Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน29 กันยายน 2551
2บลจ.โอดเอยูเอ็มหดลดเป้าระดมทุนทั้งปี             
 


   
search resources

สมชัย บุญนำศิริ
วนา พูลผล
Funds




2 บลจ. ยอมรับเอยูเอ็มหดตัว พลาดเป้าหมายระดมทุนทั้งปี "กรุงไทย" เผย 8 เดือนสินทรัพย์ลดลงถึง 26% หลัง ECP ทยอยครบอายุ ประกอบกับเสียลูกค้ารายใหญ่ของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ "สมชัย" ระบุ เตรียมปรับเเผนส่งกองตราสาหนี้ พร้อมหาลูกค้ารายใหญ่ป้อนกองทุนสำรองฯเพื่อ หวังกระตุ้นยอดช่วงปลายปี ด้าน "ยูโอบี" รับสงครามเงินฝากยังไม่จบ เตรียมปรับลดเป้าทั้งปีเหลือ 8.5-9 หมื่นล้าน เตรียมเเก้เกมออกสตรักเจอร์โน้ต-FIF รองรับสถานการณ์ลงทุนทั่วโลกฟื้นตัว

นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ) กรุงไทย จำกัด เปิดเผยว่า มูลค่าทรัพย์สินสุทธิภายใต้การบริหารจัดการ (AUM) ของบลจ.ลดลงเเละไม่เป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ ซึ่ง 8 เดือนเเรกสินทรัพย์ลดลงถึง 26% เนื่องจากกองทุนสำรองเลี้ยงของบริษัท มีลูกค้ารายใหญ่อย่าง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคออกจากกองทุน ทำให้มูลค่าทรัพย์สินฯลดลง ประกอบกับกองทุนที่ลงทุนในตราสารทางการเงินของสถาบันทางการเงินในต่างประเทศหรือ ECP ทยอยหมดอายุลง โดยทางบลจ.ได้หากองทุนตราสารหนี้ใหม่ทดเเทนกองทุน ECP ที่หมดอายุลงเพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้อยากจะลงทุนต่อ สำหรับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเราจะมีการปรับเเผนการให้บริการกับลูกค้า เช่นการให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการลงทุน เป็นต้น ประกอบกับเราจะใช้ทีมงานทางการตลาดเจาะกลุ่มเป้าหมายได้ถูกต้อง เเละใช้จุดเด่นเรื่องการให้บริการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพให้กับบริษัทใหญ่เป็นตัวขายอีกด้วย

"เรามองว่าภายในเดือนนี้ น่าจะมีเม็ดเงินเข้ามาลงทุนภายในบลจ.ประมาณ 3-4 พันล้านบาท เพราะไม่มีกองทุน ECP ที่ครบอายุเเล้วซึ่งเราจะได้เงินจำนวนใหม่เข้ามาอย่างเเท้จริง ขณะเดียวกันเราจะออกองทุนตราสารหนี้ให้มากขึ้นเพื่อรองรับความต้องการของนักลงทุน เเละตอนนี้ทางกองทุนบำเน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ติดต่อให้ไปเสนองานเกี่ยวกับกองทุนส่วนบุคคล คาดว่าสิ้นปีนี้AUM น่าจะตีกลับมาเป็น1เหมือนเดิม"

ทั้งนี้ นายสมชัย กล่าวถึงกรณีที่นาย ธีรพันธุ์ จิตตาลาน รองกรรมการผู้จัดการ ผู้บริหารสายงานจัดการลงทุน ลาออกเเละย้ายไปดำรงตำเเหน่งกรรมการผู้จัดการ บลจ.นครหลวงไทย เเทนว่า เป็นเรื่องที่น่ายินดีเเต่ทางเราก็ยังเสียดายที่ต้องเสียมือดีทางด้านการบริหารไป ส่วนเรื่องที่จะสรรหาผู้มาดำรงตำเเหน่งเเทนนั้น ทางเราก็กำลังดูอยู่ โดยคุณสมบัติเเรกที่พิจราณาคือต้องมีความสามารถเข้ามาสานต่องานที่ นายธีรพันธ์ ดำเนินงานไว้ เเละที่สำคัญผู้ที่เข้ามาใหม่ต้องมีความชำนาญเรื่องตราสารอนุพันธ์ อีกด้วย

