Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน25 กันยายน 2551
อีลิทควัก350ล.เล่นกองทุน จ่อปรับค่าโอนเปลี่ยนชื่อ30%             
 


   
www resources

โฮมเพจ บริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด (ทีพีซี)

   
search resources

ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด (ทีพีซี), บจก.
สุรพงษ์ เตรียมชาญชัย




ทีพีซี เตรียมควักกระเป๋า 350 ล้านบาท ลงทุนผ่านกองทุนรวม หวังสร้างรายได้เพิ่มอีก 2-3% ต่อลมหายใจ หลังพบสัจธรรมขายบัตรสมาชิกอย่างเดียวอยู่ไม่รอด “สุรพงษ์” เผย ให้ฝ่ายการเงินศึกษา ก่อนเปิดรับขอเสนอจากกองทุนที่สนใจ เน้นต้องเป็นกองทุนขนาดใหญ่และมั่นคง แย้มไต๋ถ้าเป็น MFC หรือ KTAM จะพิจารณาเป็นพิเศษ พร้อมเล็งปรับขึ้นค่าโอนเปลี่ยนชื่อเป็น30%

นายสุรพงษ์ เตรียมชาญชัย ประธานคณะกรรมการบริหาร และรักษาการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด (ทีพีซี) ผู้บริหารโครงการบัตร ไทยแลนด์ อีลิท เปิดเผยว่า บริษัทมีแนวคิดที่จะนำเงินสดที่มีอยู่ ราว 600-700 ล้านบาท ออกไปลงทุนราว 50% หรือประมาณ 300-350 ล้านบาท เพื่อให้บริษัทมีรายได้เพิ่มเติมขึ้นมาอีกทางหนึ่ง ที่นอกเหนือจากดอกเบี้ยเงินฝาก

โดยจะเลือกลงทุนผ่านกองทุนขนาดใหญ่ที่มั่นคง และถ้าเป็นไปได้ก็จะเลือกกองทุนที่เป็นหน่วยงานรัฐบาล หรือรัฐวิสาหกิจ เพราะ มีสถานะเดียวกันกับทีพีซี ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจเช่นกัน เช่น บมจ.หลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี(MFC) ซึ่งเป็นของธนาคารออมสิน และ บมจ.หลักทรัพย์จัดการกองทุนกรุงไทย หรือ KTAM ของธนาคารกรุงไทย เป็นต้น แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับข้อเสนอของแต่ละราย ซึ่งขณะนี้ได้สั่งการให้ฝ่ายการเงินของบริษัทศึกษารายละเอียด ก่อนจะเปิดให้กองทุนที่สนใจเข้ามานำเสนอ

นายสุรพงษ์ กล่าวว่า อีลิทต้องมีรายได้หลายทาง ไม่ใช่แค่ขายบัตรสมาชิก เพราะ หากคิดเท่านั้นก็เท่ากับเราต้องดำเนินธุรกิจขาดทุนแน่ๆ เพราะ บัตรแต่ละใบเมื่อขายได้ จะรับรู้รายได้ทางบัญชีเพียง 10% ของราคาบัตรเท่านั้น ขณะที่เราต้องให้บริการแก่สมาชิกตลอดชีพ หรืออย่างน้อย 30 ปี เราจึงต้องมีรายได้จากหลายทาง เช่น ค่าฟีจากการประสานงาน และ แม้กระทั่ง การนำเงินสดที่มีอยู่ออกไปลงทุนให้เกิดผลตอบแทน เพราะปัจจุบัน เงินสดของบริษัท กว่า 600 ล้านบาท ฝากอยู่ในธนาคารผลตอบแทนเพียง 2%ต่อปี แต่หากได้ลงทุนผ่านกองทุน ก็หวังว่าจะได้ผลตอบแทนเพิ่มเป็น 4-5% ต่อปี

“การลงทุนของ ทีพีซีจะต้องมีความเสี่ยงน้อยที่สุด เพราะ เราเป็นรัฐวิสาหกิจ ที่ใช้งบประมาณของรัฐบาล และที่สนใจคือการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล หุ้นกู้ หรือตราสารหนี้ แต่จะไม่นำเงินไปลงทุนในตลาดทุน เพราะมีความเสี่ยงสูงเกินไป ส่วนผลตอบแทนขอให้ดีกว่าเงินฝากก็พอใจแล้ว โดยจะกระจายลงทุนในหลายๆแบบ เพื่อลดความเสี่ยงด้วย ธุรกิจที่สนใจ เช่น กลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ในย่านเมืองท่องเที่ยวเช่น ภูเก็ต สมุย หัวหิน และ เชียงใหม่” นายสุรพงษ์ กล่าว

สำหรับโครงการอินเวสเตอร์คลับ อาจเปิดตัวช้ากว่ากำหนดการเดิมราว 1 เดือน เพราะ ต้องการให้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) คัดรายชื่อนักธุรกิจมาให้ ทีพีซี ดูก่อน 200-300 ราย เป็นการคัดกรองเบื้องต้น ก่อนจะเปิดตัวโครงการนี้ พร้อมรับสมัครผู้สนใจเข้าเป็นสมาชิก

“การคัดกรองรายชื่อ เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่สมาชิกผู้ถือบัตรอีลิทได้ว่า เป็นบุคคล ที่น่าเชื่อถือและน่าร่วมลงทุนด้วย นักธุรกิจคนไทยที่เป็นสมาชิกจะ ได้ร่วมงานที่ อีลิทการ์ดจัดขึ้น โดยคนกลุ่มนี้จะเป็นเน็คเวิร์ดด้านการลงทุนให้แก่สมาชิกอีลิท ที่สนใจเข้ามามีเครือข่ายการลงทุนในประเทศไทย ”

อย่างไรก็ตาม ยังมีแนวคิดว่าในอนาคต อาจปรับขึ้นค่าธรรมเนียมการโอนเปลี่ยนชื่อผู้ถือบัตรอีลิทเป็น 30%ของราคาบัตรหรือประมาณ 4.5 แสนบาท โดยโอนได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง จากปัจจุบันเก็บค่าธรรมเนียมการโอนที่ 10% หรือ 1.5 แสนบาท โอนได้ครั้งเดียว ตรงนี้ก็จะช่วยสร้างรายได้เข้าองค์กรได้อีก ซึ่งสถิติที่ผ่านมา สมาชิกอีลิท มีการโอนเปลี่ยนชื่อผู้ถือบัตรไปราว 5% ของยอดสมาชิก ที่มีอยู่ขณะนี้กว่า 2 .5 พันราย   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us