Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน23 กันยายน 2551
บิ๊ก"กรุงไทย"ยันCDOยังปกติ ไทยธนาคารโละทิ้งยอมขาดทุน             
 


   
www resources

โฮมเพจ ธนาคารกรุงไทย

   
search resources

ธนาคารกรุงไทย
อภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์
Banking and Finance




ผู้บริหารแบงก์ยังคงชี้แจงไม่โดนหางเลขจากวิกฤตสถาบันการเงินสหรัฐ เอ็มดีแบงก์กรุงไทยระบุไม่มีเงินลงทุนในธนาคารต่างประเทศ ส่วน CDO ที่ถืออยู่ไม่มีปัญหายังได้รับผลตอบแทนตามปกติ พร้อมยันเป้าหมายสินเชื่อเดิม 5-6% ด้านไทยธนาคารยันขาย CDO หมดพอร์ต หลังราคาในตลาดโลกทรุดหนัก ต้องควักเงินกันสำรอง 7 พันล้าน เพื่อให้เป็นไปตามราคาตลาด รวมแล้วขาดทุนเกือบ 50 %

นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (KTB) เปิดเผยถึงผลกระทบวิกฤตสถาบันการเงินของอเมริกาว่า ธนาคารไม่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตสถาบันการเงินดังกล่าว เนื่องจากปัจจุบันธนาคารไม่มีเงินลงทุนในธนาคารต่างประเทศ จึงไม่มีปัญหา ขณะที่การลงทุนในตราสารหนี้ที่มีสินทรัพย์หนุนหลัง (CDO) นั้นก็ไม่มีปัญหาและปัจจุบันธนาคารก็ยังได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนดังกล่าวตามปกติ

สำหรับการปล่อยสินเชื่อของธนาคารในปีนี้ก็ยังมองว่าจะเติบโตตามเป้าที่ตั้งไว้ 5-6% แม้ว่าแนวโน้มเศรษฐกิจอาจจะชะลอตัวลง เนื่องจากเป้าหมายที่ตั้งไว้นั้นที่ไม่สูงอยู่แล้ว จึงไม่น่าจะมีปัญหาอะไร

ทั้งนี้ ธนาคารกรุงไทยได้ให้ความสำคัญต่อการปล่อยสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการขนาดกลางและย่อย(SME) โดยล่าสุดนายวันชัย ธนิตติราภรณ์ รองกรรมการผู้จัดการ ผู้บริหารสายงาน สายงานธุรกิจขนาดกลาง ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า ธนาคารได้ออกสินเชื่อ KTB–Green Loan สำหรับผู้ประกอบการ SMEs เพื่อลงทุนในโครงการที่ก่อให้เกิดการอนุรักษ์พลังงานและการใช้พลังงานทดแทน การกำจัดหรือลดมลภาวะ ไม่ว่าจะเป็นระบบบำบัดน้ำเสีย อากาศเสีย กำจัดของเสีย ขจัดมลพิษ รวมทั้งปรับปรุงสถานประกอบการ โดยใช้อุปกรณ์ก่อสร้างที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมทั้งเครื่องจักรอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการประหยัดพลังงาน โดยคิดดอกเบี้ย ปีที่ 1-2 ในอัตรา MLR (ปัจจุบันเท่ากับ 7.25% ต่อปี) ลบ 1% ต่อปี ปีที่ 3 คิดอัตราดอกเบี้ย MLR ต่อปี ผ่อนชำระภายใน 10 ปี โดยธนาคารได้เตรียมวงเงินสินเชื่อจำนวน 15,000 ล้านบาท ลูกค้าที่สนใจสามารถติดต่อได้ที่สำนักงานธุรกิจซึ่งกระจายอยู่ทั่วประเทศ 63 แห่ง

นอกจากนี้ สำหรับโครงการ SMEs-KTB Awards ในปีนี้ ซึ่งเป็นปีที่ 4 ธนาคารให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม โดยเพิ่มรางวัล KTB Green Award เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการใช้พลังงานให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยกำหนดจัดงานมอบรางวัลในเดือนพฤศจิกายน 2551

นายวันชัยกล่าวอีกว่า ธนาคารเดินหน้าสนับสนุนธุรกิจ SME เนื่องจากเป็นภาคธุรกิจสำคัญในการกระตุ้นระบบเศรษฐกิจของประเทศ โดยในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา ธนาคารได้ปล่อยสินเชื่อ SME ไปแล้วเกือบ 10,000 ล้านบาท ทำให้ปัจจุบันธนาคารมียอดสินเชื่อ SME จำนวน 200,000 ล้านบาท

ไทยธนาคารโละ CDO ขาดทุน

นายสุธีร์ โล้วโสภณกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ด้านบริหารเงินและค้าผลิตภัณฑ์การเงิน ธนาคาร ไทยธนาคาร จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตามที่ปรากฏบทวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ต่างๆ เกี่ยวกับเงินลงทุนในต่างประเทศของธนาคารไทยธนาคารตามที่เป็นข่าวในสื่อต่างๆ นั้น ธนาคารขอชี้แจงรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับเงินลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศดังนี้

