Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน14 ตุลาคม 2551
ทั่วโลกทุ่มเงินอุ้มแบงก์หนุนตลาดหุ้นดีดขึ้น             
 


   
search resources

Economics




รัฐบาลประเทศต่างๆ ทั่วโลก ประกาศปฏิบัติการกอบกู้ช่วยเหลือระบบการเงินเมื่อวานนี้(13) โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาติยุโรปอนุมัติทั้งเงินกู้และเข้าซื้อหุ้นแบงก์ใหญ่ๆ รวมเป็นมูลค่าหลายแสนล้านดอลลาร์ ความเคลื่อนไหวเพื่อมุ่งยุติความตื่นตระหนกคราวนี้ มีผลทำให้ตลาดหลักทรัพย์ดีดทะยานขึ้นเป็นแถว

รัฐบาลชาติต่างๆ ทั่วยุโรป ซึ่งร้อนอกร้อนใจจากราคาหุ้นที่ควงสว่านดำดิ่งลงมาอย่างน่ากลัว เมื่อวานนี้ต่างพากันแถลงเปิดเผยแพกเกจช่วยชีวิตระบบการเงิน หลังจากที่ได้ไปตกลงกันระหว่างการประชุมระดับผู้นำในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ว่าจะร่วมมือประสานงานกันแก้ไขวิกฤต ด้วยการค้ำประกันการปล่อยกู้ยืมระหว่างธนาคาร และเข้าซื้อหุ้นธนาคารขนาดใหญ่เพื่อประคับประคองไม่ให้ล้มครืน

เริ่มต้นด้วยอังกฤษ ซึ่งรัฐบาลประกาศว่า กำลัง "ดำเนินปฏิบัติการขั้นเด็ดขาด" ด้วยการเข้าไปซื้อหุ้นจำนวนมหึมาในธนาคารใหญ่ 3 แห่ง นั่นคือ รอยัล แบงก์ ออฟ สกอตแลนด์ (อาร์บีเอส), และเอชบีโอเอส ซึ่งกำลังอยู่ในกระบวนการควบรวมกับ ลอยด์ส ทีเอสบี คิดเป็นมูลค่ารวม 37,000 ล้านปอนด์ (63,950 ล้านดอลลาร์) ทั้งนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของแผนกการซึ่งได้ประกาศไปตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว ที่จะกันเงินเอาไว้ 50,000 ล้านปอนด์ เพื่อซื้อหุ้นในสถาบันการเงินที่ประสบปัญหา

สำหรับแบงก์รายที่ 4 คือ บาร์เคลย์ส ได้แถลงว่าจะไม่เข้าร่วมในแผนการนี้ของรัฐบาล แต่มีแผนจะระดมเงินทุนจากนักลงทุนภาคเอกชนให้ได้ประมาณ 6,500 ล้านปอนด์

"ในช่วงเวลาที่พิเศษ ด้วยการที่ตลาดการเงินไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ รัฐบาลย่อมไม่สามารถที่จะปล่อยทิ้งให้ประชาชนต่อสู้ดิ้นรนไปด้วยตัวเอง" นายกรัฐมนตรี กอร์ดอน บราวน์ ของอังกฤษ กล่าวในการแถลงเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวคราวนี้

เขายังบอกด้วยว่า "มีเพียงการปฏิบัติการระดับโลกเท่านั้น เราจึงจะสามารถฟื้นฟูความเชื่อมั่นขึ้นมาได้อย่างเต็มที่ โดยความเชื่อมั่นเช่นนี้คือสิ่งจำเป็น และเป็นสิ่งที่สร้างระเบียบการเงินระหว่างประเทศขึ้นมา"

บราวน์เรียกร้องให้บรรดาผู้นำโลกสร้าง "สถาปัตยกรรมทางการเงิน" ใหม่ เพื่อสะท้อนสภาพทางเศรษฐศาสตร์และการธนาคารของโลกในปัจจุบัน ทำนองเดียวกับที่ระบบเศรษฐกิจระหว่างประเทศที่ใช้อยู่ในเวลานี้ ได้ถูกจัดตั้งสถาปนาขึ้นมาในระหว่างการประชุมที่เมืองเบรตตันวูด มลรัฐนิวแฮมป์เชียร์ เมื่อปี 1944

นอกจากอังกฤษแล้ว กระทรวงการคลังเยอรมนีก็ประกาศแพกเกจช่วยชีวิตภาคการเงินของตนที่มีมูลค่า 80,000 ล้านยูโร (108,000 ล้านดอลลาร์) โดยที่จะนำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ซึ่งมีนายกรัฐมนตรี อังเกลา แมร์เคิล เป็นประธาน ก่อนจะส่งไปให้รัฐสภาพิจารณา และประกาศใช้เป็นกฎหมายต่อไป โดยคาดกันว่าคงจะออกมาได้ภายในสัปดาห์นี้

มาตรการช่วยเหลือของเยอรมนีก็คล้ายๆ กับของอังกฤษ นั่นคือ ทางการให้เงินกู้ช่วยเหลือแลกเปลี่ยนกับหุ้นของแบงก์และสถาบันการเงินที่รับเงินกู้ อันถือได้ว่าเป็นการโอนกิจการบางส่วนมาเป็นของรัฐนั่นเอง

