ประชัย เลี่ยวไพรัตน์ และสวัสดิ์ หอรุ่งเรือง เป็นสองลูกหนี้ที่ดำรงบทบาทอย่างมีสีสันมาก
ตลอดระยะเวลานับตั้งแต่ประเทศไทยต้องประสบกับวิกฤติเศรษฐกิจครั้งรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์
ที่เริ่มตั้งแต่วันที่ 2 กรกฎาคม 2540 เป็นต้นมา
กรกฎาคมปีนี้ ซึ่งครบรอบ 6 ปี บทบาทของลูกหนี้ทั้ง 2 ราย ก็ยังคงมีสีสันอยู่
แม้ว่าสถานการณ์ของปัญหาที่ทั้งคู่ประสบ จะคลี่คลายลงไปได้แล้วอย่างมาก
สวัสดิ์ หอรุ่งเรืองนั้น ถือว่าปัญหาทางการเงินของเขาได้รับการแก้ไขไปแล้วอย่างเบ็ดเสร็จ
เมื่อบริษัทเอ็น.ที.เอส.สตีลของเขา ได้เข้าไปควบรวมกิจการกับกลุ่มอุตสาหกรรมเหล็กในเครือซิเมนต์ไทย
เป็นบริษัทใหม่ ใช้ชื่อว่ามิลเลนเนียม สตีล เมื่อปลายปีก่อน
2 กรกฎาคมปีนี้ สวัสดิ์จึงได้ลงทุนควักเงินในกระเป๋าตัวเองประมาณ 3 แสนบาท
จัดรายการสนทนาในหัวข้อ "ลบความทรงจำวิกฤติฟองสบู่สู่ชีวิตใหม่ที่ดีกว่า"
เพื่อทบทวนถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
ซึ่งได้รับความสนใจพอสมควร
หลายคนเรียกขานงานที่เขาจัดในครั้งนี้ว่าเป็นงาน "รวมพลคน NPL"
ผู้มาร่วมงาน อาทิ ดร.ทนง พิทยะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ผู้ลงนามในประกาศลอยตัวค่าเงินบาทเมื่อวันที่
2 กรกฎาคม 2540 วสันต์ โพธิพิมพานนท์ ประธานกรรมการกลุ่มเบนซ์ทองหล่อ บุญชัย
เบญจรงคกุล ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทยูไนเต็ด คอมมูนิเกชั่น
อินดัสตรี ฯลฯ
"ผมเคยมีบริษัท 10 บริษัท แต่เมื่อเกิดวิกฤติ ทุกบริษัทเจ๊งหมด ทุกวันนี้การทำงานของผมได้เปลี่ยนจากการเป็นประธาน
ซึ่งเป็นเจ้าของกิจการ มาเป็นการนั่งเป็นประธานในฐานะลูกจ้างที่จะมีการเซ็นสัญญาการว่าจ้างงานเหมือนลูกจ้างคนอื่นๆ"
สวัสดิ์สรุปบทเรียนของตนเอง
ขณะที่ประชัย หลังจากต้องต่อสู้กับบรรดาเจ้าหนี้ ซึ่งนำโดยธนาคารกรุงเทพมาหลายยก
ในที่สุดศาลล้มละลายกลาง ก็ได้มีคำสั่งให้ตัวแทนกระทรวงการคลัง เข้าเป็นผู้บริหารแผนของ
บริษัทอุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย (TPI) เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม ที่ผ่านมา
ถือเป็นกรณีแรกในประวัติศาสตร์กระบวนการยุติธรรมที่เมื่อเจ้าหนี้และลูกหนี้เกิดความขัดแย้งกันอย่างหนัก
ฝ่ายตุลาการจึงต้องร้องขอให้ฝ่ายบริหารเข้ามามีบทบาทในการยุติข้อขัดแย้งดังกล่าว
แต่ก็เป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับกรณีนี้
แต่ประชัยก็ยังไม่วายนำพนักงานของ TPI เกือบ 1 หมื่นคน หยุดงานไปร่วมประท้วงกับกลุ่มตัวแทนรัฐวิสาหกิจ
เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ไขกฎหมายล้มละลาย ให้เอื้อประโยชน์กับลูกหนี้มากขึ้น
"ที่ผ่านมา ผมต้องขอบคุณรัฐบาลที่ได้ยื่นมือเข้ามาช่วยผม แต่จะให้ดียิ่งขึ้นไปอีก
หากรัฐบาลตัดสินใจยกเลิกกฎหมายฉบับนี้เสีย"
ปัญหาความขัดแย้งที่เกิดกับเจ้าหนี้ ตลอดจนบุคลิกภาพของสวัสดิ์ และประชัย
ทำให้ภาพของทั้งคู่ในสายตาของสังคม กลายเป็นภาพด้านลบ
หลังจากนี้ไป ภาพเช่นนี้น่าจะจางหายไป เมื่อวิกฤติที่เขาทั้ง 2 ต้องประสบ
ได้พบทางออกที่ดีที่สุด