|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ตลาดหุ้นไทยสวนทางตลาดหุ้นภูมิภาค เจอแรงเทขายทำกำไรกดดัชนีติดลบกว่า 10 จุด โดยหุ้นกลุ่มแบงก์ปรับตัวลดลงถ้วนหน้า ด้านนักวิเคราะห์ประเมินแนวโน้มยังผันผวนในกรอบแคบทั้งแดนบวก-ลบ เหตุนักลงทุนเฝ้ารอความชัดเจนมาตรการแก้วิกฤตสถาบันการเงินสหรัฐฯ พร้อมจับตาคดียุบพรรคการเมือง
การประกาศล้มละลายของเลห์แมน บราเธอร์ส วาณิชธนกิจยักษ์ใหญ่อันดับ 4 ในสหรัฐอเมริกา ได้ส่งผลต่อภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลก เนื่องจากนักลงทุนต่างกังวลว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น และส่งผลกระทบต่อเนื่องต่อสถาบันการเงินอื่นๆ ทั่วโลก รวมทั้งได้ตั้งข้อสังเกตว่า อาจจะมีสถาบันการเงินต่างๆ ที่จะประสบชะตากรรมเดียวกับเลห์แมนฯ
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์เริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้น หลังจากทางการสหรัฐฯ และธนาคารกลางประเทศต่างๆ ทั่วโลก ออกมาประกาศมาตรการที่ชัดเจนจะเข้ามาช่วยเหลือเพื่อบรรเทาปัญหาที่เกิดขึ้น ส่งผลให้ตลาดหุ้นเริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้น
บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทย วานนี้ (22 ก.ย.) ได้เคลื่อนไหวสวนทางกับตลาดหุ้นเอเชียที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นกันถ้วนหน้า ขณะที่ตลาดหุ้นไทย กลับปรับตัวลดลง แม้จะปรับตัวเพิ่มขึ้นได้เล็กน้อยในช่วงเช้า โดยมีราคาสูงสุดที่ 629.07 จุด หลังจากนั้นราคาหุ้นได้ลดลงอย่างต่อเนื่อง และลงแรงในช่วงบ่ายที่ลดต่ำสุดที่ 614.25 จุด ก่อนจะปิดการซื้อขายที่ 614.49 จุด ลดลงจากวันก่อน 10.34 จุด คิดเป็น 1.65% มูลค่าการซื้อขายรวม 13,257.59 ล้านบาท
ขณะที่ตลาดหุ้นหลักๆ ในแอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยดัชนีฮั่งเส็ง ตลาดหุ้นฮ่องกง ปิดที่ 19,632.20 จุด ปรับตัวเพิ่มขึ้น 304.47 จุด หรือ 1.58% หลังแตะระดับต่ำสุดที่ 19,137.67 จุด และระดับสูงสุดที่ 19,869.02 จุด ขณะที่ดัชนีนิกเกอิ ตลาดหุ้นโตเกียว ปิดที่ระดับ 12,090.59 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 169.73 จุด เปลี่ยนแปลง
สำหรับดัชนีตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวลดลงนั้น ได้รับผลกระทบจากหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่ปรับตัวลดลงค่อนข้างมาก ประกอบด้วย ธนาคารกรุงเทพ (BBL) ราคาปิดที่ 103.00 บาท ลดลงจากวันก่อน 3.00 บาท หรือคิดเป็น 2.83% ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ปิดที่ 68.50 บาท ลดลง 3.00 บาท หรือ 4.20% ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) ปิดที่ 63.50 บาท ลดลง 2.50 บาท หรือ 3.79% และธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) ปิดที่ 17.00 บาท ลดลง 0.80 บาท หรือ 4.49%
