|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
บลจ. บัวหลวง มองพิษเศรษฐกิจสหรัฐซึมลึก ฉุดตลาดหุ้นทั่วโลกร่วงต่อ คาดอย่างร้ายแรง SET Index อาจจะดิ่งลงไปถึง 200 จุด ออกโรงแนะนักลงทุนหากไม่มั่นใจ ให้โยกลงทุนตราสารหนี้ระยะสั้นแทน ล่าสุดดึงเงินกองทุนที่ออกไปลงทุนในต่างประเทศกลับ ส่วนเรื่องการเมืองระบุ ต้องการผู้นำประเทศที่มีทิศทางบริหารบ้านเมืองชัดเจน ด้านนักวิเคราะห์ชี้ช่อง หุ้นหลายตัวน่าลงทุนในระยะยาว แนะนักลงทุนรอดูจังหวะแล้วค่อยทยอยซื้อ ชูหุ้นปูน-ไฟฟ้า
นางวรวรรณ ธาราภูมิ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บัวหลวง จำกัด กล่าวถึงเรื่องของการลงทุนกับสถานการณ์ในปัจจุบัน ว่า ปัญหาใหญ่ที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ คือเรื่องของเศรษฐกิจของประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงและลุกลามไปทั่วโลก ซึ่งเกิดขึ้นเหมือนกับในช่วงวิกฤติต้มยำกุ้งที่ประเทศไทยเผชิญเมื่อปี 2540 ที่ผ่านมา โดยที่ส่งผลต่อตลาดทุนทั่วโลกรวมทั้งของประเทศไทยด้วย
ทั้งนี้ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่งผลให้สภาพเศรษฐกิจของทั้งประเทศสหรัฐอเมริกาและยุโรปอยู่ในสภาพที่ไม่ดี แต่หากมองถึงเศรษฐกิจของประเทศจีนแล้วเชื่อว่าจะเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกแทนในอนาคต อย่างไรก็ตาม มองว่า ในส่วนของตลาดทุนทั้งของประเทศไทยและของต่างประเทศ จะยังคงปรับตัวลดลงอีก แต่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าจะตกลงตํ่าสุดถึงระดับไหน ซึ่งอย่างรุนแรงสุด ตลาดหุ้นของไทยน่าจะตกลงไปถึงที่ระดับ 200 จุด
ส่วนสถานการณ์ทางการเมืองที่เกิดความวุ่นวายขึ้นในขณะนี้ นางวรรณ กล่าวว่า ตลาดหุ้นของไทยได้รับผลกระทบไปเต็มๆโดยเฉพาะเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ซึ่งในช่วงต่อจากนี้ไป ประเทศไทยจะต้องมีผู้นำประเทศที่สามารถนำพาทิศทางของประเทศได้อย่างถูกต้อง โปร่งใส เพราะเศรษฐกิจของประเทศไทยนั้นเดินหน้าด้วยนักธุรกิจเป็นส่วนใหญ่
"ในสถานการณ์ขณะนี้ หากนักลงทุนมีความกังวลมาก ควรตัดสินใจย้ายเงินไปลงทุนในแหล่งที่มีความปลอดภัย เช่นลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น ซึ่งในขณะนี้ทาง บลจ. บัวหลวงมีกองทุนใหม่ที่ออกมาเป็นกองทุน ตราสารหนี้อายุ 6 เดือน ซึ่งมีผลตอบแทนอยู่ที่ 3.25% ส่วนกองทุนที่ไปลงทุนในต่างประเทศ เนื่องจากสถานการณ์วิกฤตทางการเงินที่เกิดขึ้น ทางบลจ. จึงได้ดึงเงินลงทุนกลับมาแล้ว และนำมาลงทุนอยู่ในตราสารหนี้ระยะสั้นแทน"นางวรวรรณกล่าว
นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการสมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ กล่าวว่า ปัญาหาใหญ่ในขณะนี้คือ เรื่องของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่เป็นผลมาจากเรื่องของปัญหาซับไพรม์ และอีกเรื่องคือปัญหาการเมืองไทย ส่วนเรื่องของเงินเฟ้อที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ได้หายไปแล้ว โดยขณะนี้ เศรษฐกิจของประเทศสหรัฐฯ ตกตํ่าอย่างชัดเจน เห็นได้ชัดจากตัวเลขการว่างงาน ตัวเลขหนี้สินของสถาบันการเงินต่างๆ รวมทั้งตัวเลขการขายบ้านที่ลดลง การว่างงานที่เพิ่มขึ้นซึ่งถือเป็นปัญหาที่ใหญ่มาก แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ ประเทศไทยเคยประสบมาก่อน
สำหรับการลงทุนในช่วงนี้ นายสมบัติกล่าวว่า การลงทุนในหุ้นในช่วงนี้ มีหุ้นหลายตัวที่ดีและเหมาะที่จะลงทุนในระยะยาว ซึ่งหากนักลงทุนจะเลือกลงทุนในหุ้น ควรเลือกหุ้นที่มีธุรกิจดี มีหนี้สินน้อย รวมถึงมูลค่าของหุ้นตัวนั้น และนักลงทุนควรที่จะรอดูจังหวะแล้วค่อยทยอยซื้อ ซึ่งหุ้นที่มีความน่าสนใจในขณะนี้โดยส่วนตัวมองว่า หุ้นของปูนซีเมนต์ไทย หุ้นในกลุ่มไปฟ้า อย่างราชบุรี เอคโก้ ขณะที่หุ้นในกลุ่มของธุรกิจเดินเรือ ค่อนข้างมีความเสี่ยงเนื่องจาก เกี่ยวข้องกับเรื่องของสินค้าโภคภัณฑ์ (คอมมอดิตี้)
ในขณะที่หุ้นในกลุ่มพลังงานนนั้น มีความผันผวนและมีความเสี่ยงมาก รวมทั้งหุ้นในกลุ่มธนาคารที่จะมีความเสี่ยงเมื่อเวลาที่เกิดวิกฤตทางการเงิน โดยเฉพาะความเสี่ยงจากการที่แบงก์การเอาเงินไปลงทุน หรือแม้แต่หุ้นในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ก็ยังมีความเสี่ยงอยู่ในระยะสั้น แต่หุ้นกลุ่มนี้ยังมีดีมานด์ที่แท้จริงอยู่ ซึ่งจะส่งผลดีในช่วงใดช่วงหนึ่งอย่างแน่นอน
นายสอาด ธีรโรจนวงศ์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ สายบริหารการเงิน ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน ) ระบุว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกาในขณะนี้คือ คนที่มีเงินมากไม่มีที่จะไปลงทุนหรือหาธนาคารฝากเงินได้ เพราะสถาบันการเงินต่างพากับประสบปัญหาทางการเงิน ส่วนคนที่มีเงินน้อยหรือมีเครดิตน้อย ต้องกู้ธนาคารในอัตราดอกเบี้ยที่สูงซึ่งเป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมทั้งเงินลงทุนในตลาดหุ้นก็หายไป โดยไปกระจายลงทุนในที่ต่างๆ ทั้ง เช่นตราสารหนี้ระยะสั้น เป็นต้น ทั้งนี้ เงินลงทุนที่ไปลงทุนในต่างประเทศส่วนใหญ่ลงทุนอยู่ในตราสารหนี้ระยะสั้น ประมาณ 80%
ส่วนช่วงเวลาที่เหมาะจะเข้ามาลงทุนนั้น มองว่าประมาณปลายปีนี้น่าจะเป็นจังหวะที่เหมาะสม เพราะจะเห็นจุดตํ่าสุดหรือผลกระทบที่แย่ที่สุดจากผลกระทบต่างๆที่ได้รับมา ขณะที่การลงทุนในต่างประเทศนั้น การลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลยังค่อนข้างมีความปลอดภัยอยู่ในตัวของมันเอง
|
|
|
|
|