|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
 |
อ.ส.ค.ประกาศแผนรุกตลาดนมปี 52 หลังการปรับปรุงโรงงานใหม่เสร็จ เพิ่มผลิตภัณฑ์นม และขนาดบรรจุภัณฑ์เพิ่มขึ้นเสนองความต้องลูกค้า พร้อมการส่งเสริมการเลี้ยงโคนม นำร่องฟาร์มตัวอย่างให้เกษตรกรได้ศึกษาการบริหารจัดการเพิ่มผลผลิต ลดต้นทุน เพื่อรองรับการแข่งขันหลังการเปิด FTA ไทย-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์
นางรัตนา อังศุภากร รองผู้อำนวยการ รักษาการแทนผู้อำนวยการ องค์การส่งเสริมโคนมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) กล่าวถึงแผนงานในปีงบประมาณ 2552 ว่าตามภาระหน้าที่และบทบาทของ อ.ส.ค. มี 2 ประการคือการส่งเสริมการเลี้ยงโคนม และบทบาททางด้านการพัฒนาและการจำหน่ายผลิตภัณฑ์นม ซึ่งในปี 2552 นี้ อ.ส.ค.ได้มีจัดทำแผนงานแนวทางในการพัฒนาทั้งสองด้านดังนี้
ด้านการส่งเสริมการเลี้ยงโคนม เนื่องจากสภาพการทางด้านเศรษฐกิจที่มีผลกระทบจากการปรับตัวทางด้านวัตถุดิบสูงขึ้นจากการที่ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น จึงต้องให้ความสำคัญในเรื่องการบริหารจัดการฟาร์มให้มีประสิทธิภาพ ลดค่าใช้จ่ายและให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่ดีและมีคุณภาพมากขึ้น
ทั้งนี้ ทางอ.ส.ค.ได้มีจัดทำฟาร์มต้นแบบขึ้น เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ และฝึกอบรมให้กับสมาชิกผู้เลี้ยงโคนมที่มีอยู่ให้ได้ประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้น เพราะต้นทุนทุกๆอย่างปรับตัวสูงขึ้น วัตถุดิบ อาหาร การขนส่ง การดูแลและการรักษาคุณภาพน้ำนม เพื่อลดการสูญเสียให้น้อยลง โดยการคัดเลือกฟาร์มเกษตรกรในพื้นที่ขณะนี้ ได้เริ่มดำเนินการแล้วที่ฟาร์มไทยเดนมาร์ก หมวกเหล็ก สระบุรี และจะขยายไปยังฟาร์มสมาชิกที่ อ.ส.ค. ส่งเสริมอยู่มีผู้เสนอชื่อและให้ความสนใจหลายแห่ง และได้มีการคัดเลือกแล้วคือที่จังหวัดขอนแก่น โดยมีทีมวิชาการของอ.ส.ค.เข้าไปดูแลและแนะนำช่วยเกษตรกรที่จะมาเรียนรู้
นอกจากนี้ยังมีปรับปรุงการบริหารจัดการเพื่อลดต้นทุนให้กับเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมอีกส่วนหนึ่งคือการปรับปรุงการบริหารจัดการศูนย์รวบรวมน้ำนม ซึ่งถือว่าเป็นขั้นตอนสำคัญในการลดการสูญเสียน้ำนมดิบ โดยการควบคุมเก็บรักษาคุณภาพน้ำนมดิบให้ได้มาตรฐานที่กำหนด ซึ่งทาง อ.ส.ค.ก็ได้นำทีม Q.Cเคลื่อนที่ ในการเข้าไปแนะนำและตรวจสอบทางด้านเทคนิค อุปกรณ์ การรักษาความสะอาดในการจัดเก็บให้กับศูนย์รวบรวมน้ำนมดิบของสหกรณ์
