Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน26 กันยายน 2551
SSIทุ่ม3.5พันล.จับมือหุ้นญี่ปุ่นลุยเหล็กไฮเอนด์             
 


   
www resources

โฮมเพจ สหวิริยาสตีลอินดัสตรี

   
search resources

สหวิริยาสตีลอินดัสทรี, บมจ.
วิน วิริยประไพกิจ
Metal and Steel




เอสเอสไอ ขยายธุรกิจสู่ตลาดเหล็กแผ่นไฮ-เอนด์ ทุ่มทุนเกือบ 3.5 พันล้านบาท ถือหุ้นใหญ่ “เหล็กแผ่นรีดเย็นไทย” กว่า 50% พร้อมผนึกกำลังผู้ถือหุ้นเดิมชาวญี่ปุ่น “เจเอฟอี-มารูเบนิ” เชื่อมโยงอุตสาหกรรมขั้นกลางน้ำ-ปลายน้ำ เสริมความมั่นคงและเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน หวังสร้างความแข็งแกร่ง-ยกระดับอุตสาหกรรมเหล็กของไทยให้ทัดเทียมผู้ผลิตที่สำคัญของโลก

นายวิน วิริยประไพกิจ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) หรือ SSI เปิดเผยถึง ความคืบหน้าการลงทุนในบริษัท เหล็กแผ่นรีดเย็นไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TCRSS ว่า ขณะนี้บริษัทได้ดำเนินการซื้อหุ้นของบมจ. เหล็กแผ่นรีดเย็นไทย จากผู้ถือหุ้นใหญ่ชาวญี่ปุ่น 2 ราย คือ บริษัท เจเอฟอี สตีล คอร์ปอเรชั่น จำกัด และ บริษัท มารูเบนิ คอร์ปอเรชั่น จำกัดเรียบร้อยแล้ว จำนวนทั้งสิ้น 335,790,500 หุ้น คิดเป็นจำนวนเงินลงทุนรวม 3,453,256,973.22 ล้านบาท

ทั้งนี้ บริษัทได้ใช้แหล่งเงินทุนจากการกู้ยืมสถาบันการเงินภายในประเทศ โดยการซื้อหุ้นครั้งส่งผลทำให้เอสเอสไอถือหุ้นในบริษัทดังกล่าวคิดเป็นสัดส่วนรวมทั้งสิ้น 50.15% บริษัท เจเอฟอี สตีล คอร์ปอเรชั่น จำกัด 22.4% บริษัท มารูเบนิ คอร์ปอเรชั่น จำกัด 22.2% ส่วนที่เหลือเป็นผู้ถือหุ้นรายย่อย

นายวิน กล่าวว่า การลงทุนครั้งนี้จะช่วยเสริมความมั่นคงทางด้านปริมาณการผลิต และการตลาดของเอสเอสไอให้มีช่องทางในการกระจายสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนเพิ่มมากขึ้น และมีความยั่งยืนในระยะยาว อีกทั้งสามารถร่วมกับบมจ.เหล็กแผ่นรีดเย็นไทยบริหารจัดการการจัดซื้อวัตถุดิบ สินค้าคงคลัง และการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะทำให้ต้นทุนในการผลิตลดลง ทำให้เกิดความได้เปรียบในการแข่งขัน

“การบริหารงานภายใต้ผู้ถือหุ้นหลักทั้ง 3 รายนั้น เอสเอสไอจะเพิ่มบทบาทในการบริหารจัดการ บมจ.เหล็กแผ่นรีดเย็นไทยมากขึ้น ขณะที่ผู้ถือหุ้นใหญ่ชาวญี่ปุ่นทั้งสองรายคือ เจเอฟอี และมารูเบนินั้น ยังคงให้การสนับสนุนทั้งในด้านเทคโนโลยี การเงิน การตลาด การส่งเสริมการขาย ตลอดจนการวิจัยและพัฒนา เพื่อสร้างนวัตกรรมใหม่ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง”

ขณะเดียวกันลูกค้าทั้งในส่วนของเอสเอสไอ และบมจ. เหล็กแผ่นรีดเย็นไทย รวมถึงลูกค้ารายใหม่จะได้รับผลิตภัณฑ์และบริการคุณภาพมาตรฐานที่ขยายขอบข่ายครอบคลุมถึงกันเพิ่มมากขึ้น ภายใต้ความร่วมมือในการบริหารจัดการที่เปี่ยมประสิทธิภาพของทั้งสองบริษัท ซึ่งช่วยเพิ่มโอกาสในการแข่งขันในธุรกิจของลูกค้าให้ยั่งยืนและนับได้ว่าเป็นการทำธุรกิจที่ได้ประโยชน์ร่วมกัน

สำหรับการลงทุนในครั้งนี้ ถือเป็นการยกระดับอุตสาหกรรมเหล็กของไทยให้เป็นผู้นำในภูมิภาคอาเซียน และทัดเทียมประเทศผู้ผลิตเหล็กรายสำคัญของโลก เนื่องจากการลงทุนของเอสเอสไอในโครงการต่อเนื่องต่างๆ ในอุตสาหกรรมเหล็กแผ่น อาทิ เหล็กแผ่นรีดร้อน เหล็กแผ่นรีดเย็น เหล็กแผ่นเคลือบ ท่าเรือน้ำลึกสำหรับขนส่งวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์ รวมถึงธุรกิจวิศวกรรมบริการ จะเกิดการเชื่อมโยงอุตสาหกรรมการผลิตเหล็กทรงแบนที่มีขบวนการผลิตต่อเนื่องในแนวดิ่งจากขั้นกลางน้ำถึงขั้นปลายน้ำ ทำให้ฐานการผลิตของกลุ่มบริษัทฯ ที่อำเภอบางสะพานกลายเป็นฐานการผลิตเหล็กแผ่นชั้นคุณภาพพิเศษ (High-end) ครบวงจรแห่งเดียวในภูมิภาค

“ตลาดเหล็กแผ่นชั้นคุณภาพพิเศษในอาเซียนยังมีแนวโน้มการเติบโตที่สูง และอย่างต่อเนื่องอีกหลายปี สินค้าของเอสเอสไอมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมพัฒนามาตรฐานการครองชีพในหลายด้าน อาทิ การพลังงาน การคมนาคม ภาชนะและบรรจุภัณฑ์ อุปกรณ์ไอที เฟอร์นิเจอร์ และ เครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น ซึ่งการบริโภคจะเพิ่มมากขึ้นควบคู่ไปกับมาตรฐานการครองชีพที่ดีขึ้นของประเทศต่างๆ ในอาเซียน” นายวิน กล่าว   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us