัวลดลงมาต่อเนื่อง ซึ่งการที่ IEC มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น 100% นั้น จากที่ผ่านมาปรับตัวลดลงมากจาก 5 บาท มาอยู่ที่ระดับที่ไม่ถึง 1 บาท ซึ่งทางบริษัทไม่แนะนำในการเข้าไปลงทุน จากที่ไม่มีปัจจัยพื้นฐานรองรับ   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us