ส่วนด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์นมและการจัดจำหน่ายในปี 2552 อ.ส.ค.ได้มีการปรับปรุงโรงงานปรับเปลี่ยนเครื่องจักร ทำให้ประสิทธิภาพการผลิต และพัฒนาผลิตภัณฑ์ได้หลากหลายมากขึ้นจึงมีแผนที่จะเพิ่มผลิตภัณฑ์นมออกสู่ตลาดอีก 2 ตัวคือนมประเภทไขมั่นต่ำ (Lowfat) นมเปรี้ยว ยูเอชที ซึ่งเดิม อ.ส.ค.ก็เป็นเจ้าแรกในการผลิตนมเปรี้ยวอยู่แล้ว และ ยังมีผลิตภัณฑ์โยเกริ์ต ที่มีความหลากหลาย และปรับปรุงรสชาติตามความนิยมของผู้บริโภคมากขึ้น คาดว่าในไตรมาสแรก ของปี 2552 จะเริ่มออกมาทำตลาด
นอกจากนี้ยังมีแผนงานและการวิจัยที่จะนำผลิตภัณฑ์ “โมดิฟายด์มิลล์” (Modified Milk) โดยเพิ่มคุณค่าทางอาหารเข้าไปเสริมกับคุณค่าอาหารของนม ทำให้ผลิตภัณฑ์ที่ได้มีคุณค่าทางอาหารเข้มข้นสูงขึ้น โดยเน้นใช้วัตถุดิบท้องถิ่นไทยที่มีคุณค่า โดยไม่ต้องดื่มในปริมาณที่มาก เพื่อเสริมตลาดกลุ่มที่ต้องการดูแลสุขภาพ คนต้องการดื่มนมแต่กลัวความอ้วน หรือกลุ่มที่ต้องการคุณค่าทางอาหารที่เพิ่มขึ้น ซึ่งทิศทางนี้ อ.ส.ค.จะให้ความสำคัญมากขึ้นสำหรับแผนงานในปี2552
นางรัตนา ได้กล่าวว่าแผนการตลาดของนมไทย-เดนมาร์ค ว่าในปี2552 จะปรับรูปแบบกล่องบรรจุภัณฑ์ใหม่ โดยเพิ่มรายละเอียดการแนะนำเรื่องคุณค่าทางโภชนาการ มีการติดหลอดคู่ไปกับกล่อง ยูเอชที นอกจากนี้ยังมีการปรับขนาดให้มีความหลากหลายมากขึ้นจากเดิมที่มีขนาด 250 มล. จะเพิ่มขนาด 125-150 มล.เข้ามาในตลาดด้วย รวมทั้งขนาดแพ็กจากเดิมที่มี 1 โหล จะเพิ่มแพ็ก 6 กล่อง เพื่อให้ลูกค้าได้มีทางเลือกตามความจำเป็นและเหมาะสมกับขนาดกำลังซื้อในแต่ละครั้งมากขึ้น โดยราคาที่รัฐบาลอนุมัติให้ปรับนั้นทางอ.ส.ค.ปรับแต่เฉพาะตัวน้ำนมดิบที่ซื้อจากเกษตรกรเพิ่มขึ้นเท่านั้น ส่วนต้นทุนด้านอื่นๆนั้นทาง อ.ส.ค.ยังไม่ได้ปรับเพิ่มเพื่อบรรเทาภาระแก่ผู้บริโภค
สำหรับแผนการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายมากขึ้น ทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัดมากขึ้น โดยจะร่วมกับผู้แทนจำหน่ายที่มีอยู่ เพื่อตอกย้ำถึงคุณภาพนมไทยเดนมาร์ค นมโคแท้ 100 % ไม่มีการผสมนมผง ให้ผู้บริโภคมั่นใจในเรื่องคุณภาพและสารอาหาร และสร้างความใกล้ชิดกับผู้บริโภคมากขึ้น พร้อมทั้งได้มีของชำร่วยทั้งแก้วแถบให้กับผู้ที่ซื้อผลิตภัณฑ์ โดยคาดว่ายอดขายโดยรวมจะเพิ่มขึ้นจากเดิมประมาณ 10 % ทั้งการจำหน่ายผ่านช่องทางร้านโมเดิร์นเทรด และผ่านตัวแทนจำหน่าย จากยอดขายรวม 130 ล้านลิตรต่อปี
|
|
 |
|
|