แฉเบื้องหลังการท่าฯ เสียค่าโง่รถเข็นกระเป๋าห่วย ผู้บริหาร ทอท.ไร้น้ำยาเอาผิดแท็กส์ทั้ง ๆ ที่ส่งมอบรถเข็นไม่ครบสามารถปรับตามสัญญาได้วันละ 2 พันบาท/คัน ขึงขังตั้งกรรมการสอบ สั่งรายงานบอร์ด 6 ต.ค. พร้อมหาทางออกให้แท็กส์เปลี่ยนรถเข็นกระเป๋าใหม่ทั้งหมด คาด 1-2 วันนี้เห็นตัวอย่างรถ เปิดเจรจาปรับเงื่อนไขสัญญาใหม่ ยอมรับแท็กส์สบช่องได้ประโยชน์ อาจเสนอขอขยายอายุสัญญาแลกกับการจัดหารถใหม่ทดแทน
แหล่งข่าวจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เปิดเผย ”ผู้จัดการรายวัน” ว่าปัญหารถเข็นกระเป๋าในสุวรรณภูมิของบริษัทไทยแอร์ พอร์ตส์ กราวด์ เซอร์วิสเซส จำกัด หรือ TAGS นั้นขณะนี้มีปัญหาว่ารถเข็นกระเป๋าไม่ได้มาตรฐาน มีน้ำหนักมาก เข็นลำบาก ชำรุดเร็ว การเชื่อมโลกหะไม่เรียบร้อยเป็นเหตุทำให้ผู้โดยสารที่ทำไปใช้เกิดอุบัติเหตุบ่อย นอกจากนี้จำนวนรถเข็นมีไม่ครบตามที่ ทอท.กำหนดคือ 9,034 คัน ซึ่ง ทอท.ตรวจพบว่ามีการเวียนเทียนรถเข็นเพื่อนับให้ครบตามจำนวน
นอกจากนี้ราคารถเข็นที่ผู้รับจ้างจัดซื้อมาให้บริการมีการแจ้งราคาสูงกว่าความเป็นจริง ทำให้ทอท.ต้องจ่ายค่าจ้างสูงมาก แต่รถเข็นที่นำมาให้บริการกลับมีมาตรฐานต่ำ ซึ่งทอท.ได้รับการร้องเรียนจากโรงงานผู้ผลิตรถเข็นกระเป๋าว่า บริษัท TAGS ว่าจ้างผลิตรถเข็นแล้วไม่ยอมชำระค่าสินค้า ซึ่งได้ส่งมอบมาใช้งานในสนามบินแล้ว และหากยังไม่ได้รับชำระค่าสินค้า อาจจะต้องเรียกเก็บรถเข็นคืน ซึ่งอาจทำให้ทอท.ได้รับความเสียหาย
แหล่งข่าวกล่าวต่อไปว่า ในช่วงที่ผ่านมา TAGS ได้พยายามวิ่งเต้นเจ้าหน้าที่ระดับสูงใน ทอท.เพื่อขอให้ช่วยเหลือปัญหารถเข็นที่ยังจัดส่งไม่ครบ และขอให้ ทอท.อย่าดำเนินการในเรื่องเบี้ยปรับกรณีส่งรถไม่ครบตามจำนวน ซึ่งTAGS ได้รับงานนี้มาตั้งแต่กลางปี 2549 ซึ่งขณะนี้การทอท.ยังไม่มีการปรับบริษัทดังกล่าวในกรณีที่จัดหารถไม่ครบถ้วนตามจำนวนที่กำหนด
สำหรับผลกระทบที่เกิดขึ้นซึ่ง ทอท.ได้รับรถที่ไม่มีคุณภาพ แต่ต้องจ่ายค่าจ้างในอัตราที่สูง จำนวนรถเข็นไม่ครบ ทำให้ผู้โดยสารประสบปัญหาต้องรอรถเข็นกระเป๋า และไม่สามารถกำกับและควบคุมผู้รับจ้างให้จัดหารถเข็นมาให้บริการตามจำนวนที่ทอท.กำหนดไว้ ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีการลงโทษผู้รับจ้าง ที่ส่งมอบรถเข็นไม่ครบ ทั้งนี้ ทอท.ระบุอัตราเบี้ยปรับตามสัญญาคือคันละ 2,000 บาท/ คัน / วัน
ตั้งคณะทำงานตรวจสอบด่วน
