NFC ดึง "ไทยพีค่อน" จากจีนถือหุ้นใหญ่ 71% ส่งผลแผนปรับโครงสร้างหนี้บริษัทเจ้าปัญหาฉลุย
โดยไทยพีค่อนทุ่ม 1,588 ล้านบาทใช้หนี้ พร้อมอัดฉีดเงินใหม่ เพื่อปรับปรุงเครื่องจักรและเสริมสภาพคล่องอีก
กว่า 2,500 ล้านบาท บสท. มั่นใจมีศักยภาพฟื้นฟูกิจการได้ ไม่ทำให้เกษตรกรเดือดร้อน
แต่มีปุ๋ยคุณภาพดีและราคาเหมาะสม
นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการบริหาร บรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย (บสท.)
เปิดเผยความคืบหน้าการแก้ไขปัญหา ของ บมจ.ปุ๋ยแห่งชาติ (NFC) ว่า บสท.และธนาคารไทยพาณิชย์
ในฐานะเจ้าหนี้มีหลักประกัน ได้ข้อสรุปร่วมกันเกี่ยวกับการสรรหาผู้ร่วมทุนใหม่
ตามที่บริษัทเสนอ หลังเจ้าหนี้สั่งให้ที่ปรึกษาการเงินเปิดประมูล เพื่อคัดเลือกข้อเสนอดีที่สุดถึง
3 ครั้ง โดยผู้เสนอแนวทางร่วมทุนดีที่สุด คือ กลุ่มไทยพีค่อน ซึ่งกลุ่ม Xi Yang
ผู้ผลิตปุ๋ยรายใหญ่ของประเทศจีน เป็นผู้ร่วมทุน
คาดว่าจะสามารถเซ็นสัญญาข้อตกลงเบื้องต้นได้ภายในสัปดาห์นี้ ก่อนที่บริษัทจะนำแผนร่วมทุนเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการกับศาลล้มละลายกลาง
ตามที่ผู้ร่วมทุนใหม่เสนอ
หาคนฮุบกิจการ 3 รอบ
"สาเหตุที่การแก้ปัญหาของปุ๋ยแห่งชาติ เป็นไปด้วยความยากลำบาก และใช้เวลานาน
เนื่องจาก เจ้าหนี้ต้องการให้การแก้ปัญหาในครั้งนี้ เป็นไปอย่างเบ็ดเสร็จ และมีความโปร่งใส
จึงจำเป็นต้องเปิดโอกาสให้บริษัท ทำการสรรหา ผู้ร่วมทุนอย่างกว้างขวางและเปิดเผย
ซึ่งหลังดำเนินการสรรหากว้างขวางถึง 3 ครั้ง ในที่สุด ก็ได้มีการพิจารณาคัดเลือกกลุ่มไทยพีค่อนเป็นผู้ร่วมทุนใหม่"
"ซึ่งประเด็นที่เจ้าหนี้ให้ความสำคัญมากที่สุด นอกเหนือจากการแก้ปัญหาเรื่องหนี้สินแล้ว
เจ้าหนี้ได้กำหนดเป็นเงื่อนไขในการประมูลว่า กลุ่มผู้ร่วมทุนใหม่จะต้องไม่ดำเนินการใดๆ
ใน อนาคตอันจะก่อให้เกิดการผูกขาด หรือการกำหนดราคาปุ๋ย อันจะส่งผลกระทบต่อเกษตรกร
ผู้ใช้ปุ๋ย ให้ได้รับความเดือนร้อนจากภาวะการขาดแคลนปุ๋ย หรือทำให้ปุ๋ยมีราคาแพงเกินจริง"
นายสถิตย์กล่าว
ให้สิทธิธ.ก.ส.ซื้อ NFC 20%
นอกจากนี้เพื่อผลประโยชน์อนาคตต่อเกษตรกรผู้ใช้ปุ๋ย เจ้าหนี้ยังกำหนดเป็นเงื่อนไขการประมูลด้วยว่า
ผู้ร่วมทุนใหม่จะต้องให้สิทธิธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) ซื้อหุ้นเพิ่มทุนปุ๋ยแห่งชาติ
ในส่วนผู้ร่วมทุนใหม่ได้ 20% ราคาเดียวกับผู้ร่วมทุนใหม่ โดย ธ.ก.ส. อยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้การลงทุนดังกล่าว
ซึ่งหาก ธ.ก.ส.ตัดสินใจร่วมทุน นอกจากจะมีสิทธิออกเสียง ร่วมบริหารปุ๋ยแห่งชาติ
ยังจะช่วยให้ปุ๋ยแห่งชาติสามารถจำหน่ายปุ๋ยได้มากขึ้น ซึ่งตัวเลขในอดีต ธ.ก.ส.
