|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
คลังประกาศลดเป้าจีดีพีทั้งปีเหลือ 5.1 จากเดิมที่ประมาณการไว้ที่ 5.6 เหตุส่งออกวูบจากวิกฤตการเงินสหรัฐ ส่วนการบริโภคและลงทุนภาคเอกชนชะลอตัว ส่วนเป้าจีดีพีปีหน้าเหลือแค่ 4.0-5.0% ค่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวที่ระดับ 33-35 บาทต่อดอลลาร์ เชื่อแบงก์ชาติตรึงดอกเบี้ยที่ 3.75% จนถึงสิ้นปี ในขณะที่ปีหน้าการเงินโลกจะยังคงมีความผันผวนต่อเนื่อง
นางพรรณี สถาวโรดม ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า สศค.ได้ปรับประมาณการเศรษฐกิจปี 2551 ใหม่ลดลงมาอยู่ที่ 5.1% ต่อปี จากที่ประมาณการไว้ก่อนหน้านี้เมื่อเดือน มิ.ย. 2551 ขยายตัวได้ 5.6% ต่อปี แม้ว่าการขยายตัวจะลดลงแต่ก็ยังขยายตัวได้กว่าปี 2550 ที่ขยายตัวได้ 4.8% ต่อปี โดยสาเหตุที่เศรษฐกิจปี 2551 ขยายตัวได้ลดลง เพราะการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนขยายตัวได้ช้ากว่าที่ประมาณการไว้ แยกเป็นการบริโภคภาคเอกชนขยายตัวได้ 2.8% ต่อปี จากเดิม 3.5% ต่อปี และการลงทุนภาคเอกชนขยายตัวได้ 5% ต่อปี จากเดิม 8.5% ต่อปี
"ผลกระทบจากอัตราเงินเฟ้อที่สูง และปัญหาการเมืองที่รุนแรง ทำให้นักลงทุนชะลอการลงทุน และผู้บริโภคชะลอการใช้จ่าย" นางพรรณีกล่าวและว่า การส่งออกในด้านปริมาณก็มีแนวโน้มที่ลดลงเหลือ 7.8% ต่อปี จากเดิม 8% ปี ตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลดลง อย่างไรก็ตามด้านเสถียรภาพในประเทศปรับตัวดีขึ้น อัตราเงินเฟ้อเหลือ 6.3% ต่อปี จากเดิม 7.2% ซึ่งเป็นผลจากการออก 6 มาตรการ 6 เดือน ฝ่าวิกฤตเพื่อไทยทุกคนของรัฐบาล สำหรับดุลบัญชีเดินสะพัดยังเกินดุล 0.4% ของอัตราผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี)
สำหรับการขยายตัวเศรษฐกิจปี 2552 คาดว่าจะอยู่ที่ 4-5% แม้ว่าการใช้จ่ายและการลงทุนภาคเอกชนจะดีขึ้น แต่การส่งออกจะขยายตัวลดลงตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีปัญหาโดยคาดว่าจะขยายตัว 3-3.5% จากปี 2551 ที่คาดว่าจะขยายตัว 3.9% ขณะที่อัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ 3-4% ต่อปี เนื่องจากราคาน้ำมันปรับลดลง และการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดอยู่ที่ 1-2% ของจีดีพี
นางพรรณีกล่าวว่า การขยายตัวเศรษฐกิจเดือน ส.ค. 2551 ล่าสุดพบว่าขยายตัวชะลอลง เนื่องจากการบริโภคและการลงทุนชะลอตัวลง ในด้านการบริโภคการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มขยายตัว 9.5% ต่อปี เทียบเดือนก่อนหน้าขยายตัว 23.3% ต่อปี ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดเหลือ 70.5 จุด จากเดือนก่อนหน้าอยู่ที่ 71.8 จุด ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนเมื่อดูจากการนำเข้าเครื่องจักรและวัตถุดิบขยายตัว 1.8% ต่อปี จากเดือนก่อนหน้า 28.4% ต่อปี ขณะที่ภาคอสังหาริมทรัพย์ดูจากการเก็บภาษีธุรกิจเฉพาะขยายตัวได้ 7.8% จากที่ 4 เดือนก่อนหน้านี้ขยายตัวระดับตัวเลขสองหลัก
ด้านมูลค่าการส่งออกชะลอตัวเหลือ 14.9% ต่อปี จากเดือนก่อนหน้าขยายตัว 43.9% ต่อปี ขณะที่ด้านเสถียรภาพภายในประเทศอัตราเงินเฟ้อปรับตัวลดลงเหลือ 6.4% ต่อปี จากเดือนก่อนหน้า 9.2% ต่อปี
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาส ผู้อำนวยการกลุ่มการวิเคราะห์เศรษฐกิจมหภาค สศค.กล่าวว่า ค่าเงินบาทในปี 2552 จะผันผวนตามการเคลื่อนย้ายเงินทุนและดุลบัญชีดุลสะพัด โดยคาดว่าจะเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 33-35 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ส่วนในปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 33.2 บาทต่อดอลลาร์ ส่วนอัตราดอกเบี้ยนโยบายคาดว่าในช่วงที่เหลือของปี 2551 คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยคงไว้ที่ 3.75% ขณะที่ในปี 2552 ความผันผวนของการเงินโลกจะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 3.5-4%ซึ่งเป็นการปรับนโยบายการเงินให้สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจ
นายคณิศ แสงสุพรรณ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยเศรษฐกิจการคลัง (สวค.) กล่าวว่า ในปี 2552 รัฐบาลจะต้องเร่งเบิกจ่ายงบลงทุน โดยเฉพาะโครงการเมกะโปรเจกต์ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน รวมทั้งต้องเร่งฟื้นภาคการท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาการเมือง ที่ประกาศพรก.ฉุกเฉิน ล่าสุดเดือนก.ย.2551 รายได้จากการท่องเที่ยวหายไป 3-7หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็น 30%
|
|
|
|
|