การล้มครืนของจรรยาบรรณและ Arthur Andersen
ชื่อของ Arthur Andersen กลายเป็นสิ่งที่มีความหมายเดียวกับการทำลายเอกสาร
การตกแต่งบัญชี และการฉ้อฉลของบริษัทไปเสียแล้วอย่างน่าเสียดาย หลังจากบริษัทสอบบัญชียักษ์ใหญ่รายนี้ต้องล่มสลายลงเพราะการขาดความรับผิดชอบของบริษัทเอง
หาใช่เพราะคนอื่นไม่ นี่คือข้อสรุปของ Barbara Ley Toffler อดีตหุ้นส่วนคนหนึ่งของ
Arthur Andersen ผู้รับผิดชอบงานให้บริการที่ปรึกษาด้านความรับผิดชอบและจริยธรรมธุรกิจซึ่งเป็นบริการหนึ่งของ
Arthur Andersen
Toffler ชี้ว่า การล่มสลายของ Arthur Andersen คือการฆ่าตัวตายเอง หาใช่เป็นเพราะล่มสลายตาม
Enron ซึ่งเป็นลูกค้ารายใหญ่ของบริษัทไม่ Enron เป็นเพียงฟางเส้นสุดท้ายเท่านั้นของบริษัทสอบบัญชียักษ์ใหญ่แห่งนี้
ที่มุ่งหวังแต่จะกอบโกยรายได้จากค่าธรรมเนียมให้มากๆ และแสวงหาอำนาจและอิทธิพลทางการเมืองอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
โดยลืมเลือนเป้าหมายที่แท้จริงของบริษัท นั่นคือการปกป้องนักลงทุน
Arthur Andersen ก่อตั้งโดย Arthur Andersen ในปี 1913 ที่ชิคาโก ผู้ก่อตั้งคือ
Andersen เป็นคนอเมริกันรุ่นแรกของประเทศ และเป็นนักบัญชีหนุ่มวัย 28 ผู้ภาคภูมิใจในจรรยาบรรณและความซื่อสัตย์ในฐานะนักบัญชีของตนยิ่งนัก
Arthur Andersen เมื่อแรกก่อตั้งเป็นสถานที่ซึ่งการยืนหยัดในสิ่งที่ตนเชื่อว่าถูกต้องเป็นคุณความดีอันมีค่า
และเป็นองค์กรที่ยึดมั่นในการทำสิ่งที่ถูกต้องมากกว่าทำสิ่งที่ง่าย Toffler
และ Leonard Spacek ผู้สืบทอดของเขา ต่างยืนอยู่ข้างนักลงทุนเสมอ หวงแหนชื่อเสียงอันดีงามยิ่งชีวิต
และกล้าคัดค้านการทำผิดมาตรฐานบัญชีและนโยบายที่ผิดพลาดทุกรูปแบบ
ยุครุ่งเรือง
หลังจาก Andersen เสียชีวิตในปี 1947 บริษัทยังคงเจริญรุ่งเรืองถึงขนาดกลายเป็นบริษัทบัญชีที่ได้รับการยกย่องนับถือสูงสุดในโลก
รายได้กระโดดขึ้น 3 เท่าในช่วงปี 1947-1956 เป็น 18 ล้านดอลลาร์ ในปี 1963
รายได้พุ่งขึ้นเป็น 51 ล้านดอลลาร์จากสำนักงาน 55 แห่งใน 27 ประเทศ ในเวลานั้น
Arthur Andersen ยังคงยึดมั่นในการปฏิเสธลูกค้ารายใหญ่ทว่าการทำบัญชีมีปัญหา
รายได้จากทั่วโลกยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องจนถึงระดับ 2.8 พันล้านดอลลาร์ในปี
1988 แต่ในเดือนสิงหาคม 2002 Arthur Andersen ถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานขัดขวางกระบวนการยุติธรรม
เนื่องมาจากกรณีการล่มสลายของ Enron และไม่อาจรับงานสอบบัญชีลูกค้าได้อีกต่อไป
Toffler ชี้ว่า วัฒนธรรม "Androids" ของ Arthur Andersen คือตัวการที่นำไปสู่ความหายนะของบริษัท
