Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน3 ตุลาคม 2551
ผักผลไม้ไม่กดดันเงินเฟ้อก.ย.เพิ่ม6% “ศิริพล”มั่นใจทั้งปี6.5-6.9%คุมได้แน่             
 


   
www resources

โฮมเพจ กระทรวงพาณิชย์

   
search resources

กระทรวงพาณิชย์
Commercial and business
Economics




เงินเฟ้อ ก.ย.เพิ่ม 6% สูงขึ้นในอัตราที่ลดลง ส่วนผัก ผลไม้แพงจากน้ำท่วม ไม่กดดันเงินเฟ้อมากนัก เหตุยังได้รับอานิสงค์จาก 6 มาตรการ 6 เดือนรัฐบาล และราคาน้ำมันตลาดโลกที่ปรับตัวลดลง “ศิริพล”มั่นใจเงินเฟ้อทั้งปีไม่เกิน 6.5-6.9% แน่นอน หลังผ่าน 9 เดือนสูงขึ้น 6.5%

นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (เงินเฟ้อ) เดือนก.ย.เมื่อเทียบกับเดือนส.ค.ที่ผ่านมา สูงขึ้น 0.2% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นหลังจากที่เคยปรับตัวลดลงถึง 3% เมื่อเทียบกับเดือนก.ย.2550 สูงขึ้น 6% เพิ่มขึ้นในอัตราที่ลดลงเช่นเดียวกัน และเมื่อเทียบเฉลี่ย 9 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-ก.ย.) กับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว สูงขึ้น 6.5%

ทั้งนี้ เงินเฟ้อก.ย.ที่สูงขึ้น 0.2% นั้น เป็นเพราะดัชนีหมวดอาหารและเครื่องดื่ม สูงขึ้น 1.7% จากการสูงขึ้นของผักและผลไม้ 7.4% เช่น ผักคะน้า ผักกาดขาว ผักชี กะหล่ำปลี มะนาว ส้มเขียวหวาน มะม่วง องุ่น และทุเรียน เป็นต้น เนื่องจากผลผลิตออกสู่ตลาดน้อย เพราะได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม และเป็นช่วงปลายฤดู ขณะที่ไข่และผลิตภัณฑ์นมสูงขึ้น 1.5% เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์สูงขึ้น 0.6% เช่น กาแฟผงสำเร็จรูป น้ำอัดลม อาหารสำเร็จรูป สูงขึ้น 0.2% โดยเฉพาะกับข้าวสำเร็จรูป บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป และแฮมเบอร์เกอร์ แต่อาหารประเภทข้าว เนื้อสุกร และสัตว์ปีก ราคาลดลง

ส่วนดัชนีหมวดอื่นๆ ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม ลดลง 0.8% เนื่องจากราคาน้ำมันในตลาดโลกยังคงลดลง และยังได้รับอานิสงค์ต่อเนื่องจาก 6 มาตรการ 6 เดือนของรัฐบาล ทำให้ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงลดลง 4.2% ค่าโดยสารรถไฟ ลดลง 51.4% ค่าโดยสารรถประจำทางสูงขึ้น 7.2% เนื่องจากมีการยกเลิกการระงับขึ้นค่าโดยสารขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ ตั้งแต่ 1 ก.ย. ขณะที่ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด เช่น ผงซักฟอก น้ำยาล้างจาน สูงขึ้น 1.2% ของใช้ส่วนบุคคล เช่น สบู่ ยาสีฟัน แชมพู สูงขึ้น 0.4%

“เงินเฟ้อในเดือนส.ค. ลดลงมากถึง 3% เพราะราคาน้ำมันในตลาดโลกลดลง และยังได้รับอานิสงค์จาก 6 มาตรการ 6 เดือนของรัฐบาล พอมาเดือนก.ย. น้ำมันตลาดโลกก็ยังชะลอตัว 6 มาตรการ 6 เดือนก็ยังมีผลช่วยดึงเงินเฟ้ออยู่ แต่สินค้าหมวดผักและผลไม้ปรับตัวสูงขึ้นมาก จากภาวะน้ำท่วม ผลผลิตน้อยลงจากปลายฤดู ทำให้เงินเฟ้อพลิกกลับมาปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.2%”นายศิริพลกล่าว

สำหรับเงินเฟ้อก.ย.เมื่อเทียบกับเดือนก.ย.2551 สูงขึ้น 6% นั้น ปัจจัยหลักยังคงเป็นการสูงขึ้นของน้ำมันเชื้อเพลิง 19.4% เพราะเมื่อเทียบราคาของปีก่อนซึ่งยังไม่ปรับตัวสูง โดยดัชนีหมวดอื่นๆ ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่มโดยเฉลี่ยไม่มีการเปลี่ยนแปลง ดัชนีหมวดอาหารและเครื่องดื่ม สูงขึ้น 15.7% เช่น ข้าวแป้งและผลิตภัณฑ์จากแป้ง สูงขึ้น 27.1% ผักและผลไม้ สูงขึ้น 25.8% เครื่องประกอบอาหาร สูงขึ้น 16.2% เนื้อสัตว์เป็ด ไก่ และสัตว์น้ำ สูงขึ้น 13.4%

นายศิรพลกล่าวว่า เงินเฟ้อรวม 9 เดือนสูงขึ้น 6.5% สูงขึ้นในอัตราที่เริ่มชะลอตัวลง และมั่นใจว่าเงินเฟ้อทั้งปีน่าจะอยู่ในระดับ 6.5-6.9% ภายใต้สมมติฐานราคาน้ำมันเฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ 100-105 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล อัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 32-33 บาทต่อเหรียญสหรัฐ โดยจนถึงขณะนี้ราคาน้ำมันเฉลี่ยอยู่ที่ 96.01 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล อัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 34.17 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ซึ่งจะเห็นได้ว่าสมมติฐานยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงมาก

ทางด้านเงินเฟ้อพื้นฐานเดือนก.ย. ซึ่งหักรายการสินค้ากลุ่มอาหารสดและกลุ่มพลังงาน ซึ่งคิดเป็น 24% ของสัดส่วนค่าใช้จ่ายทั้งหมดออก เมื่อเทียบกับเดือนส.ค.ที่ผ่านมา ไม่มีการเปลี่ยนแปลง เทียบกับเดือนก.ย.2551 สูงขึ้น 2.6% และเทียบเฉลี่ย 9 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-ก.ย.) กับช่วงเดีวกันของปีที่แล้ว สูงขึ้น 2.5%   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us