นางสาวจิตรา อมรธรรม ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ไซรัส จำกัด (มหาชน) หรือ SYRUS กล่าวว่า วานนี้ดัชนีตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวค่อนข้างผันผวน ขณะที่นักลงทุนยังชะลอการลงทุนเพื่อดูมาตรการแก้ปัญหาวิกฤตการณ์ทางการเงินในสหรัฐฯ ซึ่งสวนทางกับดัชนีตลาดหุ้นในต่างประเทศที่ต่างปรับตัวเพิ่มขึ้นถ้วนหน้า
สำหรับปัจจัยที่ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยปิดในแดนลบ เกิดจากวิกฤตเศรษฐกิจของสหรัฐที่ยังไม่คลี่คลาย และราคาบ้านที่ปรับตัวลดลง 15 % และมีแนวโน้มจะลดลงอย่างต่อเนื่อง อาจก่อให้เกิดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ขณะที่ตลาดหุ้นในต่างประเทศปรับตัวดีขึ้น เพราะมีมุมมองที่ดีต่อมาตรการแก้ปัญหาสถาบันการเงินของสหรัฐฯ รวมทั้งตลาดหุ้นบางประเทศมีการประกาศใช้ห้ามใช้การซื้อขายแบบซ็อตเซล จึงส่งผลให้ตลาดหุ้นมีเสถียรภาพดีขึ้น
ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ (23 ก.ย.) คาดดัชนีตลาดหุ้นยังผันผวนในกรอบแคบๆ ให้แนวรับที่ 610 จุด และแนวต้านที่ 625-630 จุด โดยให้จับตาโผคณะรัฐมนตรีว่าใครจะได้ดำรงตำแหน่งใด รวมถึงภาพรวมของเศรษฐกิจในต่างประเทศ ส่วนหุ้นที่น่าลงทุนจะเป็นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานที่ดีอย่างกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์
นายรณกฤต สารินวงศ์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. แอ๊ดคินซัน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า นักลงทุนต่างประเทศยังคงเทขายหุ้นไทยออกมาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยยังคงผันผวน สวนทางกับทิศทางทางตลาดทั่วโลกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยตลาดหุ้นไทยได้รับผลกระทบจากปัญหาภาวะทางการเงินของสหรัฐอเมริกา และนักลงทุนต่างชาติปรับลดความน่าเชื่อถือของสถาบันการเงินของไทย ส่งผลให้ดัชนีตลาดหุ้นปรับตัวลดลง
“แนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้น่าจะยังคงผันผวน โดยให้แนวรับที่ 605 จุด และแนวต้านที่ 625 จุด ขณะทีนักลงทุนต้องติดตามการพิจารณายุบพรรคชาติไทยและพรรคมัฌชิมาธิปไตย รวมถึงนโยบายของรัฐบาลสหรัฐฯ ในการแก้ไขปัญหาสภาวะทางการเงิน ดังนั้นช่วงนี้นักลงทุนควรชะลอการลงทุน เพื่อรอดูความชัดเจนต่างๆ ก่อน”
ด้านนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้มีนักลงทุนเทขายทำกำไร หลังจากดัชนีตลาดหุ้นได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ขณะเดียวกันนักลงทุนบางสวนยังรอดูรายละเอียดมาตรการกู้วิกฤตสถาบันการเงินสหรัฐฯ นอกจากนี้ นักลงทุนเริ่มวิตกภาคอุตสาหกรรมที่แท้จริงอาจจะได้รับผลกระทบจากวิกฤติการเงินครั้งนี้ในระยะต่อไป ซึ่งจะส่งผลให้แนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอตัวจนถึงกลางปีหน้า
ขณะที่แนวโน้มตลาดหุนในวันนี้ คาดว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยจะยังคงแกว่งตัวในกรอบแคบๆ ทั้งแดนบวกและแดนลบ หากยังไม่ได้รับสัญญาณที่ดี โดยอิงกับปัจจัยต่างประเทศเป็นหลัก มีแนวต้านที่บริเวณ 629 จุด และแนวรับที่ 610 และ 600 จุด
|
|
|
|
|