Androids หมายถึงพนักงานใหม่ของ Andersen ที่ผ่านโปรแกรมการฝึกอบรมและพัฒนาของบริษัทอันเข้มงวดกวดขัน
เพื่อปลูกฝังวัฒนธรรมการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์อย่างเคร่งครัดลงไปในตัวพนักงานใหม่ทุกคนก่อนเริ่มทำงาน
กฎเกณฑ์อันเคร่งครัดนี้จุกจิกไปถึงแม้กระทั่งวิธีการถือออร์เดิร์ฟที่ถูกต้องในงานเลี้ยงค็อกเทลด้วย
วัฒนธรรมที่ควบคุมพนักงานไปทุกฝีก้าวเช่นนี้ ย่อมนำความหายนะมาสู่บริษัทเมื่อเกมธุรกิจเปลี่ยนทิศ
และผู้นำเปลี่ยนทางในการทำธุรกิจ
Toffler ซึ่งเข้าร่วมกับ Andersen ในปี 1995 ต้องใช้เวลาถึง 4 ปีในการปรับตัวเข้ากับระบบการทำงาน
จรรยาบรรณ และสภาพแวดล้อมภายในบริษัท ที่ล้วนอยู่ในสภาพยุ่งเหยิงสับสน สิ่งที่เธอเห็นคือบริษัทที่กำลังหลงทาง
และมุ่งแต่จะหาเงินให้ได้มากๆ เป็นสรณะ เธอยังพบว่า การดำเนินธุรกิจอย่างแข็งทื่อเหมือนหุ่นยนต์
และการยอมรับการกระทำที่ไม่ถูกต้องเพียงเพราะว่า "ที่นี่เราทำกันแบบนี้มานานแล้ว"
นั้นคือส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมที่ผู้ชายผิวขาวเป็นใหญ่ โดยไม่มีชนส่วนน้อย
ผู้หญิงหรือผู้ที่มิได้เป็นชาวอเมริกันเข้าร่วมอยู่ในฝ่ายบริหารระดับสูงสุดของบริษัทเลยแม้แต่คนเดียว
ความไม่ชอบมาพากลของ Enron
Toffler เล่าอย่างละเอียดถึงพฤติกรรมไม่ชอบมาพากลของ Enron และการที่ Andersen
ยังคงยอมรับ Enron เป็นลูกค้าต่อไปแม้จะมีพฤติกรรมการจัดทำงบการเงินที่น่าสงสัย
ด้วยความละโมบในค่าธรรมเนียมก้อนโตจำนวนหลายล้านดอลลาร์ Andersen จึงยังคงรับรองงบการเงินของ
Enron ต่อไป และสั่งย้ายทุกคนที่ไม่ยอมรับรองบัญชีของ Enron ออกไปไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับบัญชีของ
Enron อีกต่อไป Toffler ยังให้รายละเอียดเกี่ยวกับการล้มละลายของ Enron และ
WorldCom's (บริษัทยักษ์ใหญ่ที่อื้อฉาวอีกรายที่เป็นลูกค้ารายใหญ่ของ Andersen)
และการทำลายเอกสาร อันนับเป็นการเล่าจากปากของคนวงในอย่างเธอ มิหนำซ้ำยังเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านจรรยาบรรณการบริหาร
ผู้เห็นการล่มสลายของ Andersen กับตา
สิ่งหนึ่งที่ Toffler เห็นว่าเป็นปัญหาคือ แม้ใครคนใดคนหนึ่งในองค์กรจะมองเห็นปัญหาที่เกิดขึ้นกับวัฒนธรรมองค์กร
แต่ก็ลำบากที่จะพูดเพราะไม่มีอำนาจอยู่ในมือ เธอจึงเห็นว่า ควรถือเป็นหน้าที่ของผู้นำและผู้บริหารระดับสูง
ซึ่งมีอำนาจที่จะบันดาลความเปลี่ยนแปลง จะต้องคอยเฝ้าสังเกตปัญหาที่เกิดขึ้นกับวัฒนธรรมองค์กร
และต้องลงมือแก้ไขอย่างทันท่วงทีก่อนที่ปัญหานั้นจะกัดกร่อนทำลายองค์กรไปในที่สุด