Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ สิงหาคม 2546








 
นิตยสารผู้จัดการ สิงหาคม 2546
อเมริกันชนผู้น่ารังเกียจ...จริงหรือ?             
โดย มานิตา เข็มทอง
 


   
search resources

Conde Nast Traveller




ดูเหมือนว่าหลังจากเหตุการณ์ 9/11 พฤติกรรมการท่องเที่ยวของชาวอเมริกันจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง จากเดิมที่ท่องเที่ยวด้วยความสบายอกสบายใจไปในทุกที่ ก็ต้องเปลี่ยนเป็นเพิ่มความระมัดระวังในสถานที่ที่เลือกจะเดินทางไป อีกทั้งประเภทของพาหนะที่ใช้เดินทางก็เปลี่ยนไปด้วย อย่างเช่น บางคนเคยท่องเที่ยวโดยเครื่องบินปีละสองสามครั้ง ก็เปลี่ยนเป็นเดินทางด้วยรถบัสปีละครั้งสองครั้งแทน บางคนก็ถึงขั้นตัดใจ เลิกเดินทางไปเลย...ที่กล่าวถึงนี้เป็นพฤติกรรมภายในประเทศอเมริกาเอง ในขณะที่อเมริกันชนที่รักการท่องเที่ยวระหว่างประเทศก็เริ่มหันมาใส่ใจว่า คนรอบข้างคิดอย่างไรกับเชื้อชาติตัวเองอย่างจริงจังมากขึ้น โดยเฉพาะผลกระทบจากเหตุการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้น บางคนถึงขั้นไม่อยากถือยูเอสพาสปอร์ต บางคนพยายามหาเข็มกลัดสัญชาติอื่น เช่น แคนาดา ออสเตรเลีย มาติดกระเป๋าหรือสวมเสื้อใส่หมวกสัญชาติอื่น เพื่อพรางตัวเองว่า ฉันไม่ใช่อเมริกันนะ โปรดอย่าเกลียดชังฉันเลย โปรดต้อนรับฉันเยี่ยงเดิมเถิด... ความรู้สึกเหล่านี้เกิดมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากรัฐบาลอเมริกันเปิดฉากล้างแค้นบินลาดิน และซัดดัม ฮุสเซน...

นิตยสาร Conde Nast Traveller ได้ทำการสำรวจสมาชิกชาวอเมริกันผู้รักการท่องเที่ยว จำนวน 10,000 คน และใช้ข้อมูลจาก 1,100 คนแรกในการวิเคราะห์เกี่ยวกับความวิตกกังวลในความไม่เป็นมิตรที่พวกเขาจะได้รับในการท่องเที่ยวใน 17 ประเทศทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทยในช่วงนี้ ซึ่งผลการสำรวจพบว่า ประเทศไทยอยู่ในลำดับกลางๆ เป็นอันดับที่ 8 ที่มีจำนวน 12% ที่คาดว่าจะพบการต้อนรับที่ไม่เป็นมิตร ในขณะที่เวียดนามอยู่ในลำดับ 7 (17%) ส่วนลำดับที่ 1-3 คือเมืองไคโร ประเทศอียิปต์ (64%), นครปารีส แห่งฝรั่งเศส (51%) และกรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย (47%) ตามลำดับ

