|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ทีวีไดเร็ค ใส่เกียร์ลุยขยายงานธุรกิจเอนเตอร์เทนเม้นท์เต็มสูบ หลังทำมานานแต่ยังโหมหนัก มุ่งเน้นจัดคอนเสิร์ตทั้งในและต่างประเทศรวมทั้งแฟมิลี่โชว์นำเข้าด้วย นำร่องปีนี้ ทุ่ม 10 ล้านบาท นำเข้าคอนเสิร์ต "ไมเคิลเลิร์นทูร็อค" จากเดนมาร์ก ส่วนปีหน้าเตรียมงบ 80 ล้านบาทพร้อมลุย จ่อนำเข้าแฟมิลี่โชว์ โธมัสแอนด์เฟรนด์
นายทรงพล ชัญมาตรกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีวีไดเร็ค จำกัด เปิดเผยว่า ในปีหน้าบริษัทฯ จะให้ความสำคัญและการขยายงานในส่วนของภาคเอนเตอร์เทนเม้นท์มากขึ้น หลังจากที่บริษัทฯ ได้เริ่มทำมาแล้วแต่อยู่ในวงแคบเฉพาะการจัดคอนเสิร์ตศิลปินคนไทยในประเทศเท่านั้นเอง และยังไม่ได้มีบทบาทมากนัก อีกทั้งธุรกิจเอนเตอร์เทนเม้นท์ในไทยก็มีอัตราการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง และการขยายงานของธุรกิจบริการด้วย
ปัจจุบันโครงสร้างธุรกิจของบริษัททีวีไดเร็คมีทั้งหมด 3 กลุ่มบิสซิเนสยูนิต คือ 1. ธุรกิจขายของ ซึ่งประกอบด้วย 3 ช่องทางหลัก คือ ทางทีวี ทางไดเร็คมาร์เก็ตติ้งและทางค้าปลีกค้าส่ง มีสัดส่วนรายได้หลักกว่า 90% ของรายได้รวมบริษัทฯ 2. ธุรกิจเอนเตอร์เทนเม้นท์ รวมทั้งอีเว้นท์มาร์เก็ตติ้ง พีอาร์เอเจนซี่ คอนเสิร์ต เพรสคอนเฟอร์เรนจ์ อาร์ททิสแมเนเจเม้นท์ (เน โต๋-ศักดืสิทธิ์ เวชสุภาพร) และ3. ธุรกิจการให้บริการ เช่น การส่งของแล้วเก็บเงินสดทั่วประเทศ โดยสองบิสซิเนสยูนิตหลังนี้ มีสัดส่วนรายได้รวมกันแค่ 10% เท่านั้นเอง
ทั้งนี้แผนการขยายธุรกิจเอนเตอร์เทนเม้นท์จะโดยคอนเซปต์ "Entertaining People with Information" จะมีทั้งการนำเข้าคอนเสิร์ตและแฟมิลี่โชว์ต่างๆจากต่างประเทศ และการจัดคอนเสิร์ตศิลปินในประเทศ ก่อนที่จะเพิ่มงานในอนาคต ซึ่งงบประมาณลงทุนปีหน้าคาดว่าจะต้องใช้งบประมาณรวมมากกว่า 50-80 ล้านบาท โดยจะลงทุนกับธุรกิจเอนเตอร์เทนเม้นท์มากที่สุด
"สำหรับการจัดคอนเสิร์ตต่างประเทศปีนี้เรานำร่องด้วยการทุ่มงบ 10 ล้านบาท จัดคอนเสิร์ตนำเข้าวง "ไมเคิลเลิร์นทูร็อค" จากประเทศเดนมาร์ก โดยได้รับการสนับสนุนจากทางสถานทูตเดนมาร์ก เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับเดนมาร์กครบ 150 ปีในปีนี้ด้วย จะแสดงวันที่ 26 พ.ย .นี้ที่เมืองทองธานี บัตรราคาตั้งแต่ 1,000 - 4,000 บาท เล่นวันเดียวรอบเดียว มั่นใจว่าจะประสบความสำเร็จ เพราะขณะนี้มีสปอนเซอร์มากกว่า 70% แล้ว คือ สปอนเซอร์หลัก 2 รายคือ ยูดีในเครือยูคอม และทรูมูฟ นอกนั้นเป็นโคสปอนเซอร์เช่น สินค้าตราเกษตร เครื่องเล่นดีวีดีเอเจ โรงแรมอะมารีเอเทีรยม เบนซ์ เป็นต้น"นายทรงพลกล่าว
