|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ตลาดหุ้นไทยเงียบเหงา ดัชนีแกว่งตัวในกรอบแคบ เหตุนักลงทุนชะลอซื้อขายหุ้น เพื่อรอดูมาตรการบรรเทาวิกฤตสถาบันการเงินสหรัฐฯ จะผ่านการอนุมัติจากสภาคองเกรสหรือไม่ โดยมีแรงทิ้งหุ้นขนาดใหญ่ทั้งพลังงาน-แบงก์ ด้านโบรกเกอร์ สั่งจับตามาตรการแก้วิกฤตของสหรัฐฯ แม้จะส่งผลแค่ระยะสั้น เนื่องจากนักลงทุนคาดการณ์และเข้ามาลุยเก็งกำไรบ้างแล้ว พร้อมแนะให้ติดตามแผลใหม่ที่อาจเกิดขึ้น
บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทย วานนี้ (1 ต.ค.) ดัชนีตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบแคบๆ ทั้งแดนบวกและแดนลบ ท่ามกลางความเงียบเหงา เนื่องจากนักลงทุนต่างชะลอการซื้อขายหุ้น เพื่อรอดูทิศทางและความชัดเจนมาตรการบรรเทาวิกฤตสถาบันการเงินสหรัฐฯ ว่าจะออกมาในรูปแบบใด โดยมีแรงเทขายจากหุ้นกลุ่มพลังงาน และธนาคารพาณิชย์ ขณะเดียวกันได้มีแรงซื้อเข้ามาในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี อสังหาริมทรัพย์ และวัสดุก่อสร้าง
จากปัจจัยดังกล่าวได้ส่งผลกระทบทำให้ดัชนีตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นไปเหนือ 600 จุด ที่ระดับ 602.78 จุด หรือเพิ่มขึ้น 2.73 จุด และต่ำสุดที่ 593.81 จุด ลดลง 6.24 จุด ก่อนจะปิดการซื้อขายที่ 594.45 จุด ลดลงจากวันก่อนหน้า 2.09 จุด หรือคิดเป็น 0.35% มูลค่าการซื้อขายรวมทั้งสิ้น 9,540.96 ล้านบาท
โดยนักลงทุนต่างประเทศยังคงมียอดขายสุทธิ 132.60 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 68.89 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 201.49 ล้านบาท
สำหรับหลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก คือ บมจ. ปตท. (PTT) ราคาปิดที่ 224 บาท ลดลงจากวันก่อน 4 บาท หรือ 1.75% มูลค่าการซื้อขายรวม 971.33 ล้านบาท บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) ปิดที่ 126 บาท ลดลง 1 บาท หรือ 0.79% มูลค่า 755.57 ล้านบาท และธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) ปิดที่ 15.40 บาท ลดลง 0.80 บาท หรือ 4.94% มูลค่า 635.77 ล้านบาท
นายรณกฤต สารินวงศ์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) แอ๊ดคินซัน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า วานนี้ดัชนีตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบแคบๆ โดยนักลงทุนชะลอการลงทุนเพื่อรอดูผลการประชุมสภาคองเกรส สหรัฐฯ ในการพิจารณาอนุมัติแผนบรรเทาวิกฤตสถาบันการเงินสหรัฐฯ มูลค่ารวม 7 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ
สำหรับทิศทางดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ คาดว่ายังคงเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ โดยนักลงทุนต้องติดตามผลการประชุมสภาเกรส สหรัฐฯ จะอนุมัติแผนบรรเทาวิกฤตสถาบันการเงินมูลค่า 7 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือไม่ ทั้งนี้นักลงทุนควรชะลอการลงทุนไปก่อน โดยมีแนวรับที่ 590 จุด และแนวต้านที่ 610 จุด
