นี่อาจเป็นครั้งแรกที่ฮันส์ โรเจอร์ สนุ้ก ขึ้นเวทีบรรยายพิเศษช่วงอาหารกลางวัน
ให้กับ
ผู้บริหารระดับสูงขององค์กรธุรกิจของไทย ตามคำเชิญของหอการค้านานาชาติแห่งประเทศไทย
ด้วยประสบการณ์และเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง และกรรมการผู้จัดการใหญ่ ออเร้นจ์
ประเทศอังกฤษ ริเริ่มความคิดสื่อสารไร้สาย (wirefree) นำไปสู่การสร้าง brand
ของออเร้นจ์จนสำเร็จมาแล้ว และยังมีส่วนร่วมในการร่วมทุนระหว่างออเร้นจ์กับเครือเจริญโภคภัณฑ์
แม้ว่าเขาจะลาออกจากการเป็นที่ปรึกษาให้กับออเร้นจ์แล้วก็ตาม ในฐานะของประธานกรรมการบริษัททีเอ
ออเร้นจ์ แทนธนินท์ เจียรวนนท์ วิสัยทัศน์ของเขาจึงเป็นเรื่องจำเป็นสำหรับภารกิจในครั้งนี้
ฮันส์ สนุ้ก ขึ้นเวทีในชุดสูทสีดำปกตั้ง เสื้อเชิ้ตไม่มีปก ไม่ผูกเนกไท
แต่ไม่ลืมติดเข็มกลัดออเร้นจ์สีส้มที่มุมซ้ายปกเสื้อ
ประสบการณ์หลากหลายทำให้ฮันส์ สนุ้ก มีบุคลิกที่เป็นแบบฉบับเฉพาะตัวที่ดูผ่อนคลาย
ไม่เคร่งเครียดเหมือนผู้บริหารระดับสูงทั่วไป
นอกเหนือจากธุรกิจโทรคมนาคมที่เขาคลุกคลีมาอย่างต่อเนื่องแล้ว เป็นประธานบริษัทคาโฟน
แวร์เฮาส์ ค้าปลีกโทรศัพท์มือถือรายใหญ่ในยุโรป ฮันส์ยังมีธุรกิจอื่นๆ ในหลายประเทศ
ถือหุ้นในโรงแรม Best Western Hotel ในเมืองแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา มีร้านอาหาร
อิตาเลียน และอังกฤษ ยังเป็นเจ้าของคลินิก เฉพาะด้านเกี่ยวกับสุขภาพ ที่ชื่อ
Diagnostic Clinic ที่อังกฤษ รวมทั้งเป็นเจ้าของคามาลายา ธุรกิจสปาที่เกาะสมุย
ด้วยประสบการณ์ในธุรกิจเหล่านี้ ที่ต้องมุ่งในเรื่องการให้บริการเป็นหลัก
ที่จะนำไปใช้ประโยชน์โดยตรงกับธุรกิจโทรศัพท์มือถือ ที่ต้องมุ่งเน้นการสร้างความพึงพอใจแก่ผู้บริโภค
ฮันส์ สนุ้ก ยกตัวอย่างธุรกิจคลินิกสุขภาพ ที่ประยุกต์วิธีการรักษาแบบตะวันตกเข้ากับตะวันออก
ซึ่งเน้นการรักษาในแต่ละคนที่มีรายละเอียดของร่างกายแตกต่างกัน เช่นเดียวกับธุรกิจโทรศัพท์มือถือที่ต้อง
เข้าใจความต้องการของลูกค้าเป็นสำคัญ
ฮันส์ สนุ้ก ไม่ใช่คนหน้าใหม่สำหรับเมืองไทย เขาเคยบุกเบิกธุรกิจวิทยุติดตามตัวให้กับฮัทชิสัน
วัมเปา ฮ่องกงที่มาร่วมทุนกับล็อกซเล่ย์ และครั้งนี้เขาเป็นผู้ที่มีบทบาท
ในการร่วมทุนระหว่างออเร้นจ์ และกลุ่มทีเอ
เขาใช้เวลา 1 ชั่วโมงเต็มกับการฉายภาพประสบการณ์และความสำเร็จของออเร้นจ์ในอังกฤษ
และการลงทุนของออเร้นจ์ในไทย ที่สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับธุรกิจโทรศัพท์มือถือของไทยสำเร็จจากการสร้างความรับรู้ในแบรนด์ในเวลา
