Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน8 ตุลาคม 2551
หุ้นโคม่าสังเวยรัฐบาลทมิฬ ซ้ำเติมวิกฤตการเงินสหรัฐฯ โบรกหวั่นดัชนีหลุด500จุด             
 


   
search resources

Stock Exchange




ตลาดหุ้นไทยเข้าสู่กลียุค เจอพิษการเมืองป่วนหนัก หลังตำรวจใช้ความรุนแรงสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ จนทำให้มีผู้เสียชีวิต-บาดเจ็บจำนวนมาก ซ้ำเติมวิกฤตสถาบันการเงินที่ลุกลามทั่วโลก กดดันให้ดัชนีตลาดหุ้นรูดหนักกว่าตลาดเอเชีย ปิดที่ 528.71 จุด วูบกว่า 23 จุด หรือ 4.18% ขณะที่ ปตท. ราคาหลุด 200 บาทแล้ว ด้านบล.กิมเอ็งฯ ประเมินหุ้นอาจหลุด 500 จุด หลังหั่นเป้าปีนี้เหลือแค่ 700 จุด ส่วนโบรกเกอร์ ประสานเสียงเตือนนักลงทุนให้ถือหุ้นเงิน จับตาปัจจัยเสี่ยงการเมืองปะทุ-วิกฤตการเงินโลก

บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทย วานนี้ (7 ต.ค.) ดัชนีตลาดหุ้นยังคงปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงต่อเนื่องจากวันก่อน ซึ่งเป็นไปตามตลาดหุ้นภูมิภาคที่ปรับตัวลดลงเช่นกัน เนื่องจากนักลงทุนยังกังวลวิกฤตสถาบันการเงินสหรัฐฯ ที่ลุกลามขยายวงกว้างสู่ยุโรป บวกกับสถานการณ์ทางการเมืองที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ใช้ความรุนแรงเข้าสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ทำให้มีประชาชนเสียชีวิต และบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก

จากปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงตั้งแต่เปิดการซื้อขายในช่วงเช้า โดยมีจุดสูงสุดที่ 546.36 จุด หลังจากนั้นได้มีแรงเทขายหุ้นขนาดใหญ่ออกมาเป็นจำนวนมาก ทำให้ดัชนีรูดลงอย่างหนัก และแตะระดับต่ำสุดที่ 527.70 จุด ก่อนจะปิดการซื้อขายที่ 528.71 จุด ลดลง 23.09 จุด คิดเป็น 4.18% มูลค่าการซื้อขายรวม 16,313.45 ล้านบาท

สำหรับหลักทรัพย์ที่การซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก้หุ้นขนาดใหญ่ในกลุ่มพลังงาน คือ บมจ. บ้านปู (BANPU) ที่ราคาลดลงมากสุดถึง 32 บาท หรือ 12.60% ราคาปิดที่ 222 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,948.26 ล้านบาท บมจ.ปตท. (PTT) ราคาปิด 195 บาท ลดลง 7 บาท หรือ 3.47% มูลค่า 1,892.07 ล้านบาท และบมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTT) ปิดที่ 106 บาท ลดลง 4 บาท หรือ 3.64% มูลค่า 1,453.17 ล้านบาท

ทั้งนี้ นักลงทุนต่างประเทศยังเทขายหุ้นออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยมียอดขายสุทธิ 803.99 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 737.83 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 1,541.82 ล้านบาท

ปลอบต่างชาติไม่สนการเมืองร้อน

นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาคจากได้รับผลกระทบจากปัญหาสถาบันการเงินสหรัฐฯ ที่ลุกลามไปยังยุโรป ทำให้ตลาดหุ้นไทยและตลาดหุ้นทั่วโลกช่วงนี้มีความผันผวนสูง