นางสาวจิตรา อมรธรรม ผู้อำนวยอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. ไซรัส จำกัด (มหาชน) หรือSYRUS กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นค่อนข้างผันผวน โดยปรับตัวเล็กน้อยในช่วงเปิดตลาดภาคเช้า แม้ช่วงบ่ายจะรีบาวน์ขึ้นมาเล็กน้อย จากความคาดหวังของนักลงทุนต่อนโยบายของสหรัฐฯ ในการอัดฉีดเม็ดเงินจำนวน 7 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
“วันนี้คาดว่าตลาดหุ้นจะยังปรับตัวในกรอบแคบๆ โดยมีปัจจัยหลักจากมาตรการของทางการสหรัฐฯ รวมถึงทิศทางราคาน้ำมัน ดังนั้นนักลงทุนควรลงทุนในระยะสั้นๆ ส่วนหุ้นที่น่าลงทุนจะเป็นกลุ่มธนาคาร สื่อสาร และค้าปลีก แต่ต้องเป็นหุ้นที่มีฐานรายได้อยู่ภายในประเทศเป็นหลัก”
นางสาวจิตติมา อังสุวรังษี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. ฟาร์อีส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตลาดหุ้นค่อนข้างเงียบเหงาจากการที่ตลาดในเอเชียหลายแห่งหยุดทำการซื้อขาย ขณะที่นักลงทุนชะลอการลงทุนเพื่อรอดูผลการประชุมสภาคองเกรสของสหรัฐฯ ในการอนุมัติแผนเพื่อแก้ไขวิกฤติสถาบันการเงิน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการลงทุนในวันนี้ด้วย โดยให้แนวรับที่ 587-593 จุด แนวต้านที่ 601-607 จุด แนะนักลงทุนควรชะลอการลงทุนออกไปก่อน
นางสาววิริยา ลาภพรหมรัตน ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เกียรตินาคิน กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวจากแรงเทขายทำกำไรสลับออกมา หลังจากดัชนีตลาดหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้น กดดันให้ดัชนีตลาดหุ้นเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบจำกัด ขณะที่นักลงทุนเองก็ติดตามแผนฟื้นฟูภาคสถาบันการเงินของสหรัฐฯ ด้วย คงจะต้องติดตามในวันพรุ่งนี้ต่อเนื่อง
พร้อมกันนี้ ตลาดหุ้นภูมิภาคหลายตลาดก็หยุดทำการ อย่างจีนเป็นวันชาติจีน ทำให้ภาวะของตลาดระยะนี้เป็นตลาดที่แกว่งตัวหลังจากที่เมื่อวานรีบาวน์กลับค่อนข้างแรงในช่วงท้ายตลาด
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตลาดหุ้นรอผลประชุมของสหรัฐฯ เรื่องแผนกู้วิกฤติ 7 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ กับเรื่องร่างกฎหมายค้ำประกันเงินฝากจากเดิม 1 แสนดอลลาร์สหรัฐ เป็น 2.5 แสนดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งไม่สามารถระบุได้ว่าจะสามารถสรุปได้เลยหรือไม่ หรืออาจจะต้องมีการอภิปรายกันในประเด็นต่างๆ ดังนั้นนักลงทุนจึงชะลอการซื้อขาย เพื่อรอดูความชัดเจนก่อนตัดสินใจลงทุนอีกครั้ง
“นักลงทุนได้แต่รอว่าจะมีการอนุมัติแผนฟื้นฟูฯ สถาบันการเงินสหรัฐฯ หรือไม่ แต่หากอนุมัติก็คงจะส่งผลดีต่อตลาดหุ้นช่วงสั้นๆ เท่านั้น เพราะตลาดหุ้นได้รับทราบข่าวไปบ้างแล้ว ซึ่งจะต้องรอว่าปัญหาดังกล่าวจะยุติเมื่อใด หรือจะขยายวงกว้างกระทบต่อสถาบันการเงินอื่นๆ ต่อไปอีกหรือไม่ แต่หากปัญหายุติได้ก็จะส่งผลดีต่อตลาดหุ้นทั่วโลก”
|
|
|
|
|