นายวนา พูลผล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ. ยูโอบี (ไทย) จำกัด กล่าวว่า บริษัทเตรียมปรับลดเป้าหมาย AUM ปีนี้ลงเหลือ 8.5-9 หมื่นล้านบาท หลังจากที่ได้ตั้งไว้ที่ 1.1-1.2 แสนล้านบาท เนื่องจากธนาคารพาณิชย์มีการแข่งขันระดมเงินฝากกันอย่างรุนแรง และมีการออกตั๋วแลกเงิน (B/E) มาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เม็ดเงินไหลเข้าไปยังธนาคารพาณิชย์มาก โดยปัจจุบันสินทรัพย์สุทธิทั้งระบบของอุตสาหกรรมกองทุนรวมยังคงนิ่ง และสินทรัพย์ไม่ได้มีการปรับขึ้นไป

นอกจากนี้ การที่ธนาคารพาณิชย์ยังมีการเสนออัตราดอกเบี้ยพิเศษมาให้ลูกค้า และการออกตั๋วแลกเงินที่มีข้อได้เปรียบตรงที่ไม่ต้องมีการจ่ายเงินสมทบเข้ายังกองทุนฟื้นฟูของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือสถาบันประกันเงินฝากประมาณ 0.4% ทำให้สามารถลดต้นทุนในส่วนนี้ได้ประมาณ 40 สตางค์ และนำส่วนต่างไปเสนอเป็นอัตราผลตอบแทนที่ดีกว่าเงินฝากด้วย

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่บริษัทได้มีการปรับลดวงเงินซื้อกองทุนขั้นต่ำจาก 1 หมื่นบาท เหลือ 2 พันบาท และในการซื้อครั้งต่อไปจาก 5 พันบาท เหลือเพียง 1 บาท ทำให้ลูกค้าซื้อได้มากขึ้น แต่ไม่ได้มีผลมากนัก เนื่องจากนักลงทุนต้องการลงทุนอยู่แล้ว แต่จะเป็นการขยายฐานลูกค้าให้กว้างมากขึ้น และเป็นประโยชน์กับนักลงทุนที่ไม่เคยลงทุนให้เข้ามาทดลองลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลได้ง่ายขึ้น ซึ่งให้ผลตอบแทนที่ดีและมีความปลอดภัยสูง

นายวนา กล่าวว่า กองทุนเปิดยูโอบี ชัวร์ เดลี (UOBSD) ในช่วงที่ผ่านมามีเม็ดเงินไหลออกในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาประมาณ 2-3 พันล้านบาท ขณะที่มีเม็ดเงินไหลกลับเข้ามากองทุนดังกล่าวเพียงเล็กน้อย ส่งผลให้บริษัทเตรียมปรับลดเป้าหมายสินทรัพย์สุทธิ (NAV) ของกองทุนดังกล่าวเหลือ 3.5 หมื่นล้านบาท จากที่เคยตั้งเป้าหมายของกองทุนล่าสุดไว้ที่ 7 หมื่นล้านบาท ภายในสิ้นปี 2551ทั้งนี้ ปัจจุบันเริ่มมีเม็ดเงินไหลกลับเข้ามาวันละประมาณ 0.5-1 ร้อยล้านบาท