ทั้งนี้ ช่วงประมาณกลางเดือนเมษายนที่ผ่านมาผู้สื่อข่าวประจำต่างประเทศของ Conde Nast Traveller รายงานว่า โดยส่วนมากประเทศต่างๆ มีการประท้วงเพื่อแสดงท่าทีที่ไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจของรัฐบาลอเมริกัน ด้วยการประท้วงเลิกบริโภคสินค้าอเมริกัน แขวนป้ายสโลแกนต่อต้านสงคราม เป็นต้น แต่ไม่มีเหตุการณ์ใดๆ ที่แสดงการต่อต้านเจาะจงที่ตัวบุคคลชาวอเมริกันอย่างรุนแรง อาจจะมีบ้างการพูดจาเสียดสีประชดประชัน อย่างเช่นที่ปาร์ตี้ในเม็กซิโก ผู้สื่อข่าวของ Conde Nast Traveller เผชิญหน้ากับชาวฝรั่งเศสผู้อ้างข้อความจากหนังสือพิมพ์ USA TODAY ว่า ชาวฝรั่งเศสเรียกนักท่องเที่ยวสาวชาวอเมริกันว่า "Pigs" ซึ่งผู้สื่อข่าวผู้นั้นไม่ได้ต่อความยาวสาวความยืด หากเดินเลี่ยงไปอย่างเงียบๆ ประเด็นที่น่าสนใจคือ คนที่วิจารณ์นั้นก็เป็นนักท่องเที่ยวเช่นเดียวกัน ไม่ใช่ชาวเม็กซิกันแต่อย่างใด... มีเหตุการณ์คล้ายคลึงกันซึ่งเกิดขึ้นกับตัวดิฉันเอง ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา (ช่วงที่อเมริกากับอิรักกำลังรบกันพอดี) มีโอกาสติดตามสามีไปประชุมทางวิชาการที่นีซ ฝรั่งเศส ค่ำวันหนึ่งได้ไปรับประทานอาหารที่ร้านอาหารเวียดนามชื่อ Hot Pot บังเอิญพนักงานเสิร์ฟเป็นคนไทย ด้วยความที่เจอคนชาติเดียวกันก็คุยทักทายกันอย่างดีใจ คนไทยผู้นั้นถามว่า ดิฉันมาจากที่ไหน ดิฉันก็ตอบไปว่ามาจากชิคาโก เขาก็สวนกลับทันควันว่า "อ๋อ ชิคาโกที่อยู่ใกล้กับแบกแดดใช่ไหม" ดิฉันอึ้งไปพักหนึ่ง จึงตอบกลับว่า "ใช่ค่ะ อยู่ใกล้กับแบกแดด มลรัฐที่ 52 ของอเมริกา และใกล้กับมลรัฐที่ 51 คือ อัฟกานิสถานไงคะ" จากนั้นก็เปลี่ยนเรื่องคุย นี่เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งที่บางครั้งการเสียดสีประชดประชันนั้นเกิดจากนักท่องเที่ยวด้วยกันเอง ซึ่งไม่ได้เกิดจากคนพื้นเมืองในประเทศนั้นๆ เลย และเหตุการณ์เหล่านี้ก็เกิดขึ้นเป็นประจำก่อนการสู้รบระหว่างอเมริกากับอิรักจะเปิดฉากขึ้น... ทั้งนี้ Conde Nast Traveller ยังยืนยันว่า ฝรั่งเศสยังคงเป็นแหล่งท่องเที่ยวในใจของนักท่องเที่ยวชาวอเมริกันอันดับต้นๆ พร้อมการต้อนรับที่อบอุ่น ก็ยังมีอยู่เสมอ... แต่กระนั้นอเมริกันบางคนเองต่างหากที่เกิดความรู้สึกไวด้วยการผสมผสานเรื่องการเมืองที่ผ่านจากสื่อ... เกิดต่อต้านฝรั่งเศสกลับ ด้วยการไม่เดินทางไปเที่ยว ทั้งยังเลิกดื่มไวน์ที่มาจากฝรั่งเศสอีกด้วย...

