ในชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่ง หากสามารถเป็นแม่ที่ดีได้สำเร็จ ก็ถือได้ว่าคนคนนั้นเป็นผู้ยิ่งใหญ่
ชีวิตของ "พรพรรณ ก่อนันทเกียรติ" หรือ "คุณม่อน" มีชีวิตเหมือน Drama
จากกำเนิดเป็นลูกสาวเจ้าสัว ถาวร พรประภา และเป็นภรรยาดำริห์ ก่อนันทเกียรติ
กับแม่ของลูก 4 คน โดยขณะที่อุ้มท้องคนสุดท้อง เธอต้องช็อกจากการจากไปกะทันหันของดำริห์
และเมื่อฟื้นคืนสภาพ เธอต้องแบกรับภาระหนี้สินยูนิคอร์ดกว่า 7,610 ล้านบาททันที
ผู้หญิงคนนี้ เธอเป็นคนพิเศษที่มีธาตุทรหดของผู้นำและสร้างสรรค์มากกว่าที่สังคมคาดคิด
ฤาว่า... นี่คือ ส่วนหนึ่งของสัญชาตญาณของความเป็น "แม่ที่ดี" ที่ผู้หญิง
คนหนึ่งควรจะมี
หนึ่ง-มิติของความเป็นผู้นำของพรพรรณ ที่ต้องปกป้องคนและธุรกิจของเธอ จากพื้นฐานครอบครัวตระกูลพรประภา
กับประสบการณ์บริหารธุรกิจในฐานะกรรมการผู้จัดการตั้งแต่อายุ 18 แต่เมื่อสิ้นดำริห์
เธอถูกสถานการณ์บังคับให้เรียนรู้ธุรกิจผลิตปลาทูน่ากระป๋อง และสามารถสร้างขวัญกำลังใจของพนักงานได้ยามวิกฤติ
ทั้งๆ ที่ในอดีตไม่เคยสนใจ ปล่อยให้ดำริห์ทำคนเดียว
สอง-มิติของ Strategic Thinking ที่เธอสามารถร่วมกับทีมผู้บริหาร ใช้วางแผนการฟื้นฟูบริษัทยูนิคอร์ดที่ล้มละลายจากปัญหาหนี้สินกว่า
7,610 ล้านบาท โดยจัดอันดับความสำคัญของงานและคน กำหนดเป้าหมายและวิธีการชัดเจนเกี่ยวกับการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตให้สูญเสียปลาทูน่าให้น้อยที่สุด
และสร้างสรรค์เแปรรูปปลาทูน่าให้มีมูลค่าเพิ่ม
ท่ามกลางปัญหาหนี้สินที่รุมเร้าจากเจ้าหนี้ งานแรกคือเธอต้องวิ่งเจรจาต่อรองกับเจ้าหนี้การค้ากว่า
100 บริษัท ไม่ว่าบริษัทส่งปลาวัตถุดิบ โรงงานกล่อง ผลิตกระดาษฉลาก โรงงานกระป๋อง
ฯลฯ ให้ส่งสินค้าให้ตามเดิม
"ทุกคนแทบไม่อยากขาย เขาเกร็งและกลัวไม่ได้เงินคืน แต่เราบอกตรงๆ ว่า เราจะซื้อของเขาเหมือนเดิมและจะทยอยคืนเงินให้เขาก่อน
เพราะเรารู้ว่า ถ้าไม่จ่ายเจ้าหนี้การค้า พวกเขาจะตายก่อนเจ้าหนี้ธนาคารและตายเร็วกว่าเราด้วย"
คุณม่อนเล่าให้ฟังถึงยุควิกฤติที่ยูนิคอร์ดประสบเป็นรายแรก ก่อนยุคไอเอ็มเอฟครองเมืองปี
2540
สาม-มิติของการบริหารการเงินที่พรพรรณละเอียดรอบคอบและหมุนเงินให้สอดคล้องกับแผนดำเนินและขยาย
ธุรกิจอย่างเข้าใจข้อจำกัดของเงินทุนที่เจ้าหนี้บังคับได้ดี เช่น กรณีซื้อเครื่องจักรบรรจุภัณฑ์เพื่อส่งออกแบบ
pouch packaging มูลค่า 50 ล้านบาทได้ โดยกันเงิน 200 ล้านบาท ในส่วนที่บัมเบิ้ลบีชำระบัญชีคืนยูนิคอร์ด
500 กว่าล้านบาท
หลังสิ้นดำริห์ สังคมลืมและทอดทิ้งผู้สูญเสียอย่างเธอให้เผชิญหายนะตามลำพัง
แต่เธอยังดำรงธุรกิจอุตสาหกรรมยูนิคอร์ดให้มียอดขายปีหนึ่งไม่ต่ำกว่า 2,000
ล้านบาทได้ ทั้งๆ ที่เมื่อปี 2538 ยูนิคอร์ดสิ้นเนื้อประดาตัวแทบจะขอดน้ำตากิน
ยอดขายยูนิคอร์ดปี 2539 เหลือเพียง 772 ล้านบาท จากที่เคยขายได้ถึง 5,000
กว่าล้านบาทในยุคดำริห์บริหาร