ตราสารหนี้ที่เหลืออยู่ในปัจจุบันธนาคารได้รับชำระคืนเงินลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศตามลำดับ โดยธนาคารจะได้รับเงินคืนจากตราสารหนี้ที่ธนาคารเข้าไปลงทุนในเดือนกันยายนนี้เป็นจำนวนเงิน 190 ล้านเหรียญสหรัฐ เนื่องจากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในต่างประเทศมีแนวโน้มจะปรับลดลงทำให้ผู้ออกตราสารหนี้ดังกล่าวทยอยคืนเงินลงทุนมาให้ก่อนครบกำหนด ทำให้ยอดเงินลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศคงค้างของธนาคารลดลงเหลือเพียง 410 ล้านเหรียญสหรัฐ ภายในสิ้นเดือนกันยายนนี้

สำหรับยอดเงินลงทุนคงค้างรวมจำนวน 410 ล้านเหรียญสหรัฐ ดังกล่าวนั้นแบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ คือ 1. ตราสารหนี้ภาครัฐหรือมีรัฐบาลต่างประเทศค้ำประกันเงินต้น จำนวน 190 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งตราสารดังกล่าวไม่นับเป็นสินทรัพย์เสี่ยงตามเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้ ตราสารหนี้จำนวน 50 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นพันธบัตรรัฐบาลเกาหลี ตราสารหนี้อีกจำนวน 140 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นตราสารหนี้ที่ออกโดยองค์กรภาครัฐและมีรัฐบาลเยอรมันหรือรัฐบาลแคนาดาเป็นผู้ค้ำประกัน

ส่วนเงินลงทุนจำนวน 220 ล้านเหรียญสหรัฐ ที่เหลือนั้นเป็นการลงทุนในตราสารหนี้ที่ได้รับการจัดอันดับความ น่าเชื่อถือสูงตั้งแต่ระดับ AA- ไปจนถึง AAA เงินลงทุนดังกล่าวนั้น เป็นตราสารหนี้ที่ผู้ออกตราสารเป็น ธนาคารขนาดใหญ่ หรือเป็นตราสารที่ได้รับการค้ำประกันเงินต้นจากธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ โดย ธนาคารได้กระจายการลงทุนออกไปในธนาคารต่างประเทศหลายประเทศ ดังนี้ 1. Rabobank Nederland NV เป็นธนาคารขนาดใหญ่ในประเทศเนเธอร์แลนด์ อันดับเรตติ้ง AAA จำนวนเงิน 30 ล้านเหรียญสหรัฐ 2.ธนาคารลูกของ JPMorgan Chase Bank N.A. เป็นธนาคารในประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ระดับโลกและได้รับการค้ำประกันเงินต้นโดยธนาคารแม่ อันดับเครดิต AAA จำนวนเงิน 40 ล้านเหรียญสหรัฐ

3. HSBC France เป็นธนาคารในประเทศฝรั่งเศส และเป็นบริษัทในกลุ่มของธนาคาร HSBC Holding PLC ซึ่งเป็นธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ระดับโลก อันดับเครดิต AA จำนวนเงิน 20 ล้านเหรียญสหรัฐ 4. Dexia Banque Internationale a Luxembourgเป็นธนาคารขนาดใหญ่ในประเทศลักเซมเบอร์ก อันดับเครดิต AA จำนวนเงิน 50 ล้านเหรียญสหรัฐ 5. Royal Bank of Canada เป็นธนาคารขนาดใหญ่ในประเทศคานาดา อันดับเครดิต AA- จำนวนเงิน 30 ล้านเหรียญสหรัฐ และ 6.บริษัทในเครือของ KBC Bank NV อันดับเครดิต AA- จำนวนเงิน 50 ล้านเหรียญสหรัฐ นายสุธีร์ กล่าวอีกว่า ธนาคารได้จำหน่ายเงินลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ ประเภท CDO (Collateralized Debt Obligations) ไปทั้งหมดเมื่อวันที่ 29 ก.ค. 51 ซึ่งมีผลให้ธนาคารมีกำไรจากการจำหน่ายตราสาร CDO จำนวน 970 ล้านบาท และจะรับรู้กำไรในไตรมาสที่ 3 นี้

รายงานข่าวระบุว่า แม้การขายซีดีโอที่ธนาคารทยธนาคารลงบัญชีว่าเป็นกำไร 970 ล้านบาท เนื่องจากราคาที่ขายได้สูงกว่าราคาบัญชีหลังกันสำรอง แต่ถ้าคำนวณจากราคาซื้อซีดีโอตั้งแต่ต้น ปรากฏว่าเงินลงทุนหายไปเกือบ 50 % เนื่องจากธนาคารลงทุนในซีดีโอ 14,463 ล้านบาท หรือประมาณ 420 ล้านเหรียญ ผลจากราคาตลาดของซีดีโอได้ปรับตัวลดลง ทำให้ธนาคารต้องกันสำรอง 211.93 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 7,095 ล้านบาท   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us