ส่วนที่ประเทศสเปน ในช่วงเดือนมีนาคมผลการสำรวจพบว่า 90% ของชาวสเปนต่อต้านสงคราม และที่เมืองท่องเที่ยวอย่างเมือง Madrid ปรากฏว่า เป้าหมายของการโกรธเคืองของชาวสเปนอยู่ที่ตัวรัฐบาลของประเทศ เขาเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประธานาธิบดี Jose Maria Aznar ไม่ใช่อเมริกา... เช่นเดียวกับในเม็กซิโก ที่ประชาชนต่างไม่เห็นด้วยอย่างแรงกับรัฐบาลของพวกเขาและรัฐบาลอเมริกัน แต่ขณะเดียวกันก็ยังคงให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวอเมริกันอย่างดี สิ่งเดียวที่ชาวเม็กซิกันวิตกกังวลคือ การที่ประเทศต้องใช้จ่ายงบประมาณในการเข้าร่วมสงครามกับรัฐบาลอเมริกัน ยิ่งกว่านั้นพวกเขากังวลเกี่ยวกับเรื่องการเมืองระหว่างประเทศที่ส่งผลกระทบต่อเรื่องปากท้องของพวกเขา ผู้สื่อข่าว Conde Nast Traveller เล่าว่า ขณะที่เขานั่งแท็กซี่ในเม็กซิโก คนขับหันมาถามเขาว่า ... เป็นความจริงหรือไม่ ที่รัฐบาลอเมริกันบอกชาวอเมริกันว่า "ไม่ให้มาเที่ยวในเม็กซิโก" ไม่มีคำตอบจากนักข่าวผู้นั้น...

ส่วนประเทศในเอเชียหลายประเทศ เช่น เวียดนาม ไม่พบว่ามีรายงานการต่อต้านชาวอเมริกันแต่อย่างใด แม้กระทั่งประเทศมุสลิมอย่างอินโดนีเซีย แม้ว่าก่อนหน้าการสู้รบจะมีรายงานข่าวการต่อต้านที่รุนแรงอยู่เสมอ แต่หลังจากสงครามเกิดขึ้น เหตุการณ์ต่างกลับสงบเงียบ แม้กระทั่งกลุ่มผู้ประท้วงยังไม่หนาแน่นเท่าการประท้วงในปี ค.ศ.2001 ช่วงที่อเมริกาเข้าตะลุยอัฟกานิสถาน อย่างไรก็ดี ในกรุงจาการ์ตามีรายงานว่า ชาวอเมริกัน 3 คนถูกกระชากออกจากรถแท็กซี่ แต่ก็หนีเอาตัวรอดได้อย่างปลอดภัย ส่วนในประเทศไทย Pavillion Resort ที่เกาะสมุยก็ปรากฏชื่ออยู่ในรายงานของ Conde Nast Traveller ว่าได้สร้างความประหลาดใจไม่น้อยที่ออกมาประกาศต่อต้านนักท่องเที่ยวชาวอเมริกัน ในขณะที่ลูกค้าส่วนใหญ่ของรีสอร์ตเป็นชาวสวิสและชาวเยอรมัน ซึ่งก็ไม่ได้ทำให้น่ากังวลมากนัก นิตยสาร Conde Nast Traveller ยังช่วยโปรโมตประเทศไทยให้ด้วยว่า ในช่วงนี้เป็นช่วงที่น่าเที่ยวมากที่สุด เพราะราคาที่พักถูกกว่าที่เคยเป็นมาถึง 20-30% ซึ่งในกรณีนี้นักท่องเที่ยวชาวอเมริกันในประเทศไทยยังถือเป็นเปอร์เซ็นต์น้อย เมื่อเทียบกับนักท่องเที่ยวชาวยุโรปหรือเอเชียด้วยกันเอง รัฐบาลไทยควรเก็บไปคิดว่า ทำอย่างไรจะโปรโมตให้คนอเมริกันมาเที่ยวเมืองไทยให้มากขึ้น เชื่อเถอะ ยังมีอเมริกัน โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ๆ ที่อยากมาเยือนแผ่นดินไทยอีกมากมาย... รายได้ที่มาจากการท่องเที่ยวในประเทศของเราเคยอยู่ในระดับพันๆ ล้าน...ช่วยกันปลุกให้ตื่นจริงๆ เสียที... ส่วนที่แย่หน่อยเห็นจะเป็นฮ่องกง ที่ได้รับผลกระทบจาก SARS อย่างหนัก หากถามชาวอเมริกันตอนนี้ว่าอยากไปฮ่องกงไหม คำตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า "Thanks, but no thanks" แม้ว่าราคาตั๋วเครื่องบินพร้อมที่พักจะถูกแบบสุดๆ... นี่แหละพิษของการเมืองและข่าวสารที่ไร้พรมแดน... ทีนี้จะรังเกียจใครดีล่ะ...

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us