ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยที่ขึ้นๆ ลงๆ อยู่ที่ 600 กว่าจุดตอนนี้ ว่ากันว่าเป็นตลาดถูกที่สุดในภูมิภาค แล้วนักลงทุนควรทำอย่างไรกับเงินในกระเป๋า ควรจะอยู่นิ่งๆ หายใจเบาๆ หรือฉวยโอกาส จังหวะนี้แหละใช่เลย?

สถานการณ์ตลาดผันผวนที่เกิดขึ้นนักลงทุนเกิดความไม่แน่ใจควรจะลงทุนเช่นไรไม่ให้เกิดความเสี่ยง จนทำให้ซิตี้แบงก์ และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อเบอร์ดีน จำกัด ร่วมมือจัดสัมมนาเชิญนักวิเคราะห์ด้านการลงทุนของทั้งสองบริษัทมาวิเคราะห์สถานการณ์ธุรกิจให้กับลูกค้าไปเมื่อเร็วๆ นี้

ซิตี้แบงก์ได้เชิญมาริโอ ชู หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์การลงทุน ประจำภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก ส่วนอเบอร์ดีน ให้ปีเตอร์ เอลส์ตัน ผู้เชี่ยวชาญด้านกลยุทธ์การลงทุน บริษัท อเบอร์ดีนแอสเสท แมเนจเม้นท์ มาร่วมงาน

ทั้งสองคนได้พูดภายใต้หัวข้อ Mid-Year Outlook & Smart Investing for 2008

ตลาดผันผวนที่เกิดจากปัจจัยทั้งภายในและภายนอก โดย เฉพาะปัจจัยภายนอกที่เริ่มจากสหรัฐอเมริกาในเรื่องของปัญหาซัพไพร์มและลามไปยังกลุ่มประเทศยุโรป ซึ่งประเทศไทยก็เป็นหนึ่งในประเทศที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้เช่นเดียวกัน

นอกเหนือจากปัญหาภายนอกที่เกิดขึ้น ปัญหาภายในเรื่องการเมืองช่วยซ้ำเติมให้เศรษฐกิจไทยยิ่งสาหัสเข้าไปอีก ทำให้ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ของไทยตกลงไป 20 เปอร์เซ็นต์ และอยู่ในระดับเฉลี่ย 650 จุด

แต่วิกฤติที่เกิดขึ้นในตลาดหลักทรัพย์สามารถพลิกให้เป็นโอกาสสำหรับนักลงทุนที่สามารถเลือกซื้อหุ้นได้ในราคาถูก เพราะราคาหุ้นที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ไทยตอนนี้ลงต่ำเกือบจะที่สุดในภูมิภาคนี้แล้ว จังหวะเช่นนี้จึงเหมาะแก่การลงทุนเป็นอย่างมาก

ชู นักวิเคราะห์จากซิตี้แบงก์ให้ความเห็นว่า นักลงทุนที่ฝากเงินไว้ในธนาคารจะไม่ได้ผลตอบแทนอะไรเลยในภาวะเงินเฟ้อ ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานี้ เพราะดอกเบี้ยธนาคารต่ำมาก

เขาได้ยกตัวอย่างให้เห็นภาพว่า เงินฝากที่อยู่ในธนาคารปัจจุบันหากไม่มีการลงทุนด้านอื่นๆ เพิ่มเติม ผลตอบแทนที่ได้รับ กลับมาจะติด -5 เพราะดอกเบี้ยต่ำแต่เงินเฟ้อกลับเพิ่มสูงขึ้นอยู่ในระดับ 8 เปอร์เซ็นต์

ชูบอกว่าในช่วงเวลา 6-12 เดือนข้างหน้า เป็นช่วงเวลาที่น่าลงทุนโดยเฉพาะการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทหุ้นรวมไปถึงตราสารหนี้ในเอเชียและสินทรัพย์ด้อยมาตรฐาน (distressed assets) ในประเทศเกิดใหม่อย่างเช่น จีน บราซิล ไทย รัสเซีย

การลงทุนในสินทรัพย์โภคภัณฑ์ประเภททองคำ พลังงาน พืชผลเกษตร และโครงสร้างพื้นฐานก็จะได้รับความสนใจเช่นเดียว กันรวมไปถึงธุรกิจอื่นๆ ที่ยังน่าลงทุนเพิ่มคือ ธุรกิจด้านสื่อสารและธุรกิจน้ำที่เป็นการลงทุนขนาดใหญ่แต่ราคาค่าบริการจะเก็บปลายทางที่ผู้บริโภค

นอกจากนี้ยังมีหุ้นด้านสุขภาพ อาหาร ยา สินค้าสุขภาพ เป็นธุรกิจที่ลูกค้าต้องการแต่ราคาไม่ยืดหยุ่นตามภาวะเศรษฐกิจเพราะเป็นผลิตภัณฑ์ที่จำเป็นต้องใช้

ส่วนอเบอร์ดีนมีความคิดเห็นเหมือนกับซิตี้แบงก์เน้นให้ผู้ลงทุนในระยะยาวมากกว่าหวังผลตอบแทนในระยะสั้นสอดคล้อง กับวิธีการดำเนินธุรกิจของอเบอร์ดีนที่จะไม่ยอมเสี่ยงกับตลาดหุ้น ที่มีความหวือหวาแต่อเบอร์ดีนจะเน้นดูผลการดำเนินงาน ตัวเลขจากผลประกอบการและผลตอบแทนที่ผู้ถือหุ้นได้รับเป็นหลัก

เอลส์ตันจากอเบอร์ดีนได้แนะนำเรื่องทัศนคติการตัดสินใจ ของนักลงทุนเป็นหลักโดยเฉพาะนักลงทุนที่มีความมั่นใจสูงและเชื่อในข้อมูลด้านเดียวของตนเองและปฏิเสธที่จะรับรู้ข้อมูลด้านอื่นๆ ควรระมัดระวังเพราะเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง

สิ่งสำคัญต้องแยกการลงทุนและการพนันได้ว่า มีความแตกต่างกัน เพราะการลงทุนหมายถึงการลงทุนในธุรกิจที่มีตัวตน มีสินทรัพย์จริงๆ

เอลส์ตันกล่าวประโยคทองของนักลงทุนชื่อดังอย่างวอร์เรน บัฟเฟตต์ ว่า "จงละโมบในสิ่งที่คนอื่นกลัว แต่จงกลัวในสิ่งที่คนอื่นละโมบ"