อะไรคือกระบวนการฟื้นฟูธุรกิจและจิตใจของเธอ? ครั้งแรกที่พบกันที่ชั้น
5 ของอาคารยูนิคอร์ด เธอยังแต่งชุดไว้ทุกข์ให้กับคุณพ่อถาวร พรประภา ดิฉันบอกตัวเองว่า
นี่เป็นครั้งที่สองที่ดิฉันเห็นเธอสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก
เราคุยกันหลายเรื่อง ส่วนใหญ่เกี่ยวกับแผนฟื้นฟูยูนิคอร์ดและปรับโครงสร้างหนี้มูลค่า
7,610 ล้านบาท เพื่อชำระหนี้คืนเจ้าหนี้ตลอด 11 ปี ที่มีคุณม่อนเป็นผู้บริหารแผนฯ
รับเงินเดือน 300,000 บาท
"ม่อนทำเพื่อรักษาชื่อของยูนิคอร์ดให้อยู่ถึงทุกวันนี้ แต่เมื่อใดมันไม่ใช่ของเรา
มันก็ไม่ใช่ ถ้ามีปัญญาก็หาใหม่ได้ อย่าไปหวังอะไรมาก"
ความหวังเธออยู่ที่ลูก เธอตั้งชื่อลูกเองและวางแผนการศึกษาระดับนานาชาติเพื่อเตรียมพร้อมให้ลูกๆ
ได้ประสบแต่สิ่งที่ดีที่สุดที่แม่จะทำให้ได้ รวมถึงปกป้องลูกจากอดีตอันมืดมนสับสนช่วงสุดท้ายของดำริห์ที่ถูกตอกย้ำโดยสื่อ
ขณะนี้ลูกสาวคนโต ด.ญ.ธันยพร หรือ "เมย์" เรียน อยู่ที่ประเทศอังกฤษ ในโรงเรียน
Cranleigh ที่เก่าแก่อายุ 137 ปีและมีชื่อเสียงเด็กเรียนและเล่นกีฬาเก่ง
สำหรับ ด.ช.ธยาน์ (แม็กซ์) ลูกชายคนที่สอง ซึ่งขณะนี้ไปเรียนต่อที่โรงเรียน
Cheam School เกรด 6 หลังจากพี่สาวเพิ่งจบไปและตามด้วย ด.ญ.ธนาภา (มิ้นท์)
ที่จะไปเรียนในเกรด 5 ตามพี่ๆ ที่นี่
ส่วน ด.ช.ธฤต (แมน) ที่อยู่ในวัยกำลังกินกำลังนอน ยังเรียนอยู่ที่โรงเรียนนานาชาติ
เซนต์ แอนดูวรส์ ที่กรุงเทพฯ
"สำหรับวันแม่ในปีนี้ เหลือแต่เมย์ลูกสาวคนโตคนเดียวที่กลับจากอังกฤษมาอยู่ด้วย
ส่วนอีกสามคนไปซัมเมอร์ที่ต่างประเทศ ไม่มีอะไรพิเศษในวันแม่หรอกค่ะ ลูกก็ทำเหมือนทุกๆ
วัน คือ เรารักกัน หอมแก้มกัน กอดกันก็เป็นความสุข เขาอยากทำให้แม่สบายใจและอุ่นใจ
แต่ถ้าจะพิเศษหน่อยก็ต้องเป็นวันเกิดของแม่ที่ลูกๆ จะตื่นเต้น"
น้ำเสียงมีความสุขของเธอวันนี้ ผิดกับวันวานเมื่อมิถุนายน พ.ศ.2538 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่วัดธาตุทองที่ดิฉันรู้จักชื่อเธอ
ในฐานะภรรยาของดำริห์ เจ้าของธุรกิจผลิตและส่งออกปลาทูน่ากระป๋องยักษ์ใหญ่
"ยูนิคอร์ด" ที่สร้างตำนานเทกโอเวอร์กิจการ บัมเบิ้ล บี ของสหรัฐฯ ขณะนั้นดิฉันได้แต่เห็นสภาวะทุกขเวทนาของเธอ
ที่ช็อกจากการจากไปอย่างกะทันหันของสามี และชุดคลุมท้องสีดำของเธอวันนั้น
ยิ่งทำให้บรรยากาศหดหู่ใจยิ่งนัก
"เวลาร่วมชีวิตระหว่างเรา น้อยและสั้นเกินไป 7 ปีกับอีกเพียง 1 เดือนเท่านั้น
เราเพิ่งฉลองครบรอบแต่งงานไปได้เพียงเดือนกว่าๆ ไม่เคยคิดแม้แต่น้อยนิดว่า
เราจะมีเวลาได้อยู่ร่วมกันเพียงเท่านี้" นี่คือตอนหนึ่งของคำไว้อาลัย "ดำริห์..จ๋า"
ของคุณม่อนที่ดิฉันพลิกอ่านเจอจากหนังสืออนุสรณ์ดำริห์ ภาพปกเขียนโดยกวี
อังคาร กัลยาณพงศ์
ไม่มีเวลาสำหรับสงสารตัวเอง เมื่อต้องดูแลลูกทั้งสี่และลูกน้องอีกนับพันครอบครัว
เธอเป็นผู้หญิงที่ดำริห์และลูกๆ ควรภูมิใจกับ "ความแกร่งดุจเพชร" ที่ผ่านแรงกดดันสูงได้อย่างดี