นายเสรีรัตน์ ประสุตานนท์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและรักษาการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. กล่าวภายหลังการประชุมบอร์ดว่าที่ประชุมได้แต่งตั้งให้นายวุฒิพันธุ์ วิชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ ทอท.ในฐานะประธานคณะกรรมการลงไปตรวจสอบปัญหารถเข็นอย่างเร่งด่วน เพราะมีผลกระทบต่อภาพพจน์ของสนามบินสุวรรณภูมิ และให้คณะทำงานนำผลมารายงานกับบอร์ด ทอท.ในวันที่ 6 ตุลาคมนี้
ทอท.ไขสือหาทางออกช่วยแท็กส์
การแก้ปัญหารถเข็นกระเป๋าภายในสนามบินสุวรรณภูมิมีจำนวนไม่เพียงพอนั้นได้เร่งรัดให้บริษัท ไทย แอร์พอร์ต กราวด์ เซอรวิส จำกัด หรือ แท็กส์ปรับปรุงเพื่อให้ผู้โดยสารได้รับความสะดวกมากที่สุด และในขณะเดียวกันได้แจ้งให้บริษัทแท็กส์ดำเนินการปรับเปลี่ยนรถใหม่เพื่อให้สภาพการใช้งานที่สะดวกมากยิ่งขึ้น ซึ่งภายใน 1-2 วันนี้ แท็กส์จะนำรถตัวอย่างที่จะมีการปรับเปลี่ยนใหม่มาให้ดู หากผ่านการเห็นชอบร่วมกัน ก็จะเร่งดำเนินการจัดหาเข้ามาทดแทนรถเดิมทั้ง 9,000 คัน โดยเร็วที่สุด
นายเสรีรัตน์ กล่าวว่า จากการหารือกับบริษัทเบื้องต้น ได้กำหนดรูปแบบสเปกรถเข็นกระเป๋าที่ต้องการให้จัดมาทดแทนรถเข็นเดิม โดยเน้นรูปแบบที่เป็นมาตรฐานสากล มีน้ำหนักเบา และการใช้งานสะดวก เช่นเดียวกับ สนามบินอื่นๆ เช่น ที่ฮ่องกง เป็นต้น พร้อมกันนี้ ได้หารือกับฝ่ายกฎหมาย และฝ่ายพัสุดของทอท. เพื่อเจรจากับบริษัทแท็กส์ในการปรับปรุงเงื่อนไขในสัญญาในส่วนที่ยังเป็นช่องว่างและกระทบต่อการให้บริการผู้โดยสารเช่นกรณี ที่บริษัทแท็กส์มีเวลา 30 วันในการติดตามรถเข็นกระเป๋ากรณีที่ตรวจนับแล้วไม่ครบจำนวน
เปิดช่องแท็กส์ต่อสัญญา
นายเสรีรัตน์ กล่าวว่า บริษัทแท็กส์จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการปรับเปลี่ยนรถเข็นกระเป๋าใหม่แต่ทั้งนี้ยอมรับว่าบริษัทแท็กส์อาจจะเสนอเพื่อขอขยายอายุสัญญาสัมปทานออกไปอีก ซึ่งก็ต้องเจรจากัน เพราะในส่วนของทอท.ก็จะเจรจาเพื่อปรับเงื่อนไขในสัญญาให้รัดกุมมากขึ้นด้วย
อย่างไรก็ตามที่ผ่านมา นายเสรีรัตน์ กล่าวว่า ไม่ได้นิ่งนอนใจในการปรับปรุงแก้ไขปัญหาหลังจากที่มีการร้องเรียนว่ารถเข็นกระเป๋าไม่เพียงพอต่อการใช้งาน และเมื่อเดือนก.ค.ที่ผ่านมาได้ตั้งคณะทำงานเป็นหน่วยเฉพาะกิจขึ้นมาตรวจสอบทั้งประเด็นการถูกขโมย การบริหารจัดการของบริษัทแท็กส์ การชำรุดเสียหาย ซึ่งพบว่า ส่วนใหญ่เป็นปัญหาที่รถเข็นถูกขโมย และขณะนี้อยู่ระหว่างการขยายผลของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนการบริหารจัดการของบริษัทแท็กส์ จากการติดตามของคณะกรรมการตรวจการจ้าง พบว่ามีปัญหาแต่ไม่มาก