ทั้งนี้ หากประเมินด้านความมั่นคงภายในประเทศเรื่องปัจจัยเศรษฐกิจนั้น ประเทศในเอเชียยังมีการเติบโตที่ดี จากการใช้จ่ายภายในประเทศ ทำให้เชื่อว่าตลาดหุ้นไทยและในแถบนี้จะสามารถฟื้นตัวได้ดีกว่าประเทศที่มีการพัฒนาแล้ว เช่น สหรัฐฯ ยุโรป ซึ่งอยู่ในช่วงปรับฐานเช่นเดียวกัน

สำหรับปัจจัยภายในประเทศกรณีเหตุการณ์ปะทะระหว่างกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และเจ้าหน้าที่ตำรวจในการเข้าสลายการชุมนุมที่หน้ารัฐสภานั้น ยังไม่ได้เป็นปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนต่างประเทศมีความกังวลมาก และเชื่อว่าปัญหาดังกล่าวจะสามารถคลี่คลายและหาทางประนีประนอมได้

“ปัญหาในประเทศยังไม่ได้ส่งผลต่อตลาดหุ้นมากนัก นักลงทุนหวังว่าจะสามารถคลี่คลายปัญหาดังกล่าวได้ และยังไม่ต้องการให้ประเมินถึงสถานการณ์ที่เลวร้ายถึงขั้นยุบสภาหรือเกิดการปฏิวัติ เพราะแม้จะมีมาตรการในการสลายการชุมนุมทำให้ตลาดตกใจอยู่บ้าง แต่เชื่อว่าปัจจัยภายในประเทศจะมีประนีประนอมอยู่ได้”

นายธีระชัย กล่าวว่า นักลงทุนที่ลงทุนในหุ้นขนาดเล็กช่วงนี้ตะต้องมีความระมัดระวัง เพราะราคาหุ้นจะมีความผันผวนหรือเคลื่อนไหวสูง ขณะที่ประเด็นที่นักลงทุนถูกบังคับขายหุ้น (ฟอร์ตเซล) จะไม่ส่งผลรุนแรงมากนัก และกระทบต่อฐานะทางการเงินของโบรกเกอร์ในการปล่อยสินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์ (มาร์จิ้นโลน) จากการที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้มีการปรับเพิ่มวงเงินการวางหลักทรัพย์ค้ำประกันมากขึ้นตั้งแต่ปีที่ผ่านมาแล้ว

“ส่วนตัวผมยังมั่นใจว่าฐานะทางการเงินของโบรกเกอร์ไทยยังแข็งแรง จากมีสินทรัพย์ต่อทุนที่ต่ำ และเชื่อว่ายังไม่มีโบรกเกอร์ไหนที่ได้รับความเสียหายจนต้องปิดกิจการ แม้ขณะนี้ผมจะเดินทางไปประชุมอยู่ที่ดูไบ แต่สำนักงาน ก.ล.ต. จะมีการติดตามดูแลอย่างใกล้ชิด”

กิมเอ็งฯ ชี้ดัชนีหุ้นไทยหลุด 500 จุด

นางมยุรี โชติวิกรานต์ ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KEST กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้ค่อนข้างผันผวนในลักษณะที่ปรับตัวลดลงตั้งแต่เปิดตลาด เกิดจากปัญหาวิกฤตสถาบันการเงินสหรัฐฯ ที่ลุกลามไปสู่ยุโรป ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถสรุปแผนในการดูแลปัญหาดังกล่าว บวกกับปัจจัยการเมืองที่รุนแรงมากขึ้นเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ความรุนแรงในการสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่รัฐสภา

“แรงขายเกิดจากนักลงทุนตื่นตระหนกกับปัญหาวิกฤตสถาบันการเงิน บวกกับตลาดหุ้นไทยเองยังต้องเจอปัจจัยการเมืองที่ร้อนแรงมากยิ่งขึ้น ยิ่งทำให้ตลาดหุ้นไทยแย่หนักไปอีก ซึ่งเกิดจากอารมณ์ของนักลงทุน ไม่ใช้เกิดจากปัจจัยพื้นฐานตลาดหุ้นหรือบริษัทจดทะเบียนที่ยังอยู่ในเกณฑ์ดี”

