Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน13 ตุลาคม 2551
พิษการเมืองถล่มยอดพักรร.วูบจี้รัฐคุมกำเนิดก่อนซัพพลายล้น             
 


   
search resources

ประกิจ ชินอมรพงษ์
Hotels & Lodgings




ธุรกิจโรงแรมซบเซา 9 เดือนแรกยอดพักเฉลี่ยลดลง ทีเอชเอ ระบุโดยเฉพาะเดือนกันยายน อัตราเข้าพักโรงแรมเฉลี่ยทั้งเดือนวูบกว่า 16% เมื่อเทียบกับปีก่อน เหตุรัฐประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และสถานการณ์ทางเมืองไม่สงบ หวั่นโรงแรมขนาดเล็กล้มตาย วอนรัฐคุมกำเนิดโรงแรมเกิดใหม่ ก่อนซัพพลายล้นตลาด ด้านสทน.จี้ปรับเกณฑ์เข้มออกใบอนุญาตมัคคุเทศก์ เหตุปริมาณมากแต่ขาดคุณภาพ

ในการประชุมสมาชิกสหพันธ์สมาคมท่องเที่ยวไทยหรือเฟสต้า นายประกิจ ชินอมรพงษ์ นายกสมาคมโรงแรมไทยหรือ ทีเอชเอ กล่าวว่า อัตราเข้าพักเฉลี่ยของโรงแรม 4-5 ดาว ในช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา เฉพาะในเขตกรุงเทพฯ ลดลงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนเกือบ 16% เหลืออัตราเข้าพักเพียง 50.67% สาเหตุเพราะในเดือนดังกล่าวประเทศไทยเกิดความวุ่นวายทางการเมือง ประกอบกับรัฐบาลได้ประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ตั้งแต่วันที่ 2-14 กันยายน และจากข้อมูลดังกล่าว ยังส่งผลให้ ตัวเลขอัตราเข้าพักโรงแรมเฉลี่ย 9 เดือน(ม.ค.-ก.ย.) ลดลงด้วย โดยลงมาอยู่ที่ 66.38% ซึ่งช่วงเดียวกันของปีก่อน อยู่ที่ 67.51%

จากสถานการณ์ดังกล่าวข้างต้น ทำให้สมาคมฯห่วงและกังวลในกลุ่มผู้ประกอบการโรงแรมขนาดเล็ก หรือเอสเอ็มอี โดยเฉพาะกลุ่มที่มีลูกค้าหลักเป็นนักท่องเที่ยวจากจีนและเกาหลี เพราะทั้ง 2 ตลาดนักท่องเที่ยวลดลงมาก เพราะเกิดความกังวลจึงยกเลิกการเดินทาง เป็นผลให้โรงแรมขนาดเล็กมีอัตราเข้าพักเฉลี่ยลดลงเหลือประมาณ 30% บางแห่งถึงขนาดงดจ่ายเงินเดือนพนักงานเป็นการชั่วคราว และยังไม่ถึงขนาดปลดพนักงานออก

นอกจากนั้น สมาคมฯ ยังเป็นห่วงและรู้สึกกังวล กับจำนวนโรงแรมเปิดใหม่ ที่จะเริ่มทยอยเปิดให้บริการในช่วง 3-4 ปีนับจากนี้ไป คิดเป็นจำนวนห้องพักกว่า 20,000 ห้อง แบ่งเป็น ในกรุงเทพฯราว 8,000 ห้อง ที่เหลือจะกระจายอยู่ตามจังหวัดท่องเที่ยว เช่น เชียงใหม่ ภูเก็ต และสมุย เป็นต้น โดยเกรงว่าจะเกิดโอเวอร์ซัพพลายในกลุ่มธุรกิจโรงแรม เพราะในพ.ร.บ.ธุรกิจโรงแรม พ.ศ.2551 ที่ประกาศใช้อยู่ในขณะนี้ เปิดกว้างให้ อพาร์ทเม้นต์ สามารถ ปรับปรุงกิจการ แล้วนำมาขอใบอนุญาต ให้บริการเป็นธุรกิจโรงแรมได้

"ปัจจุบันห้องพักโรงแรมที่เปิดให้บริการทั่วประเทศมีทั้งหมดราว 4 แสนห้อง และยังมีโรงแรมเปิดใหม่กับ อพาร์ทเม้นต์ที่จะจดทะเบียนเข้าสู่ระบบอีก จึงมองว่า จะเกิดการแข่งขันที่รุนแรง ใครที่ทุนน้อย ก็อาจต้องล้มหายตายจาก หรือเกิดภาวะสงครามราคา"

ดังนั้นจึงต้องการให้ภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดให้คำปรึกษาและแนะนำเรื่องการลงทุนในธุรกิจโรงแรม ว่ามีอุปสงค์อุปทานมากน้อยแค่ไหนในแต่ละพื้นที่ เพื่อเป็นข้อมูลพื้นฐานในการตัดสินใจลงทุน และยังช่วยไม่ให้การลงทุนเกิดการกระจุกตัวเฉพาะในแหล่งท่องเที่ยวหลักเท่านั้น

ทางด้านนายอภิชาต สังฆอารี นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว หรือ แอตต้า กล่าวว่า ต้องการให้รัฐบาลรณรงค์ให้ข้าราชการ หน่วยงานรัฐ จัดประชุมสัมมนาภายในประเทศให้มากขึ้น เพื่อเป็นการช่วยเหลือภาคธุรกิจท่องเที่ยว เพราะนอกจากได้ช่วยภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแล้ว ยังทำให้ภาพการเดินทางท่องเที่ยวมีความคึกคักมากขึ้น แต่ทั้งนี้การเลือกเดสติเนชั่นเดินทางก็ต้องกระจายไปทั่วประเทศ ไม่กระจุกอยู่เพียงจังหวัดท่องเที่ยวหลักเท่านั้น และควรเฉลี่ยให้มีการเดินทางท่องเที่ยวทั้งปี จะได้ไม่ต้องมากระจุกตัวเพียงเดือนกันยายน ซึ่งเป็นเดือนสิ้นปีงบประมาณ

ทางด้านนางสาวมัยรัตน์ พีระญาณ์โกเศส นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ(สทน.) กล่าวว่า ต้องการให้ ททท.และกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ส่งเสริมการท่องเที่ยวทางรถไฟให้ชัดเจนกว่านี้ เพราะ มองว่ายังไม่มีการประชาสัมพันธ์เท่าที่ควร ประกอบกับต้องการให้การรถไฟแห่งประเทศไทย ปรับปรุงเรื่องความสะอาดของรถไฟ โดยเฉพาะ ห้องสุขา และเบาะนั่ง และจะต้องพัฒนาบุคลากรไว้สำหรับต้อนรับผู้โดยสารในกลุ่มที่เป็นนักท่องเที่ยวด้วย นอกจากนั้นยังเรียกร้องให้กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ปรับเกณฑ์การขอใบอนุญาตมัคคุเทศก์ โดยผู้สนใจขอใบอนุญาต ควรผ่านการฝึกงานด้านมัคคุเทศก์มาอย่างน้อย 6 เดือน ถึง 1 ปี เพราะปัจจุบันนี้มองว่าจำนวนมัคคุเทศก์มีจำนวนมากแต่กลับขาดมัคคุเทศก์ที่มีคุณภาพ   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us