3 เดือน
ประเด็นหนึ่งที่ ฮันส์ สนุ้ก หยิบยกขึ้นมาเสนอความเห็นและถือเป็น issue
การมีหน่วยงานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) ที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับธุรกิจโทรคมนาคม
โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาความไม่เท่าเทียมในเรื่องส่วนแบ่งรายได้ให้กับหน่วยงานรัฐ
อย่างองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย
"มันเป็นการไม่ยุติธรรมที่ผู้ให้บริการรายหนึ่งจ่ายส่วนแบ่งรายได้เพียงแค่
2% ในขณะที่โอเปอเรเตอร์รายอื่นๆ กลับต้องจ่าย 38%"
สิ่งที่เขาคาดหวังจะเกิดขึ้นหลังจากจัดตั้ง กทช. คือ ค่าเชื่อมโยงโครงข่าย
การแปลงสัมปทาน และการจัดสรรคลื่นความถี่อย่างทัดเทียมกัน
เขาไม่ลืมที่จะให้วิสัยทัศน์เกี่ยวกับการคาดหมายถึงอนาคตของเทคโนโลยี ประสบการณ์ของออเร้นจ์ที่จะมีผลต่อทิศทางของทีเอ
ออเร้นจ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อยอดความร่วมมือกับเทเลคอมเอเซีย ที่จะใช้ประโยชน์จากโครงข่ายโทรศัพท์พื้นฐาน
โทรศัพท์มือถือ บริการบรอดแบรนด์ ผนึกรวมเข้ากับเทคโนโลยีไร้สายใหม่ๆ ที่ออเร้นจ์ได้คิดค้นและริเริ่มไปแล้ว
พัฒนาเป็น บริการใหม่ตอบสนองความต้องการของลูกค้า
เขายกตัวอย่างบริการ Wi-Fi บริการอินเทอร์เน็ตไร้สายความเร็วสูง ที่ทีเอได้ให้
บริการไปแล้วที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ในอนาคตจะมีการรวมเอาจุดเด่นของเทคโน
โลยีอินเทอร์เน็ตไร้สายเข้ากับเทคโนโลยีบลูทูช อุดช่องว่างหรือข้อจำกัด เพื่อทำให้ผู้ใช้โทรศัพท์มือถือใช้อินเทอร์เน็ตความเร็ว
สูงได้ไม่ว่าจะอยู่ภายในอาคาร หรือภายนอกอาคาร
M-commerce เป็นอีกตัวอย่างหนึ่ง ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตกับการใช้โทรศัพท์มือถือชำระค่าบริการ
ซึ่งเวลานี้ออเร้นจ์ได้ร่วมมือกับผู้ให้บริการในยุโรป เปิดให้บริการ M-commerce
ต้นปีหน้า เริ่มจากการชำระค่าบริการสินค้าราคาไม่สูง
"ในอนาคต ผู้ให้บริการมือถือจะมีบทบาทเป็น clearing house แทนธนาคารหรือผู้ออกบัตรเครดิต"
บทสนทนาของเขาในวันนั้น จึงเป็นภารกิจที่จำเป็นสำหรับบุคคลที่ได้ชื่อว่าเป็น
ตำนานของออเร้นจ์ และเป็นส่วนหนึ่งของผู้ร่วมคิดการวางทิศทางของทีเอ ออเร้นจ์
ท่ามกลางบรรดาแขกรับเชิญที่ล้วนแต่เป็นผู้บริหารระดับสูงในธุรกิจโทรคมนาคม
สถาบันการเงิน หน่วยงานราชการที่จะได้รับรู้อนาคตและวิสัยทัศน์ของธุรกิจ
นอกเหนือจากที่ได้สัมผัสจาก "สื่อ" เพียงอย่างเดียว