นอกจากนั้นในปีหน้าคาดว่าจะมีคอนเสิร์ตศิลปินไทยอีกอย่างต่ำ 2 งานคือ โต๋-ศักดิ์สิทธิ์ และศิลปินวงดูโอ แต่ยังไม่เปิดเผย และจะมีคอนเสิร์ตศิลปินต่างประเทศด้วย รวมทั้งอยู่ระหว่างการเจรจากับทางบริษัท ธีมสตาร์ ซึ่งเป็นผู้ดูแลลิขสิทธิ์ เพื่อนำเข้าแฟมิลี่โชว์ของ "โธมัสแอนด์เฟรนด์" และหากสำเร็จจะถือเป็นครั้งแรกของโธมัสที่เข้ามาแสดงในไทยหรือเอเซียอย่างเต็มรูปแบบก็ว่าได้
สำหรับธุรกิจการให้บริการนั้น ก็จะขยายบทบาทมากขึ้น หลังจากทำมา 10 ปีแล้ว เพราะมีความแข็งแกร่งเรื่อง การบริหารจัดการ เส้นทางการเดินรถและบุคลากร ปัจจุบันมีศูนย์กลางขนส่ง 24 แห่ง
นายทรงพลกล่าวต่อถึงธุรกิจหลักคือ การขายสินค้าของทีวีไดเร็คว่า ถือเป็นธุรกิจที่แข็งแกร่งและอยู่ตัวและขยายงานไปตามปรกติ ซึ่งจะมีการนำสินค้าใหม่ๆเข้ามาจำหน่าย โดยปีหน้าจะมุ่งเน้นสินค้ากลุ่มเฮาส์โฮลด์เป็นหลัก ขณะที่ช่องทางจำหน่าย จะมีการขยายสาขาของร้านทีวีไดเร็คบ้างแต่ไม่มากนัก เน้นไปที่การเปิดสาขาในต่างจังหวัด รูปแบบสแตนด์อโลน
"ธุรกิจที่ผมทำ ล้วนแล้วแต่เกี่ยวข้องกันและเป็นการขยายฐานบนพื้นฐานเดิมทั้งสิ้น การทำเอนเตอร์เทนเม้นท์ก็เช่นกัน เรามีฐานสมาชิกอยู่กว่า 857,000 คน ทั่วประเทศ ปัจจุบันคนบอกว่า ธุรกิจต้องประคองตัวหรือต้องควบคุมต้นทุนให้ดี มันก็ใช่ แต่ผมมองว่า การลดต้นทุนอย่างเดียวมันไม่ใช่ ซึ่งถ้าหากลดไม่ได้ เราต้องมองว่าเราสามารถต่อยอดหรือเพิ่มประสิทธิภาพจากของเดิมได้หรือไม่ อันนี้ถ้าทำได้สำคัญกว่า เช่น ผมต่อยอดธุรกิจการให้บริการจากฐานเดิมที่เราต้องส่งสินค้าให้กับลูกค้าอยู่แล้วหรือ การจัดคอนเสิร์ต ก็เพราะเราทำธุรกิจขายสินค้ามาจากความบันเทิงอยู่แล้ว คาแรกเตอร์เราคุณดูก็รู้เช่น โฆษณาของเรา ออกเชิงสนุกสนาน แต่มีความน่าเชื่อถือ" นายทรงพลกล่าวย้ำ
ทั้งนี้จากแผนการขยายงานดังกล่าว นายทรงพลมั่นใจว่า ในปีหน้ายอดขายรวมจะต้องเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% แน่นอน แต่สัดส่วนรายได้หลักยังคงมาจากาการขายสินค้า ส่วนธุรกิจเอนเตอร์เทนเม้นท์จะเริ่มค่อยๆมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นในอนาคต ขณะที่รายได้ปีนี้คาดว่าจะทำได้ประมาณ 1, 100 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมายประมาณ 2% เนื่องจากมีปัจจัยลบทั้งภาวการณ์เมืองและเศรษฐกิจ ขณะที่ปีที่แล้วมีรายได้ประมาณ 950 ล้านบาท
|
|
|
|
|