Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายสัปดาห์29 กันยายน 2551
จับผิดเงื่อนไขกู้เงินญี่ปุ่น บีบใช้วัสดุ-รับเหมาแลกดอกเบี้ยต่ำ             
 


   
search resources

Transportation




รัฐบาลส่งสัญญาณไทยเสียเปรียบกู้เงินญี่ปุ่นอัตราดอกเบี้ยต่ำ แบบสเต็ปโลน โดนบังคับใช้วัสดุก่อสร้างและผู้รับเหมาแดนปลาดิบถึง 30% ของมูลค่าโครงการ รฟม.เร่งสร้างภาพหารือสบน.หาแนวทางต่อรอง คาดต.ค.ได้ข้อสรุป ส่วนสายสีเขียวอาจใช้เงินกู้ต่างประเทศแทนการกู้เงินในประเทศ เหตุดอกเบี้ยถูก

จับตาเงื่อนไขการขอกู้เงินรัฐบาลญี่ปุ่นสำหรับก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้า ที่เงื่อนไขการปล่อยกู้ในเบื้องต้น รัฐบาลไทยจะเสียเปรียบญี่ปุ่นค่อนข้างมาก หากเทียบกับอัตราดอกเบี้ยที่ได้ในอัตรา 0.1% เพราะญี่ปุ่นตั้งเงื่อนไขว่ารัฐบาลไทยจะต้องใช้วัสดุก่อสร้างของญี่ปุ่นไม่ต่ำกว่า 30% ของมูลค่าโครงการ รวมทั้งต้องใช้ผู้รับเหมาญี่ปุ่นเป็นหลักอีกด้วย

สุพจน์ ทรัพย์ล้อม ในฐานะประธานกรรมการ (บอร์ด) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.) กล่าวว่า เงื่อนไขที่รัฐบาลญี่ปุ่นเสนอมาในเบื้องต้น ทางบอร์ดรฟม.ไม่เห็นด้วย เพราะเห็นว่าเสียเปรียบมาก ซึ่งในสัปดาห์นี้จะมีการหารือกับผู้แทนจากธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (เจบิก) สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ(สบน.) และรฟม. เรื่องการเงินกู้เพื่อก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินช่วงหัวลำโพง-บางแค และบางซื่อ-ท่าพระ ระยะทาง 27 กม. มูลค่า 80,000 ล้านบาท แบ่งเป็นงานโยธา 52,000 ล้านบาท และงานระบบรถไฟฟ้า 28,000 ล้านบาท

โดยแนวทางที่รฟม.จะขอกู้เงิน คือ แบบสเต็ปโลนหรือการกู้เงินแบบมีเงื่อนไข ซึ่งจะได้อัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 0.1% แต่มีเงื่อนว่าไทยจะต้องใช้วัสดุก่อสร้างที่มาจากประเทศญี่ปุ่นไม่ต่ำกว่า 30% ของมูลค่าโครงการ รวมทั้งจะต้องให้ผู้รับเหมาจากญี่ปุ่นเป็นแกนหลักในการก่อสร้างเท่านั้น ซึ่งตรงนี้เป็นสิ่งที่รัฐบาลไทยรับไม่ได้ และจะต้องต่อรองกันอีกครั้ง เพราะวัสดุก่อสร้างส่วนใหญ่ไทยสามารถผลิตได้เอง จึงควรจะใช้วัสดุในไทย ส่วนการให้ผู้รับเหมาญี่ปุ่นจะทำให้เงินในระบบเศรษฐกิจไทยไม่มีการหมุนเวียน เพราะญี่ปุ่นจะขนเงินกลับประเทศ

อย่างไรก็ตาม รฟม.จะเจรจาขอให้ใช้วัสดุก่อสร้างจากญี่ปุ่นเฉพาะระบบรถไฟฟ้า เช่น ระบบอาณัติสัญญาณ ขบวนรถไฟฟ้า และให้ผู้รับเหมาไทยสามารถเข้าไปเป็นแกนนำในการดำเนินงานก่อสร้างได้ ซึ่งจะได้ข้อสรุปในเดือนต.ค.นี้ และจะประกวดราคาในเดือนพ.ย.-ธ.ค.2551 ซึ่งจะลงนามสัญญาก่อสร้างประมาณกลางปี 2552

“สำหรับการกู้เงินแบบธรรมดาเช่นเดียวกับโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วงกู้นั้น มีอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 1-1.5% ดังนั้น หากรัฐบาลไทยกู้แบบสเต็ปโลนจะช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านดอกเบี้ยลงถึง 10,000 ล้านบาทหรือ 150 เท่า นอกจากนี้ เจบิกยังคงมั่นใจที่จะปล่อยกู้แก่ไทยอยู่ตราบใดที่รัฐบาลยังมาจากประชาธิปไตย ซึ่งผมได้ไปหารือกับสบน.ว่าน่าจะเอาแนวทางใด โดยสเต็ปโลนก็เป็นแนวทางหนึ่งในการหารือครั้งนี้ น่าจะได้ข้อสรุปในเดือนต.ค.นี้ ”สุพจน์กล่าว

ส่วนโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว หมอชิต-สะพานใหม่ และแบริ่ง-สมุทรปราการนั้น มีความเป็นไปได้ว่าน่าจะใช้แหล่งเงินกู้จากต่างประเทศ เพราะให้อัตราดอกเบี้ยที่ถูก โดยมีสถาบันการเงินต่างประเทศที่สนใจ เช่น จีน ญี่ปุ่น ดูไบ ซึ่งอยู่ระหว่างการตัดสินใจว่าจะใช้แหล่งเงินจากแหล่งใด คาดว่าต้นปี 2552 น่าจะประกาศเชิญชวนประกวดราคาได้ในส่วนของสายสีเขียว

ส่วนโครงการเชื่อมต่อสายสีน้ำเงิน ปัจจุบันบอร์ดอนุมัติในหลักการแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนจ้างที่ปรึกษา ซึ่งคงต้องเร่งดำเนินการต่อไปเพื่อที่จะให้โครงการสมบูรณ์เชื่อมต่อกันได้ แต่ทั้งนี้คงต้องเร่งดำเนินการในส่วนของสายสีม่วง สายสีน้ำเงินและสายสีเขียวให้แล้วเสร็จ โดยสายสีม่วงจะแล้วเสร็จและเปิดให้บริการในปี 2556 และส่วนที่เหลือน่าจะเสร็จในปี2557

สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน ระยะทาง 15 กม. ที่ได้ผู้รับเหมาแล้วนั้น ล่าสุดคณะกรรมการพิจารณาผลการประกวดราคาได้เจรจาต่อรองกับกลุ่มกิจการร่วมค้ายูนิค-ชุนวู จอยท์เวนเจอร์โดยได้ข้อสรุปว่าทางผู้รับเหมายังคงยืนยันในตัวเลขราคาที่เสนอไปคือ 7,748 ล้านบาทหรือต่ำกว่าราคากลาง 1,000 บาทโดยไม่ข้อปรับลดราคาอีก ทั้งนี้ราคากลางที่ร.ฟ.ท.ตั้งคือ 8,748 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารร.ฟ.ท.มั่นใจว่ากลุ่มกิจการร่วมค้ายูนิคฯจะสามารถดำเนินงานโครงการดังกล่าวได้ไม่มีปัญหา เพราะปัจจุบันราคาวัสดุและน้ำมันมีแนวโน้มลดลง และเชื่อว่าผู้รับเหมาเองคงพยายามเร่งรัดให้การก่อสร้างแล้วเสร็จตามกำหนดเพื่อลดต้นทุนการก่อสร้าง   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us