|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
“พาณิชย์”ไม่สนวิกฤตเศรษฐกิจสหรัฐฯ ลามทั่วโลก ฟุ้งตั้งเป้าส่งออกปี 2552 โต 15% แถมมีเป้าพิเศษ 17-19% “ไชยา”ระบุมีแผนรับมือไว้แล้ว เตรียมอัดกิจกรรมทุ่มลงตลาดใหม่ดันยอดส่งออกเต็มที่ ขณะที่ตลาดหลักจะพยายามรักษาส่วนแบ่งตลาดไม่ให้ลด พร้อมรุกเปิดตัวธุรกิจบริการร้านอาหาร สปา บันเทิง โรงพยาบาล แฟรนไชส์ดึงเงินอีกทาง “ราเชนทร์”รับตลาดสหรัฐฯ ขยายตัวลดลงแน่ แต่ตลาดอื่นยืนยันเป้าเดิม
นายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ได้ตั้งเป้าหมายการส่งออกสินค้าไทยในปี 2552 โดยคาดการว่าจะมีอัตราการขยายตัว 15% มีมูลค่าประมาณ 2 แสนล้านเหรียญสหรัฐ จากฐานการส่งออกในปีนี้ที่คาดว่าจะขยายตัว 15-20% มูลค่าประมาณ 1.8 แสนล้านเหรียญสหรัฐ และอาจจะขยายตัวได้ 17-19% หากวิกฤตการทางการเงินในสหรัฐฯ คลี่คลายตัวลงได้เร็ว และผลกระทบไม่ลุกลามไปยังเศรษฐกิจของประเทศอื่นๆ
นายไชยากล่าวว่า สำหรับแผนการผลักดันการส่งออกอย่างเร่งด่วน กระทรวงพาณิชย์จะให้ความสำคัญเป็นพิเศษในตลาดที่ได้รับผลกระทบของวิกฤตเศรษฐกิจโลกน้อย โดยเน้นประเทศอาเซียน จีน อินเดีย ตะวันออกกลาง ยุโรปตะวันออก และแอฟริกา ซึ่งมีสัดส่วนการส่งออก 65.3% ของการส่งออกรวม โดยจะผลักดันให้สัดส่วนการส่งออกเพิ่มขึ้นเป็น 65-67% เพื่อชดเชยตลาดหลักที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจ
ส่วนในตลาดหลักที่คาดว่าเศรษฐกิจจะชะลอตัวจากวิกฤตเศรษฐกิจโลก ได้แก่ สหรัฐฯ ญี่ปุ่น และสหภาพยุโรป ที่มีสัดส่วนการส่งออกประมาณ 34.7% นั้น กระทรวงพาณิชย์จะมุ่งส่งเสริมเพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาดไว้ไม่ให้ส่งออกลดลง ซึ่งจะยังคงกิจกรรมส่งเสริมการส่งออกในระดับเดิม และมีมาตรการใหม่ๆ
นอกจากนี้ จะเน้นการผลักดันการส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารอย่างเต็มที่ โดยต้องเพิ่มสัดส่วนการส่งออกจาก 17% ของมูลค่าการส่งออกรวมเป็น 17-19% เพราะสินค้ากลุ่มนี้ใช้วัตถุดิบภายในประเทศสูง การส่งเสริมธุรกิจบริการ เช่น ร้านอาหารไทย ธุรกิจบันเทิง ภาพยนตร์ การศึกษา สปาและโรงพยาบาล เป็นต้น รวมทั้งธุรกิจใหม่ๆ เช่น แฟรนไชส์ การออกแบบ ก่อสร้าง อู่ซ่อมรถ ธุรกิจตัดเย็บเสื้อผ้าผ่านอินเทอร์เน็ต มีกิจกรรมที่จะดำเนินการ 94 โครงการ
ขณะเดียวกัน จะหาทางลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยสนับสนุนให้รัฐบาลเร่งการลงทุนด้านสาธารณูปโภคด้านการขนส่ง เช่น รถไฟรางคู่ ท่าเรือ รถไฟ ลดขั้นตอนราชการโดยให้บริการ ณ จุดเดียว (One Stop Service) ให้มากขึ้น และส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทยออกไปลงทุนในต่างประเทศ ทั้งการลงทุนตั้งโรงงานผลิตในสาขาที่มีศักยภาพ และการเปิดสาขา หาตัวแทนและหุ้นส่วนในต่างประเทศ ในตลาดอาเซียน จีน ตะวันออกกลาง
นายราเชนทร์ พจนสุนทร อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก กล่าวว่า แนวโน้มการส่งออกสินค้าไทยในปี 2552 คาดว่าจะขยายตัวได้ต่อเนื่อง โดยล่าสุดได้รับการยืนยันจากทูตพาณิชย์ที่ประจำอยู่ทั่วโลกว่าการส่งออกจะยังคงขยายตัวได้ต่อเนื่อง และยืนยันเป้าหมายการส่งออกที่ได้เคยหารือไว้ในการประชุมที่กรุงเทพฯ เมื่อเดือนก.ย.ที่ผ่านมา ยกเว้นตลาดสหรัฐฯ ที่คาดว่าจะขยายตัวลดลงจาก 7% เหลือ 3-5% เนื่องจากวิกฤตการทางการเงินที่เกิดขึ้นในสหรัฐฯ ทำให้กำลังซื้อลดลง
ส่วนตลาดส่งออกสำคัญอื่นๆ ยังคงเป้าหมายการส่งออกเดิม เช่น ญี่ปุ่น 8% อาเซียน 9.1% สหภาพยุโรป 7% ยุโรปตะวันออก 30% แคนาดา 7.5% เอเชียใต้ 25% ตะวันออกกลาง 20% แอฟริกา 25% จีน 20% และรัสเซีย 30% เป็นต้น
|
|
|
|
|