Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน2 ตุลาคม 2551
ตลาดหุ้นลุ้นแผนกู้วิกฤตการเงินสหรัฐฯ             
 


   
search resources

Stock Exchange




ตลาดหุ้นไทยเงียบเหงา ดัชนีแกว่งตัวในกรอบแคบ เหตุนักลงทุนชะลอซื้อขายหุ้น เพื่อรอดูมาตรการบรรเทาวิกฤตสถาบันการเงินสหรัฐฯ จะผ่านการอนุมัติจากสภาคองเกรสหรือไม่ โดยมีแรงทิ้งหุ้นขนาดใหญ่ทั้งพลังงาน-แบงก์ ด้านโบรกเกอร์ สั่งจับตามาตรการแก้วิกฤตของสหรัฐฯ แม้จะส่งผลแค่ระยะสั้น เนื่องจากนักลงทุนคาดการณ์และเข้ามาลุยเก็งกำไรบ้างแล้ว พร้อมแนะให้ติดตามแผลใหม่ที่อาจเกิดขึ้น

บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทย วานนี้ (1 ต.ค.) ดัชนีตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบแคบๆ ทั้งแดนบวกและแดนลบ ท่ามกลางความเงียบเหงา เนื่องจากนักลงทุนต่างชะลอการซื้อขายหุ้น เพื่อรอดูทิศทางและความชัดเจนมาตรการบรรเทาวิกฤตสถาบันการเงินสหรัฐฯ ว่าจะออกมาในรูปแบบใด โดยมีแรงเทขายจากหุ้นกลุ่มพลังงาน และธนาคารพาณิชย์ ขณะเดียวกันได้มีแรงซื้อเข้ามาในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี อสังหาริมทรัพย์ และวัสดุก่อสร้าง

จากปัจจัยดังกล่าวได้ส่งผลกระทบทำให้ดัชนีตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นไปเหนือ 600 จุด ที่ระดับ 602.78 จุด หรือเพิ่มขึ้น 2.73 จุด และต่ำสุดที่ 593.81 จุด ลดลง 6.24 จุด ก่อนจะปิดการซื้อขายที่ 594.45 จุด ลดลงจากวันก่อนหน้า 2.09 จุด หรือคิดเป็น 0.35% มูลค่าการซื้อขายรวมทั้งสิ้น 9,540.96 ล้านบาท

โดยนักลงทุนต่างประเทศยังคงมียอดขายสุทธิ 132.60 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 68.89 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 201.49 ล้านบาท

สำหรับหลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก คือ บมจ. ปตท. (PTT) ราคาปิดที่ 224 บาท ลดลงจากวันก่อน 4 บาท หรือ 1.75% มูลค่าการซื้อขายรวม 971.33 ล้านบาท บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) ปิดที่ 126 บาท ลดลง 1 บาท หรือ 0.79% มูลค่า 755.57 ล้านบาท และธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) ปิดที่ 15.40 บาท ลดลง 0.80 บาท หรือ 4.94% มูลค่า 635.77 ล้านบาท

นายรณกฤต สารินวงศ์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) แอ๊ดคินซัน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า วานนี้ดัชนีตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบแคบๆ โดยนักลงทุนชะลอการลงทุนเพื่อรอดูผลการประชุมสภาคองเกรส สหรัฐฯ ในการพิจารณาอนุมัติแผนบรรเทาวิกฤตสถาบันการเงินสหรัฐฯ มูลค่ารวม 7 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ

สำหรับทิศทางดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ คาดว่ายังคงเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ โดยนักลงทุนต้องติดตามผลการประชุมสภาเกรส สหรัฐฯ จะอนุมัติแผนบรรเทาวิกฤตสถาบันการเงินมูลค่า 7 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือไม่ ทั้งนี้นักลงทุนควรชะลอการลงทุนไปก่อน โดยมีแนวรับที่ 590 จุด และแนวต้านที่ 610 จุด

