คอนโดมิเนียมยุคใหม่ไต่ระดับหรู ใช้ “บริการ” สร้างความต่าง เพิ่มมูลค่า อะควาเรียสคว้าที่ดินแปลงงามสุขุมวิท 49 ปั้น “เอควา” คอนโดแนวคิดใหม่ “เซอร์วิส คอนโดมิเนียม” สู้ศึกสมรภูมิสุขุมวิท จัดสรรน้องใหม่ “บ้านอังสนา” มองจัดสรรก้าวข้ามสู่ธุรกิจงานบริการ

สมรภูมิตลาดซิตี้คอนโดมิเนียมในเวลานี้ที่ยังคงเป็นเรดโอเชี่ยน เต็มไปด้วยการแข่งขันที่รุนแรง ทำให้บางครั้งทำเลที่ตั้งก็อาจจะไม่ใช่คำตอบสุดท้ายที่โครงการนั้นจะประสบความสำเร็จเสมอไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในย่านที่ได้ชื่อว่าเป็นทำเลทอง มีดีมานด์จากกลุ่มนักลงทุนไม่ขาดสาย แต่สุดท้ายผู้ซื้อก็จะต้องเลือกโครงการที่ดีที่สุดเท่านั้น เพื่อรับประกันว่าผลตอบแทนที่จะได้รับจะคุ้มค่า

เป็นที่รู้กันดีกว่า “สุขุมวิท” เป็นย่านที่ขึ้นแท่นทำเลทองของการพัฒนาโครงการหลายรูปแบบ สิ่งที่เป็นดัชนีชี้วัดได้ดีเห็นจะหนีไม่พ้นราคาที่ดินที่พุ่งสูงขึ้นเป็นเงาตามตัว รวมทั้งที่ดินแปลงใหม่ๆ ที่เหมาะกับการพัฒนาโครงการเริ่มหายากขึ้นเรื่อยๆ

เมื่ออะควาเรียสสามารถคว้าที่ดิน 1 ไร่ในซอยสุขุมวิท 49 ที่ซื้อมาจากบริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุนเอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) และถือว่าเป็นที่ดินแปลงงาม เพราะห่างจากปากซอยเพียง 100 เมตรและห่างจากสถานีรถไฟฟ้าทองหล่อ 350 เมตรมาได้ โจทย์ต่อไปของอะควาเรียส คือ รูปแบบโครงการ ที่จะพัฒนาอย่างไรให้แตกต่างจากคู่แข่งในย่านเดียวกัน เพราะในย่านนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นทำเลฮิตติดลมบนของการลงทุนทั้งขาย-ซื้อ-เช่า แม้กระทั่งซัปพลายในโครงการเก่าก็ยังแอคทีฟ สามารถทำราคารีเซลได้ในระดับสูง เนื่องจากในทำเลนี้มีดีมานด์อยู่แล้วค่อนข้างแข็งแกร่ง ไม่ว่าจะเป็นการซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองและการเช่า

แม้อะควาเรียสจะค่อนข้างโชคดีที่ได้ที่ดินในทำเลดี มั่นใจได้ว่าตลาดจะให้การตอบรับเป็นอย่างดีแน่นอน แต่การทำสินค้าให้แตกต่างเป็นโจทย์ที่ทำให้ยงยุทธ ชัยพรหมประสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อควาเรียส เอสเตท จำกัด ต้องทำการบ้านอย่างหนัก ที่จะทำอย่างไรให้ลูกค้ารู้สึกว่าสิ่งที่ได้แตกต่างจากโครงการอื่นอย่างแท้จริง