แพกเกจความช่วยเหลือนี้ "คือคำตอบที่เราจะต้องให้ เพื่อที่จะ ... บรรลุหนทางแก้ไขอันซับซ้อนยิ่งขึ้นไปอีก ในการจัดการกับระบบการเงินทั่วทั้งหมด ทั้งนี้จะต้องทำให้ตลาดเกิดความเชื่อถือไว้วางใจกันขึ้นมาอีกครั้งให้ได้" รัฐมนตรีคลังเยอรมัน เปเอร์ สไตน์บรืค กล่าวกับหนังสือพิมพ์ บิลด์

ทางด้านฝรั่งเศส มีรายงานว่าจัดเตรียมมาตรการค้ำประกันเงินกู้ระหว่างธนาคาร ซึ่งอาจจะมีมูลค่าสูงถึง 300,000 ล้านยูโร (405,000 ล้านดอลลาร์) โดยที่ประธานาธิบดีนิโกลาส์ ซาร์โกซี เตรียมที่จะแถลงเรื่องนี้ออกอากาศทางโทรทัศน์ทั่วประเทศ

ตามรายงานของหนังสือพิมพ์ เลอมง แผนการของฝรั่งเศสจะให้การค้ำประกันการปล่อยกู้อินเตอร์แบงก์นี้ไปจนถึงสิ้นปี 2009

ส่วนที่กรุงมาดริด นายกรัฐมนตรี โฆเซ หลุยส์ โรดริเกซ ซาปาเตโร แถลงว่า รัฐบาลสเปนจะกันเงินเอาไว้สูงสุดไม่เกิน 100,000 ล้านยูโร (134,000 ล้านดอลลาร์) เพื่อใช้ค้ำประกันเงินกู้ระหว่างธนาคารเช่นกัน ขณะที่ในกรุงโรม รัฐบาลอิตาลีกำหนดประชุมกันวานนี้ เพื่อพิจารณามาตรการใหม่ๆ ในการสร้างเสถียรภาพของภาคการเงิน

ความเคลื่อนไหวของชาติยุโรปเหล่านี้ บังเกิดขึ้นภายหลังการจัดประชุมฉุกเฉินระดับผู้นำของ 15 ประเทศผู้ใช้เงินตราสกุลยูโรเมื่อวันอาทิตย์ที่กรุงปารีส และมีการตกลงกันเกี่ยวกับขอบเขตของมาตรการต่างๆ ในการแก้ไขวิกฤต

นอกจากความเคลื่อนไหวของรัฐบาลแล้ว ทางด้านธนาคารกลางของชาติทางยุโรป ได้แก่ ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี), ธนาคารชาติของอังกฤษ และสวิตเซอร์แลนด์ ได้ออกแถลงการณ์ร่วมกับ ธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)เมื่อวานนี้ ระบุว่า จะปล่อยกู้เป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯแบบไม่จำกัดจำนวน แก่ธนาคารพาณิชย์ทั้งหลายที่จำเป็นต้องใช้ เพื่อที่จะแก้ปัญหาตลาดเงินระยะสั้นที่ยังคงตึงตัวอย่างหนัก

ในส่วนของประเทศอื่นๆ รัฐมนตรีคลังญี่ปุ่น โชอิชิ นากางาวะ แถลงว่า ประเทศของเขาพร้อมที่จะพิจารณารับประกันเงินฝากในธนาคารทั้งหมด ถ้าหากมีความจำเป็นต้องทำเช่นนั้น ทั้งนี้ตามรายงานของสำนักข่าวจีจิ

ขณะที่ออสเตรเลียกับนิวซีแลนด์ได้ประกาศไปก่อนหน้านี้ว่า จะรับประกันเงินฝากทั้งหมดของธนาคารในประเทศ ส่วนอินโดนีเซียแจ้งว่า จะเพิ่มเพดานรับประกันเงินฝากขึ้นไปเป็นไม่เกิน 2,000 ล้านรูเปียห์ (203,000 ดอลลาร์) ขณะที่อินเดียก็ให้สัญญาที่จะอัดฉีดสภาพคล่องเพิ่มมากขึ้น เพื่อช่วยเหลือตลาดการเงิน

ที่สหรัฐฯ นีเอล คัชคารี ผู้รับผิดชอบของกระทรวงการคลังอเมริกัน ในแผนการ 700,000 ล้านดอลลาร์ช่วยชีวิตสถาบันการเงิน ได้แถลงว่า สหรัฐฯพร้อมที่จะเข้าซื้อหุ้นของสถาบันการเงินต่างๆ โดยเขาบอกว่าทางกระทรวงกำลังจัดทำโครงการที่เป็นมาตรฐานขึ้นมา เพื่อดำเนินการในเรื่องนี้

จากความเคลื่อนไหวเหล่านี้ ทำให้นักลงทุนดูจะบังเกิดความเชื่อมั่น และตลาดหลักทรัพย์ก็ทะยานขึ้นเป็นแถว ที่แถบเอเชียตอนปิดตลาดวานนี้ ฮ่องกงปิดเพิ่มขึ้น 10.2% หลังจากสัปดาห์ที่แล้วดำดิ่ง 16% ส่วนสิงคโปร์ก็บวกขึ้นไป 6.57% สำหรับโตเกียวปิดตลาดเนื่องจากเป็นวันหยุด

ทางฟากยุโรป เมื่อการซื้อขายดำเนินไปได้ราวครึ่งวันเมื่อวานนี้ ตลาดลอนดอน บวก 4.84%, แฟรงเฟิร์ต 6.15%, และปารีส 6.36%   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us