กระทรวงการคลังยังไม่ชัดเจน กรณีการควบรวมกิจการระหว่าง ไอเอฟซีที กับไทยธนาคาร
ระบุยังอยู่ในขั้นตอนการศึกษา พร้อมอนุมัติให้ไอเอฟซีทีเพิ่มทุนไปก่อน 8 พันล้านบาท
เพื่อใช้ในการขยายธุรกิจและเพิ่มความแข็งแกร่งของเงินกองทุน
ร้อยเอกสุชาติ เชาว์วิศิษฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงแผนการปรับปรุงการดำเนินงานของบรรษัทเงินทุน
อุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือไอเอฟซีที ว่า ขณะนี้กระทรวงการคลังได้อนุมัติให้
ไอเอฟซีทีดำเนินการเพิ่มทุนไปก่อน หลังจากนั้นจะมีการศึกษาและพิจารณาว่าดำเนินธุรกิจอย่างไรต่อไป
"ขณะนี้กระทรวงการคลัง อยู่ในขั้นตอนการศึกษา และได้ข้อสรุปแล้วบางส่วน แต่ไม่สามารถบอกได้ว่าจะมีการควบรวม
กับธนาคารไทยหรือไม่ เพราะต้องรอความชัดเจนก่อน"
นายอโนทัย เตชะมนตรีกุล กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
หรือไอเอฟซีทีกล่าวว่า วานนี้ (24 ก.ค.) ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 2/2546
อนุมัติให้การจัดสรรและจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 300 ล้าน หุ้น เสนอขายในราคาตามมูลค่า
(ราคาพาร์) 10 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 3,000 ล้านบาท
รวมทั้งอนุมัติให้ขายหุ้นกู้ด้อยสิทธิจำนวน 2 ล้านหน่วย ในราคาหน่วยละ 1,000
บาท รวม 2,000 ล้านบาท และใบสำคัญแสดง สิทธิในการจองซื้อหุ้นสามัญ (วอร์แรนต์)
จำนวน 60 ล้านหน่วย อายุ 3 ปี โดยใบสำคัญแสดงสิทธิฯ สามารถใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญได้
1 หุ้น ในราคาใช้สิทธิหุ้นละ 5.48 บาท
โดยการเสนอขายจะเสนอขายพร้อมกันทั้งชุด โดยมีสัดส่วนหุ้นสามัญจำนวน 300 หุ้น
ต่อหุ้นกู้ด้อยสุทธิ 2 หน่วย ต่อวอร์แรนต์ 60 หน่วย
สำหรับรายละเอียดของหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่เสนอขายครั้งนี้ มีอายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ย
5 ปีแรก อัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 18.02 ต่อปี ซึ่งประกอบด้วยอัตราดอกเบี้ยหุ้นกู้ด้อยสิทธิปกติร้อยละ
3.23 บวกอัตราชดเชย ส่วนต่างที่ราคาเสนอขายสูงกว่าราคาตลาด พร้อมดอกเบี้ยอีกร้อยละ
14.79 ส่วนอัตราดอกเบี้ย 5 ปีหลัง หากไอเอฟซีทีไม่ใช้สิทธิไถ่ถอนคืนก่อนกำหนด ดอกเบี้ยจะเปลี่ยนเป็นอัตราลอยตัวที่
MLR เฉลี่ย 4 ธนาคารใหญ่ ลบร้อยละ 2 โดยไม่ต่ำกว่าร้อยละ 3.23 ต่อปี
ส่วนรายละเอียดรายการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุน แบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ จัดสรรให้กระทรวงการคลัง
254 ล้านหุ้น ธนาคารออมสิน 31 ล้านหุ้น และธนาคารกรุงไทย 15 ล้านหุ้น รวม 300 ล้านหุ้น
มูลค่ารวม 3,000 ล้านบาท
"การระดมทุนครั้งนี้ จะทำให้ไอเอฟซีทีมีแหล่งเงินทุนรองรับการขยายธุรกิจ และการ
ดำเนินงานทั่วไปที่เพิ่มรายได้ให้แก่ไอเอฟซีที รวมทั้งเพิ่มสภาพคล่องและความแข็งแกร่งของเงินกองทุน
ซึ่งจะเป็นผลดีต่อผลตอบ แทนที่ผู้ถือหุ้นจะได้รับในระยะยาวทั้งในรูปเงินปันผลและกำไรจากราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้น"
ก่อนหน้านี้กระทรวงการคลังได้ให้ความเห็นชอบให้ไอเอฟซีทีเพิ่มทุน 8,000 ล้านบาท
เพื่อรองรับการขยายการดำเนินธุรกิจในการสนับสนุนสินเชื่อระยะยาวแก่อุตสาหกรรมต่างๆ
ทำให้ทุนจดเบียนเพิ่มขึ้นจาก 12,000 ล้านบาท เป็น 20,000 ล้านบาท รวมทั้งเห็นชอบในแนวทางการเพิ่มทุนของไอเอฟซีที
ที่จะจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 3,000 ล้านบาท