ก.ล.ต เชื่อกลางปีหน้าได้เห็นกองทุนรวมสาธารณูปโภค เเม้ตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงรับฟังความคิดเห็นก็ตาม "ธีระชัย" เผยเตรียมเร่งผลักดันให้มีการเเก้พรบ.หลักทรัพย์เเละตลาดหลักทรัพย์ให้สามารถเข้าไปลงทุนในโครงการเมกะโปรเจกต์ได้ ด้าน"ประเวช" เชื่อนักลงทุนให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก ดันไซต์กองทุนโตเกิน 5,000 ล้านบาท ขณะเดียวกันยังเเนะนำไให้ผู้เกษียณในปีนี้คงเงินไว้ในกองทุนสำรองเลี้บงเชีพต่อไปก่อน

นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์เเละตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) กล่าวถึงความคืบหน้าของกองทุนรวมสาธารณูปโภค (Infarstructure fund) ว่า ตอนนี้การจัดตั้งกองทุนดังกล่าวกำลังอยู่ในขั้นตอนการรับฟังความคิดเห็นจากผู้ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งคาดว่าภายในปีนี้คงไม่สามารถจัดตั้งได้ตามที่คาดการณ์ไว้ เพราะทางก.ลต.ต้องให้ทางกรมสรรพกรตีความเสียก่อนว่ากองทุนดังกล่าวเข้าข่ายเป็นกองทุนอสังหาริมทรัพย์หรือไม่ แต่คาดว่ากองทุนดังกล่าวจะสามารถจัดตั้งได้เสร็จสิ้นภายในช่วงกลางปีหน้า

ขณะเดียวกันทางก.ล.ต.ต้องการที่จะเร่งผลักดันให้มีการลงทุนในโครงการเมกะโปรเจกต์ หรือเข้าไปลงทุนก่อนที่จะมีการก่อสร้างโคางการต่างๆได้ เเต่หลักเกณฑ์บางข้อยังขัดกับพระราชบัญญัติ(พรบ.)หลักทรัพย์เเละตลาดหลักทรัพย์อยู่ ซึ่งทางก.ล.ต.ต้องการให้มีการเเก้ไขพรบ.ดังกล่าวเพื่อให้มีการลงทุนในโครงการเหล่านี้เกิดขึ้นได้จริง

ด้านนายประเวช องอาจสิทธิกุล ผู้ช่วยเลขาธิการอาวุโส สำนักงาน กลต. กล่าวว่า โครงสร้างของกองทุนรวมสาธารณูปโภเท่าที่ตั้งไว้คือ มีขนาดของกองทุนอยู่ที่ 5,000 ล้านบาทเเละมีจำนวนผู้ลงทุนขั้นต่ำไม่น้อยกว่า 250 ราย ซึ่งคาดว่าขนาดกองทุนน่าจะมีขนาดใหญ่กว่าที่กำหนดไว้ เนื่องจากนักลงทุนน่าจะให้ความสนใจเข้ามาลงทุน

"ตอนนี้กำลังให้ทางกรมสรรพกรตีความว่ากองทุนรวมสาธารณูปโภค เข้าข่ายเป็นกองทุนอสังหาริมทรัพย์หรือไม่ เช่น ถ้ากองทุนเข้าไปซื้อสินทรัพย์หรือเช่าสินทรัพย์ที่เป็นสิ่งปลูกสร้างเเบบทางด่วน ก็คงต้องให้สรรพกรตีความว่าทางด้านเข้าข่ายอสังหาริมทรัพย์หรือไม่นั้นเอง หรืออาจเป็นกองทุนรวมทั่วไป" นายประเวช กล่าว

ขณะที่การลงทุนที่คาดว่าจะลงทุนนั้นจะเเบ่งการลงทุนทั้งเเบบฮาร์ดเเละซอฟว์ ซึ่งการลงทุนเเบบฮาร์ดนั้นเราอาจลงทุนในทางด่วน หรือโรงไฟฟ้า ส่วนการลงทุนเเบบซอฟว์นั้นจะมีขึ้นหลังจากที่มีการลงทุนเเบบฮาร์ดเสร็จสิ้น โดยการลงทุนดังกล่าวจะต้องดูว่าอุตสหรรมต้องการอะไร เช่นตอนนี้ต้องการให้มีโลจิสติกส์ที่ดีขึ้นก็อาจจะออกองทุนเพื่อพัฒนาโลจิสติก เป็นต้น

