Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน26 กันยายน 2551
คลังหั่นเป้าจีดีพีเหลือ5.1ปีหน้า4%             
 


   
www resources

สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง

   
search resources

สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง
พรรณี สถาวโรดม
Economics




คลังประกาศลดเป้าจีดีพีทั้งปีเหลือ 5.1 จากเดิมที่ประมาณการไว้ที่ 5.6 เหตุส่งออกวูบจากวิกฤตการเงินสหรัฐ ส่วนการบริโภคและลงทุนภาคเอกชนชะลอตัว ส่วนเป้าจีดีพีปีหน้าเหลือแค่ 4.0-5.0% ค่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวที่ระดับ 33-35 บาทต่อดอลลาร์ เชื่อแบงก์ชาติตรึงดอกเบี้ยที่ 3.75% จนถึงสิ้นปี ในขณะที่ปีหน้าการเงินโลกจะยังคงมีความผันผวนต่อเนื่อง

นางพรรณี สถาวโรดม ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า สศค.ได้ปรับประมาณการเศรษฐกิจปี 2551 ใหม่ลดลงมาอยู่ที่ 5.1% ต่อปี จากที่ประมาณการไว้ก่อนหน้านี้เมื่อเดือน มิ.ย. 2551 ขยายตัวได้ 5.6% ต่อปี แม้ว่าการขยายตัวจะลดลงแต่ก็ยังขยายตัวได้กว่าปี 2550 ที่ขยายตัวได้ 4.8% ต่อปี โดยสาเหตุที่เศรษฐกิจปี 2551 ขยายตัวได้ลดลง เพราะการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนขยายตัวได้ช้ากว่าที่ประมาณการไว้ แยกเป็นการบริโภคภาคเอกชนขยายตัวได้ 2.8% ต่อปี จากเดิม 3.5% ต่อปี และการลงทุนภาคเอกชนขยายตัวได้ 5% ต่อปี จากเดิม 8.5% ต่อปี

"ผลกระทบจากอัตราเงินเฟ้อที่สูง และปัญหาการเมืองที่รุนแรง ทำให้นักลงทุนชะลอการลงทุน และผู้บริโภคชะลอการใช้จ่าย" นางพรรณีกล่าวและว่า การส่งออกในด้านปริมาณก็มีแนวโน้มที่ลดลงเหลือ 7.8% ต่อปี จากเดิม 8% ปี ตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลดลง อย่างไรก็ตามด้านเสถียรภาพในประเทศปรับตัวดีขึ้น อัตราเงินเฟ้อเหลือ 6.3% ต่อปี จากเดิม 7.2% ซึ่งเป็นผลจากการออก 6 มาตรการ 6 เดือน ฝ่าวิกฤตเพื่อไทยทุกคนของรัฐบาล สำหรับดุลบัญชีเดินสะพัดยังเกินดุล 0.4% ของอัตราผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี)

สำหรับการขยายตัวเศรษฐกิจปี 2552 คาดว่าจะอยู่ที่ 4-5% แม้ว่าการใช้จ่ายและการลงทุนภาคเอกชนจะดีขึ้น แต่การส่งออกจะขยายตัวลดลงตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีปัญหาโดยคาดว่าจะขยายตัว 3-3.5% จากปี 2551 ที่คาดว่าจะขยายตัว 3.9% ขณะที่อัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ 3-4% ต่อปี เนื่องจากราคาน้ำมันปรับลดลง และการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดอยู่ที่ 1-2% ของจีดีพี

นางพรรณีกล่าวว่า การขยายตัวเศรษฐกิจเดือน ส.ค. 2551 ล่าสุดพบว่าขยายตัวชะลอลง เนื่องจากการบริโภคและการลงทุนชะลอตัวลง ในด้านการบริโภคการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มขยายตัว 9.5% ต่อปี เทียบเดือนก่อนหน้าขยายตัว 23.3% ต่อปี ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดเหลือ 70.5 จุด จากเดือนก่อนหน้าอยู่ที่ 71.8 จุด ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนเมื่อดูจากการนำเข้าเครื่องจักรและวัตถุดิบขยายตัว 1.8% ต่อปี จากเดือนก่อนหน้า 28.4% ต่อปี ขณะที่ภาคอสังหาริมทรัพย์ดูจากการเก็บภาษีธุรกิจเฉพาะขยายตัวได้ 7.8% จากที่ 4 เดือนก่อนหน้านี้ขยายตัวระดับตัวเลขสองหลัก

ด้านมูลค่าการส่งออกชะลอตัวเหลือ 14.9% ต่อปี จากเดือนก่อนหน้าขยายตัว 43.9% ต่อปี ขณะที่ด้านเสถียรภาพภายในประเทศอัตราเงินเฟ้อปรับตัวลดลงเหลือ 6.4% ต่อปี จากเดือนก่อนหน้า 9.2% ต่อปี

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาส ผู้อำนวยการกลุ่มการวิเคราะห์เศรษฐกิจมหภาค สศค.กล่าวว่า ค่าเงินบาทในปี 2552 จะผันผวนตามการเคลื่อนย้ายเงินทุนและดุลบัญชีดุลสะพัด โดยคาดว่าจะเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 33-35 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ส่วนในปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 33.2 บาทต่อดอลลาร์ ส่วนอัตราดอกเบี้ยนโยบายคาดว่าในช่วงที่เหลือของปี 2551 คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยคงไว้ที่ 3.75% ขณะที่ในปี 2552 ความผันผวนของการเงินโลกจะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 3.5-4%ซึ่งเป็นการปรับนโยบายการเงินให้สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจ

นายคณิศ แสงสุพรรณ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยเศรษฐกิจการคลัง (สวค.) กล่าวว่า ในปี 2552 รัฐบาลจะต้องเร่งเบิกจ่ายงบลงทุน โดยเฉพาะโครงการเมกะโปรเจกต์ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน รวมทั้งต้องเร่งฟื้นภาคการท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาการเมือง ที่ประกาศพรก.ฉุกเฉิน ล่าสุดเดือนก.ย.2551 รายได้จากการท่องเที่ยวหายไป 3-7หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็น 30%   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us