ทั้งนี้ จากปัญหาสินเชื่อภาคอสังหาริมทรัพย์ด้อยคุณภาพในสหรัฐอเมริกา (ซับไพรม์) ที่ประสบกับทั่วโลกในปัจจุบัน ทำให้คนทั่วไปหันไปฝากเงินกับธนาคารพาณิชย์มากขึ้น และหากธนาคารพาณิชย์มีการชะลอการระดมเงินฝากแล้ว บริษัทจะเริ่มกลับมาทำกิจกรรมส่งเสริมการตลาด และให้ความรู้กับประชาชนว่ามีกองทุนที่มีความเสี่ยงน้อย และสามารถให้ผลตอบแทนที่ดี โดยเมื่อเปรียบเทียบกับเงินฝากบัญชีออมทรัพย์แล้วมีความปลอดภัยสูง เนื่องจากเน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล

อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงเตรียมออกกองทุนที่มีนโยบายลงทุนซับซ้อนมากกว่ากองทุนตราสารหนี้ เช่น กองทุนประเภทคุ้มครองเงินต้นที่อ้างอิงผลตอบแทนกับดัชนีราคาสินทรัพย์ใดสินทรัพย์หนึ่ง (สตรักเจอร์โน้ต) และกองทุนที่เน้นลงทุนในต่างประเทศ (FIF) เป็นต้น โดยเป็นการเตรียมความพร้อมรองรับหากสถานการณ์ลงทุนทั่วโลกฟื้นตัวดีขึ้น

สำหรับกองทุน UOBSD จะเน้นลงทุนในลงทุนในตราสารแห่งหนี้ภาครัฐ ได้แก่ ตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล ตราสารแห่งหนี้ที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย และรัฐวิสาหกิจที่กระทรวงการคลังเป็นผู้ออก ผู้รับรอง ผู้รับอาวัล หรือผู้ค้ำประกัน และเงินฝากธนาคาร ทั้งนี้ จะไม่ลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งหลักทรัพย์หรือตราสารที่เสนอขายในต่างประเทศ ตราสารหนี้ที่มีการจ่ายผลตอบแทนอ้างอิงกับตัวแปร (Structured Notes) และสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivative)

ทั้งนี้ สัดส่วนการลงทุนของกองทุนดังกล่าว ณ วันที่ 29 สิงหาคม 2551 ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลและพันธบัตรรัฐวิสาหกิจ 96.90% ลงทุนในเงินฝากและตราสารหนี้ที่ออกโดยสถาบันการเงิน 2.90% และลงทุนในสินทรัพย์อื่นๆ อีก 0.21%

ส่วนรายชื่อผู้ออกหลักทรัพย์ 10 อันดับแรก ณ วันที่ 29 สิงหาคม 2551 ได้แก่ 1.ธนาคารยูโอบี จำกัด ( มหาชน ) 2.11% 2.ธนาคารซิตี้แบงก์ เอ็น เอ 0.72% 3.ธนาคาร คาลิยง 0.04% 4.บมจ. ธนาคารทิสโก้ 0.02% 5. บมจ. ธนาคาร ธนชาต 0.01% 6. ธนาคารฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้แบงก์กิ้งคอร์เปอร์เรชั่น 0.00% และลงทุนในพันธบัตรหรือตราสารหนี้ที่กระทรวงการคลังค้ำประกัน 96.90%

สำหรับผลการดำเนินงานของกองทุน ณ วันที่ 29 สิงหาคม 2551 สามารถให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 2.81% ขณะที่ผลตอบแทนจากอัตราดอกเบี้ยเงินฝากย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 2.50% และผลตอบแทนจากดัชนีกองทุนตราสารหนี้ย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 5.02% ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 2.93% ขณะที่ผลตอบแทนจากอัตราดอกเบี้ยเงินฝากย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 2.72% และผลตอบแทนจากดัชนีกองทุนตราสารหนี้ย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 10.91%

ผลตอบแทนย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 2.81% ขณะที่ผลตอบแทนจากอัตราดอกเบี้ยเงินฝากย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 2.54% และผลตอบแทนจากดัชนีกองทุนตราสารหนี้ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 2.77% ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 2.76% ขณะที่ผลตอบแทนจากอัตราดอกเบี้ยเงินฝากย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 2.45% และผลตอบแทนจากดัชนีกองทุนตราสารหนี้ย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 3.92%   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us