รัฐบาลส่งสัญญาณไทยเสียเปรียบกู้เงินญี่ปุ่นอัตราดอกเบี้ยต่ำ แบบสเต็ปโลน โดนบังคับใช้วัสดุก่อสร้างและผู้รับเหมาแดนปลาดิบถึง 30% ของมูลค่าโครงการ รฟม.เร่งสร้างภาพหารือสบน.หาแนวทางต่อรอง คาดต.ค.ได้ข้อสรุป ส่วนสายสีเขียวอาจใช้เงินกู้ต่างประเทศแทนการกู้เงินในประเทศ เหตุดอกเบี้ยถูก
จับตาเงื่อนไขการขอกู้เงินรัฐบาลญี่ปุ่นสำหรับก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้า ที่เงื่อนไขการปล่อยกู้ในเบื้องต้น รัฐบาลไทยจะเสียเปรียบญี่ปุ่นค่อนข้างมาก หากเทียบกับอัตราดอกเบี้ยที่ได้ในอัตรา 0.1% เพราะญี่ปุ่นตั้งเงื่อนไขว่ารัฐบาลไทยจะต้องใช้วัสดุก่อสร้างของญี่ปุ่นไม่ต่ำกว่า 30% ของมูลค่าโครงการ รวมทั้งต้องใช้ผู้รับเหมาญี่ปุ่นเป็นหลักอีกด้วย
สุพจน์ ทรัพย์ล้อม ในฐานะประธานกรรมการ (บอร์ด) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.) กล่าวว่า เงื่อนไขที่รัฐบาลญี่ปุ่นเสนอมาในเบื้องต้น ทางบอร์ดรฟม.ไม่เห็นด้วย เพราะเห็นว่าเสียเปรียบมาก ซึ่งในสัปดาห์นี้จะมีการหารือกับผู้แทนจากธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (เจบิก) สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ(สบน.) และรฟม. เรื่องการเงินกู้เพื่อก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินช่วงหัวลำโพง-บางแค และบางซื่อ-ท่าพระ ระยะทาง 27 กม. มูลค่า 80,000 ล้านบาท แบ่งเป็นงานโยธา 52,000 ล้านบาท และงานระบบรถไฟฟ้า 28,000 ล้านบาท
โดยแนวทางที่รฟม.จะขอกู้เงิน คือ แบบสเต็ปโลนหรือการกู้เงินแบบมีเงื่อนไข ซึ่งจะได้อัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 0.1% แต่มีเงื่อนว่าไทยจะต้องใช้วัสดุก่อสร้างที่มาจากประเทศญี่ปุ่นไม่ต่ำกว่า 30% ของมูลค่าโครงการ รวมทั้งจะต้องให้ผู้รับเหมาจากญี่ปุ่นเป็นแกนหลักในการก่อสร้างเท่านั้น ซึ่งตรงนี้เป็นสิ่งที่รัฐบาลไทยรับไม่ได้ และจะต้องต่อรองกันอีกครั้ง เพราะวัสดุก่อสร้างส่วนใหญ่ไทยสามารถผลิตได้เอง จึงควรจะใช้วัสดุในไทย ส่วนการให้ผู้รับเหมาญี่ปุ่นจะทำให้เงินในระบบเศรษฐกิจไทยไม่มีการหมุนเวียน เพราะญี่ปุ่นจะขนเงินกลับประเทศ
อย่างไรก็ตาม รฟม.จะเจรจาขอให้ใช้วัสดุก่อสร้างจากญี่ปุ่นเฉพาะระบบรถไฟฟ้า เช่น ระบบอาณัติสัญญาณ ขบวนรถไฟฟ้า และให้ผู้รับเหมาไทยสามารถเข้าไปเป็นแกนนำในการดำเนินงานก่อสร้างได้ ซึ่งจะได้ข้อสรุปในเดือนต.ค.นี้ และจะประกวดราคาในเดือนพ.ย.-ธ.ค.2551 ซึ่งจะลงนามสัญญาก่อสร้างประมาณกลางปี 2552
“สำหรับการกู้เงินแบบธรรมดาเช่นเดียวกับโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วงกู้นั้น มีอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 1-1.5% ดังนั้น หากรัฐบาลไทยกู้แบบสเต็ปโลนจะช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านดอกเบี้ยลงถึง 10,000 ล้านบาทหรือ 150 เท่า นอกจากนี้ เจบิกยังคงมั่นใจที่จะปล่อยกู้แก่ไทยอยู่ตราบใดที่รัฐบาลยังมาจากประชาธิปไตย ซึ่งผมได้ไปหารือกับสบน.ว่าน่าจะเอาแนวทางใด โดยสเต็ปโลนก็เป็นแนวทางหนึ่งในการหารือครั้งนี้ น่าจะได้ข้อสรุปในเดือนต.ค.นี้ ”สุพจน์กล่าว
ส่วนโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว หมอชิต-สะพานใหม่ และแบริ่ง-สมุทรปราการนั้น มีความเป็นไปได้ว่าน่าจะใช้แหล่งเงินกู้จากต่างประเทศ เพราะให้อัตราดอกเบี้ยที่ถูก โดยมีสถาบันการเงินต่างประเทศที่สนใจ เช่น จีน ญี่ปุ่น ดูไบ ซึ่งอยู่ระหว่างการตัดสินใจว่าจะใช้แหล่งเงินจากแหล่งใด คาดว่าต้นปี 2552 น่าจะประกาศเชิญชวนประกวดราคาได้ในส่วนของสายสีเขียว
ส่วนโครงการเชื่อมต่อสายสีน้ำเงิน ปัจจุบันบอร์ดอนุมัติในหลักการแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนจ้างที่ปรึกษา ซึ่งคงต้องเร่งดำเนินการต่อไปเพื่อที่จะให้โครงการสมบูรณ์เชื่อมต่อกันได้ แต่ทั้งนี้คงต้องเร่งดำเนินการในส่วนของสายสีม่วง สายสีน้ำเงินและสายสีเขียวให้แล้วเสร็จ โดยสายสีม่วงจะแล้วเสร็จและเปิดให้บริการในปี 2556 และส่วนที่เหลือน่าจะเสร็จในปี2557
สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน ระยะทาง 15 กม. ที่ได้ผู้รับเหมาแล้วนั้น ล่าสุดคณะกรรมการพิจารณาผลการประกวดราคาได้เจรจาต่อรองกับกลุ่มกิจการร่วมค้ายูนิค-ชุนวู จอยท์เวนเจอร์โดยได้ข้อสรุปว่าทางผู้รับเหมายังคงยืนยันในตัวเลขราคาที่เสนอไปคือ 7,748 ล้านบาทหรือต่ำกว่าราคากลาง 1,000 บาทโดยไม่ข้อปรับลดราคาอีก ทั้งนี้ราคากลางที่ร.ฟ.ท.ตั้งคือ 8,748 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารร.ฟ.ท.มั่นใจว่ากลุ่มกิจการร่วมค้ายูนิคฯจะสามารถดำเนินงานโครงการดังกล่าวได้ไม่มีปัญหา เพราะปัจจุบันราคาวัสดุและน้ำมันมีแนวโน้มลดลง และเชื่อว่าผู้รับเหมาเองคงพยายามเร่งรัดให้การก่อสร้างแล้วเสร็จตามกำหนดเพื่อลดต้นทุนการก่อสร้าง
|