นอกจากนี้ยังได้เสนอแนะให้บริษัทแท็กส์ หาวิธีที่สามารถตรวจสอบและติดตามรถเข็นกระเป๋าเพื่อติดตั้งในรถเข็นชุดใหม่ที่นำมาทดแทน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำอีกซึ่งปัจจุบันมีเทคโนโลยีที่สามารถทำได้และลงทุนไม่มากนัก
การปรับปรุงภาพลักษณ์ของสนามบินสุวรรณภูมิเป็นเรื่องสำคัญ ของการก้าวสู่ปีที่ 3 ในการเปิดสนามบินสุวรรณภูมิ และยังคงตั้งเป้าว่าจะทำให้สนามบินสุวรรณภูมิติดอันดับ 1 ใน 10 ของท่าอากาศยานที่มีบริการดีเด่นของโลกในปี 2552 ดังนั้น เรื่องรถเข็นกระเป๋าจึงต้องเร่งให้ผู้รับจ้างจัดหาให้ครบตามสัญญา และจะพิจารณาปรับปรุงรถใหม่ให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล มีรูปลักษณะสวยงาม และสะดวกต่อการใช้ ขณะที่มาตรการรักษาความปลอดภัย จะติดตั้งกล้องวงจรปิดเพิ่มทั้งภายในและนอกอาคารผู้โดยสารอีก 755 ตัว จากที่มีอยู่แล้ว 1,074 ตัว และจะกั้นพื้นที่บริเวณเช็คอินให้เป็นเขตห้ามสำหรับผู้โดยสารโดยเฉพาะ และจะปรับปรุงเก้าอี้พักคอยให้เป็นแบบหุ้มเบาะ รวมทั้งติดฟิล์มกรองแสงบนหลังคาอาคารผู้โดยสาร
เปิด 2 ปีผู้โดยสาร 41.14 ล้านคน
นายเสรีรัตน์ กล่าวว่า จากการเปิดให้บริการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ 2 ปีพบว่ามีผู้โดยสารใช้บริการรวมกว่า 80 ล้านคน แบ่งเป็นผู้โดยสารในปีแรก (ต.ค. 2549 – ก.ย. 2550) จำนวน 41.9 ล้านคน และปีที่2 (ต.ค. 2550 – ส.ค. 2551) จำนวน 38.5 ล้านคน โดยคาดว่าจำนวนผู้โดยสารถึงสิ้นเดือน ก.ย.นี้ จะอยู่ที่ 41.14 ล้านคน ส่วนการให้บริการขนถ่ายสินค้าทางอากาศ มีตัวเลขการใช้บริการแล้วกว่า 2.42 ล้านตัน โดย ปีแรกมีจำนวน 1.2 ล้านตันปีที่ 2 มีจำนวน 1.1 ล้านตัน และคาดว่าถึงสิ้นปีงบประมาณ จะมีการใช้งบประมาณ 1.29 ล้านตัน สำหรับสายการบินที่ทำการบินปัจจุบันมีทั้งสิ้น 111 สายการบิน แบ่งเป็นสายการบินสำหรับขนส่งผู้โดยสาร 97 สาย ขนส่งสินค้า 14 สาย
สำหรับรถเข็นกระเป๋าภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมินั้น บริษัทแท็กส์ ) เป็นผู้ดำเนินการให้บริการ เป็นระยะเวลา 7 ปี เริ่มตั้งแต่วันที่ 28 ก.ย.2549 - 28 ก.ย.2556 ในวงเงินว่าจ้างทั้งสิ้น 532,860,600 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว ) ค่าจ้างเฉลี่ยต่อเดือนละ 6.343 ล้านบาท ซึ่งตามสัญญาบริษัทแท็กส์ต้องจัดการรถเข็นกระเป๋า 9,034 คัน แบ่งเป็นรถเข็นกระเป๋าขนาดกลาง จำนวน 7,000 คัน รถเข็นกระเป๋าขนาดเล็ก 2,000 คัน และรถเข็นกระเป๋าขนาดใหญ่ จำนวน 34 คันและต้องจัดให้มีเจ้าหน้าที่ในการให้บริการด้วย แต่ล่าสุดพบว่าจำนวนรถเข็นกระเป๋าที่ให้บริการ เหลือประมาณ 4,000 - 5,000 คันเท่านั้น
|