|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ทัพสินค้าอาหารไทย รับอานิสงส์วิกฤตนมในจีนทลายความเชื่อถือผลิตภัณฑ์อาหาร ญี่ปุ่น ยุโรป อเมริกา ตบเท้าสั่งสินค้าจากไทยเพิ่ม “ซีพีเอฟ” ปรับตัวลดรับจ้างผลิตเร่งผลิตสินค้าซีพี หวังปั้นแบรนด์เทียบโกลเบิลแบรนด์แมคโดนัล 5-10 ปี สิ้นปีรายได้โต 10-15%
นายสุพัฒน์ ศรีธนาทร รองกรรมการผู้จัดการอาวุโสซีพีเอฟ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร หรือ ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า วิกฤตนมที่เกิดในประเทศจีน ทำให้ขณะนี้ทั่วโลกมีความระมัดระวังการนำเข้าและขาดความเชื่อถือทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารจากจีนทั้งหมด ซึ่งถือว่าเป็นผลดีต่อภาคการผลิตอาหารของประเทศไทย โดยขณะนี้เริ่มมีหลายประเทศหันนำเข้าผลิตภัณฑ์อาหารของไทยเพิ่มมากขึ้น
ล่าสุดซีพีเอฟหรือผู้ผลิตด้านอาหารเริ่มมีออร์เดอร์ของลูกค้าจากประเทศญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และยุโรป เพิ่มขึ้น ทำให้บริษัทมีแผนที่จะลดรับจ้างผลิตสินค้า(โออีเอ็ม)ลงในทุกหมวดโดยเฉพาะอาหารสำหรับคน จากปัจจุบันที่มีกำลังผลิตภายใต้แบรนด์ซีพี 6% และหันมาเร่งขยายกำลังผลิตในส่วนนี้เพิ่มขึ้น เพื่อรองรับกับโอกาสทางการตลาด
ทั้งนี้ถือเป็นโอกาสที่ดีของประเทศไทยในท่ามกลางปัจจัยลบรุมเร้าหลายประการ และขณะเดียวกันยังสอดคล้องกับแผนของบริษัทที่ต้องการปลุกปั้นแบรนด์ซีพี ให้เป็นโกเบิลแบรนด์เหมือนกับแมคโดนัล โค้ก เป๊ปซี่ ภายใน อีก 5 -10 ปี อย่างไรก็ตามวิกฤตการณ์นมในจีน ซีพีต้องชี้แจงให้กับผู้บริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศได้รับรู้ถึงมาตรฐานการผลิตสินค้าของซีพี ถึงระบบตวรจสอบมาตรฐานที่มีคุณภาพเป็นที่ยอมรับ เพื่อสร้างความมั่นใจ และความเชื่อแก่ลูกค้า
สำหรับวิกฤตการเงินในสหรัฐที่เกิดขึ้นขณะนี้ ไม่ได้ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมอาหาร เนื่องจากเป็นสินค้าที่จำเป็น ซึ่งเมื่อเทียบกับสินค้าฟุ่มเฟื่อยถือว่าได้รับผลกระทบ อย่างไรก็ตามผู้ผลิตต้องปรับตัวผลิตสินค้าตอบสนองกับความต้องการลูกค้า โดยการพัฒนาเมนูใหม่ออกมาอย่างต่อเนื่องภายใต้ราคาที่สอดคล้องกับกำลังซื้อ
นายสุพัฒน์ กล่าวว่า การทำตลาดในประเทศช่วงไตรมาสสี่บริษัทจะเปิดตัว 2-4 เมนู โดยใช้งบการตลาด 20 ล้านบาทจากงบรวมทั้งปี 100 ล้านบาท โดยจะมีการจัดกิจกรรมการตลาดร่วมกับห้างสรรพสินค้า เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อของผู้บริโภคในช่วงปลายปี และไม่มีแผนปรับราคาสินค้าเพิ่มขึ้น แม้ว่าต้นทุนผลิตเพิ่มขึ้น 1-3 % สำหรับผลประกอบการครึ่งปีหลังจากซีพีเอฟ คาดว่ามีอัตราการเติบโต 10-15% ตามเป้าหมายที่บริษัทวางไว้ หลังจากรายได้ช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา มีอัตราการเติบโต 15%
|
|
|
|
|