ทั้งนี้ บล.กิมเอ็ง ได้ปรับลดประมาณการดัชนีตลาดหุ้นไทยในปี 2551 เมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา โดยปรับลดดัชนีเหลือ 700 จุด จากเดิมที่คาดว่าจะอยู่ที่ 850 จุด แต่จากปัญหาวิกฤตสถาบันการเงินและการเมืองที่ร้อนแรงคงเป็นไปได้ยากที่ดัชนีจะปรับตัวเพิ่มขึ้นถึงระดับ 700 จุด

ขณะเดียวกัน จากการที่บริษัทประเมินว่าดัชนีดาวโจนส์จะปรับลดลงเหลือ 9,000 จุด ซึ่งลดลงอีก 10%จากขณะนี้ที่อยู่ 9,900 จุด อาจจะส่งผลให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงต่ำกว่า 500 จุด ได้ รวมทั้งนักลงทุนต่างประเทศยังคงเทขายหุ้นไทยออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันนี้นักลงทุนต่างชาติยังคงมีเงินซื้อสุทธิคงเหลือในตลาดหุ้นไทยอีกประมาณ 90,000 ล้านบาท จากการซื้อสะสมมาตั้งแต่ปี 2549

แนะถือเงินสด-หุ้นรูดยาวต่อ

นางสาวสุภากร สุจิรัตนวิมล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.เคทีบี กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยได้ปรับตัวลดลงหนักกว่าตลาดหุ้นเอเชียที่ปรับตัวลดลงที่ระดับ 3% ขณะที่ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงกว่า 4% เนื่องจากตลาดหุ้นไทยยังได้รับแรงกดดันจากปัญหาความรุนแรงที่เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้ความรุนแรงสลายการชุมนุมของพันธมิตรฯ ทำให้นักลงทุนต่างกังวลว่าปัญหาดังกล่าวจะบานปลาย รวมทั้งยังต้องเผชิญปัญหาเรื่องการชะลอตัวทางเศรษฐกิจโลก และปัญหาวิกฤตสถาบันการเงินที่สภาพคล่องทางการเงินตึงตัวไปทั่วโลก

ขณะที่แนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ คาดว่าจะยังคงปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่หากมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นจะมีแรงเทขายทำกำไรจากนักลงทุน ดังนั้นนักลงทุนควรชะลอการลงทุนเพื่อรอความชัดเจนก่อน โดยมีแนวรับที่ระดับที่ 500-510 จุด และแนวต้านระดับ 550-570 จุด

นายรณกฤต สารินวงศ์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. แอ๊ดคินซัน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงจากปัญหาสถานการณ์ทางการเมืองภายในประเทศ ภายหลังที่เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้ความรุนแรงสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ ทำให้เหตุการณ์บานปลาย ผสมโรงกับปัจจัยต่างประเทศเรื่องวิกฤตสถาบันการเงินที่ลุกลามสู่ยุโรปยังไม่คลี่คลาย

“ตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดว่าจะยังคงผันผวน โดยให้จับตามสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศว่าจะจบลงเมื่อใด ดังนั้นนักลงทุนควรถือเงินสด งดการลงทุน ให้แนวรับไว้ที่ 510 จุด และแนวต้านที่ 540 จุด” นายรณกฤต กล่าว

นางสาวจิตติมา อังสุวรังษี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. ฟาร์อีส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยได้รับแรงกดดันจากความรุนแรงทางการเมืองที่เข้ามาสมทบกับปัจจัยเรื่องวิกฤตสถาบันการเงินในสหรัฐฯ ที่ลุกลามสู่ยุโรป ขณะที่แนวโน้มวันนี้ยังคงผันผวนตามสถานการณ์การเมืองและวิกฤตการเงินโลก โดยมีแนวนับที่ 510-520 จุด และแนวต้านที่ 536 จุด   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us