นางสาวจิตรา อมรธรรม ผู้อำนวยอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. ไซรัส จำกัด (มหาชน) หรือSYRUS กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นค่อนข้างผันผวน โดยปรับตัวเล็กน้อยในช่วงเปิดตลาดภาคเช้า แม้ช่วงบ่ายจะรีบาวน์ขึ้นมาเล็กน้อย จากความคาดหวังของนักลงทุนต่อนโยบายของสหรัฐฯ ในการอัดฉีดเม็ดเงินจำนวน 7 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

“วันนี้คาดว่าตลาดหุ้นจะยังปรับตัวในกรอบแคบๆ โดยมีปัจจัยหลักจากมาตรการของทางการสหรัฐฯ รวมถึงทิศทางราคาน้ำมัน ดังนั้นนักลงทุนควรลงทุนในระยะสั้นๆ ส่วนหุ้นที่น่าลงทุนจะเป็นกลุ่มธนาคาร สื่อสาร และค้าปลีก แต่ต้องเป็นหุ้นที่มีฐานรายได้อยู่ภายในประเทศเป็นหลัก”

นางสาวจิตติมา อังสุวรังษี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. ฟาร์อีส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตลาดหุ้นค่อนข้างเงียบเหงาจากการที่ตลาดในเอเชียหลายแห่งหยุดทำการซื้อขาย ขณะที่นักลงทุนชะลอการลงทุนเพื่อรอดูผลการประชุมสภาคองเกรสของสหรัฐฯ ในการอนุมัติแผนเพื่อแก้ไขวิกฤติสถาบันการเงิน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการลงทุนในวันนี้ด้วย โดยให้แนวรับที่ 587-593 จุด แนวต้านที่ 601-607 จุด แนะนักลงทุนควรชะลอการลงทุนออกไปก่อน

นางสาววิริยา ลาภพรหมรัตน ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เกียรตินาคิน กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวจากแรงเทขายทำกำไรสลับออกมา หลังจากดัชนีตลาดหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้น กดดันให้ดัชนีตลาดหุ้นเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบจำกัด ขณะที่นักลงทุนเองก็ติดตามแผนฟื้นฟูภาคสถาบันการเงินของสหรัฐฯ ด้วย คงจะต้องติดตามในวันพรุ่งนี้ต่อเนื่อง

พร้อมกันนี้ ตลาดหุ้นภูมิภาคหลายตลาดก็หยุดทำการ อย่างจีนเป็นวันชาติจีน ทำให้ภาวะของตลาดระยะนี้เป็นตลาดที่แกว่งตัวหลังจากที่เมื่อวานรีบาวน์กลับค่อนข้างแรงในช่วงท้ายตลาด

นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตลาดหุ้นรอผลประชุมของสหรัฐฯ เรื่องแผนกู้วิกฤติ 7 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ กับเรื่องร่างกฎหมายค้ำประกันเงินฝากจากเดิม 1 แสนดอลลาร์สหรัฐ เป็น 2.5 แสนดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งไม่สามารถระบุได้ว่าจะสามารถสรุปได้เลยหรือไม่ หรืออาจจะต้องมีการอภิปรายกันในประเด็นต่างๆ ดังนั้นนักลงทุนจึงชะลอการซื้อขาย เพื่อรอดูความชัดเจนก่อนตัดสินใจลงทุนอีกครั้ง

“นักลงทุนได้แต่รอว่าจะมีการอนุมัติแผนฟื้นฟูฯ สถาบันการเงินสหรัฐฯ หรือไม่ แต่หากอนุมัติก็คงจะส่งผลดีต่อตลาดหุ้นช่วงสั้นๆ เท่านั้น เพราะตลาดหุ้นได้รับทราบข่าวไปบ้างแล้ว ซึ่งจะต้องรอว่าปัญหาดังกล่าวจะยุติเมื่อใด หรือจะขยายวงกว้างกระทบต่อสถาบันการเงินอื่นๆ ต่อไปอีกหรือไม่ แต่หากปัญหายุติได้ก็จะส่งผลดีต่อตลาดหุ้นทั่วโลก”   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us