ทั้งนี้กองทุนดังกล่าวเมื่อได้รับอนุญาตจากทางสำนักงาน กลต.เเล้วเชื่อว่าจะเป็นการเพิ่มทางเลือกให้เเก่ผู้ลงทุนให้สามารถรับประโยชน์จากรายได้ในโครงการสาธารณูปโภค โดยกองทุนรวมสาธารณูปโภคจะเป็นเเหล่งเงินทุนในการพัฒนาโครงการสาธารณูปโภค เเละที่สำคัญจะเป็นการพัฒนาตลาดทุนเเละตลาดหลักทรัพย์ของไทยอีกด้วย

สำหรับแนวคิดในการจัดตั้งกองทุนรวมสาธารณูปโภค (infrastructure fund) ในเบื้องต้น สำนักงานก.ล.ต. กำหนดรูปแบบกองทุนเอาไว้ว่า กองทุนรวมต้องลงทุนโดยตรงในทรัพย์สินของโครงการสาธารณูปโภค หรือลงทุนผ่านการถือหุ้นในนิติบุคคลที่ลงทุนในทรัพย์สินของโครงการสาธารณูปโภค ในสัดส่วนที่ไม่ต่ำกว่าที่กำหนด ซึ่งทรัพย์สินของโครงการสาธารณูปโภคที่กองทุนรวมสามารถลงทุนได้ ได้แก่ (1) กรรมสิทธิ์ (2) สิทธิครอบครอง (3) สิทธิสัมปทาน (4) สิทธิการเช่า และ (5) สิทธิในการรับผลประโยชน์ในอนาคตหรือสิทธิเรียกร้องในอนาคต ในที่ดิน อาคาร สิ่งปลูกสร้าง เครื่องจักรอุปกรณ์ หรือสังหาริมทรัพย์อื่นๆ ที่ใช้ประโยชน์ในโครงการสาธารณูปโภค โดยโครงการสาธารณูปโภค หมายถึงกิจการหรือการดำเนินการ ไฟฟ้า ประปา รถไฟฟ้าขนส่งมวลชน ถนน โทรศัพท์ โทรคมนาคม หรือสนามบิน เป็นต้น นอกจากนี้ สำนักงานก.ล.ต. ยังเปิดทางให้กองทุนรวมสามารถกู้ยืมหรือก่อภาระผูกพันได้ไม่เกินร้อยละ 10 ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ ส่วนการจัดสรรหน่วยลงทุนนั้น ต้องไม่กระจุกตัวในบุคคลกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งหรือผู้ลงทุนต่างชาติ เกินกว่าสัดส่วนที่กำหนด

กลต.ห่วงนักลงทุนเกษียณกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ

นายธีระชัย กล่าวถึงผู้ที่จะเกษียณเเละลงทุนในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพในปีนี้ว่า ปัจจุบันตลาดหลักทรัพย์ฯ กำลังได้รับผลกระทบจากปัญหาภายในเเละภายนอกประเทศ จึงทำให้ตลาดมีความผันผวนอยู่มาก ส่งผลให้ผู้ที่ลงทุนในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่ต้องครบเกษียณ์ได้รับเงินจากกองทุนน้อยกว่าทุกปีที่ผ่านมา ซึ่งทางกลต.ได้เเก้ไขเเละเพิ่มเติมเกี่ยวกับหลักเกณฑ์ของพรบ.กองทุนสำรองเลี้ยงชีพเเล้ว โดยผู้ที่เกษียณอายุสามารถคงเงินไว้ในกองทุนไม่น้อยกว่า 90 วัน หรืออย่างน้อย 1 ปี จนไปถึง 3 ปี ซึ่งทางกลต.อยากให้ผู้ที่เกษียณคงเงินไว้ก่อน เพื่อเป็นการรักษาสิทธิเเละได้รับผลตอบเเทนที่ดี