จุดยืนของอะควาเรียสในการพัฒนาโครงการไม่ว่าจะเป็นโครงการที่เป็นเพียงมือปืนรับจ้างในฐานะที่ปรึกษา หรือโครงการที่อะควาเรียสลงเงินเอง ยงยุทธย้ำเสมอว่า จะต้องเป็นโครงการที่แตกต่าง เป็นสินทรัพย์ที่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้ในระยะยาว ทำให้เอควา คอนโดมิเนียมสูง 28 ชั้น 153 ยูนิต โครงการที่ 2 ที่อะควาเรียสพัฒนาเอง ต่อจากโครงการแรก “คาซาเวล่า” คอนโดมิเนียมที่สมุย และโรงแรม Shasa ซึ่งอยู่ในบริเวณเดียวกัน มีที่มาที่ไปของแนวคิดในการทำโครงการคล้ายคลึงกัน โดยยงยุทธบอกว่าเน้นให้อยู่สบาย แม้จะฟังดูเป็นคำตอบง่ายๆ แต่ก็เป็นพื้นฐานที่สุดที่ผู้อยู่อาศัยต้องการนั่นเอง

ห้องพักประกอบด้วย ห้องชุด 1-3 ห้องนอน พื้นที่ 55-180 ตร.ม. หน้ากว้าง 7.2 เมตร เน้นการจัดพื้นที่ใช้สอยอย่างลงตัว เช่น พื้นที่วางเครื่องซักผ้า จุดตากผ้า เป็นเซอร์วิส คอนโดมิเนียมที่มีบริการในระดับโรงแรมห้าดาวในมาตรฐานเดียวกับ Shasa เช่น ทำความสะอาดห้อง เป็นต้น โดยบริการและงานบริหารอาคารทั้งหมดจะดูแลโดยนิติบุคคลอาคารชุด ซึ่งใน 3 ปีแรกบริษัทจะเป็นผู้ดูแลให้ตามสัญญา

ยงยุทธกล่าวว่า แนวคิดดังกล่าวถือเป็นครั้งแรกของการพัฒนาคอนโดมิเนียมที่ลงลึกถึงรายละเอียดในการอยู่อาศัยอย่างมาก พื้นที่ส่วนกลางที่ลงทุนทุกๆ ตร.ม. ถือเป็นต้นทุนของดีเวลลอปเปอร์ทั้งสิ้น ทำให้ยงยุทธไม่คาดหวังเรื่องผลตอบแทนจากการลงทุนในระดับสูงมากนัก ทั้งนี้ราคาเริ่มต้นที่ 1.3 แสนบาทต่อ ตร.ม. มียอดพรีเซลแล้ว 60% ซึ่งยงยุทธเชื่อว่า จากคุณภาพของโครงการจะสามารถขยับราคาขึ้นไปได้ถึง 2 แสนบาทต่อ ตร.ม. ได้ และหน้าที่ของบริษัท คือ ต้องดูแลสภาพโครงการและบริการให้มีสภาพดีอยู่ตลอดเวลา เพราะหมายถึงมูลค่าเพิ่มของสินทรัพย์ในอนาคต ซึ่งเป็นสิ่งที่ลูกค้าคาดหวัง

จัดสรรข้ามขั้นสู่งานบริการ

ฟากดีเวลลอปเปอร์หน้าใหม่ ชลิตา อังสนันรัตนา กรรมการผู้จัดการ บริษัท บ้านอังสนา จำกัด ซึ่งโดดลงมาพัฒนาซิตี้คอนโดในชื่อ “พรอม พหลโยธิน 2” ใกล้สถานีรถไฟฟ้าอารีย์ เชื่อว่า ปัจจุบันจัดสรรกำลังก้าวเข้าสู่การเป็นธุรกิจบริการมากขึ้น ซึ่งบริษัทได้วางแผนการบริหารจัดการโครงการพรอม พหลโยธิน 2 เมื่อก่อสร้างเสร็จไว้ล่วงหน้าว่าจะเน้นการดูแลลูกบ้านอย่างใกล้ชิดและทั่วถึง เนื่องจากเป็นโครงการขนาดเล็ก โดยจะใช้บริษัท เยลโล่ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ เข้ามาบริหารจัดการ และในอนาคตบริษัทจะเน้นบริการที่ใกล้ชิดกับลูกบ้านเป็นจุดขายในการพัฒนาโครงการในอนาคตทุกโครงการ