มียอดสั่งซื้อปุ๋ยเพื่อจำหน่ายให้เกษตรกรถึง 300,000-400,000 ตันต่อปี"
กลุ่มทุนจีนฮุบ 71%
ทางด้านนายสมเจตน์ หมู่ศิริเลิศ กรรมการผู้จัดการ บรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย
กล่าวถึง ข้อเสนอกลุ่มไทยพีค่อนว่า เจ้าหนี้มีหลักประกันทั้ง 2 ราย จะได้รับชำระเป็นเงินสดรวม
1,866 ล้าน บาท โดยเป็นเงินจากการเพิ่มทุน 71% ของผู้ร่วมทุนใหม่ 1,588 ล้านบาท
อีก 78 ล้านบาท เป็นเงินสดในบัญชีบริษัท ซึ่งเป็นหลักประกันอยู่กับเจ้าหนี้ ส่วนอีก
200 ล้านบาท จะเป็นเงินกู้ไม่มีดอกเบี้ย มีกำหนดชำระภายใน 3 ปี
นอกจากนั้นบริษัทจะโอนที่ดินที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ ซึ่งมูลค่าประมาณ 200 ล้านบาท
ให้เจ้าหนี้ด้วย สำหรับสัดส่วนถือหุ้นอีก 29% ที่เหลือ ซึ่งเจ้าหนี้จะแปลงหนี้บางส่วนเป็นทุน
บมจ. ปุ๋ยแห่งชาติ อยู่ระหว่างพิจารณาสัดส่วนถือหุ้น ระหว่างเจ้าหนี้กับผู้ถือหุ้นเดิม
ทั้งนี้ ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ตลาดหลักทรัพย์ด้วย ว่าจะได้ข้อสรุปภายใน 1 เดือน
"ปุ๋ยแห่งชาติมีปัญหายืดเยื้อมานาน เนื่องจากโครงสร้างการผลิตที่ซับซ้อน ซึ่งใช้เงินลงทุนในอดีตสูงกว่า
10,000 ล้านบาท ประกอบกับปริมาณการใช้กำลังการผลิตที่อยู่ในระดับต่ำเพียง 30% เนื่องจากขาดเงินทุนหมุนเวียน
ทำให้ต้นทุนการผลิตของปุ๋ยแห่งชาติ สูงกว่าคู่แข่ง มาก" นายสมเจตน์ กล่าว
ส่งผลให้ผลการดำเนินงานในอดีต ตั้งแต่มีการก่อตั้งบริษัทมามีผลขาดทุนมาโดยตลอด
ในปี 2545 บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิกว่า 1,962 ล้านบาท และมีขาดทุนสะสมถึง 12,887
ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้นติดลบ 1,329 ล้านบาท การ แก้ไขปัญหาจึงจำเป็นต้องได้ผู้ร่วมทุนที่มีความพร้อมทั้งด้านเทคโนโลยี
เพื่อที่จะปรับปรุงประสิทธิภาพในการผลิตของบริษัทให้มีต้นทุนที่แข่งขันได้ และมีเงินทุนเพียงพอที่จะสนับสนุนการดำเนินงานของบริษัทได้ในระยะยาว
นายสมเจตน์ กล่าวเพิ่มว่าจากข้อเสนอของกลุ่มไทยพีค่อน นอกเหนือจากเงินสด 1,588
ล้านบาท ที่ต้องใส่เข้ามาแล้ว ทางกลุ่มยังต้องจัดหาเงินทุนใหม่เข้ามาอีกไม่ต่ำกว่า
2,500 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตของบริษัท และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
เนื่องจากธุรกิจปุ๋ยจำเป็นต้องมีเงินทุนหมุนเวียนสูงมาก ซึ่งตามข้อเสนอดังกล่าวบวกกับประสบการณ์ของกลุ่ม
Xi Yang น่าจะสามารถช่วยแก้ปัญหาของปุ๋ยแห่งชาติได้นอกจากนี้ทางผู้ร่วมทุนยังได้ขอให้บริษัทเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการเพื่อให้กระบวนการทุกอย่างเป็นไปอย่างชัดเจนและโปร่งใส
ตลอดจนเพื่อทราบภาระหนี้สินทั้งหมดของบริษัทอย่างชัดเจนด้วย โดยคาดว่าจะสามารถ
ยื่นเรื่องต่อศาลฟื้นฟูภายในต้นเดือนสิงหาคม และเจ้าหนี้จะได้รับชำระเงินภายในสิ้นปีนี้แน่นอน
ณ วันที่ 31 ธ.ค. 2545 บริษัท ปุ๋ยแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) มีทุนจดทะเบียนเรียกชำระแล้วรวม
13,139 ล้านบาทมีขาดทุนสะสม 12,887 ล้านบาทโดยมีส่วนของผู้ถือหุ้นติดลบ 1,329 ล้านบาทมีภาระหนี้สินรวม
14,154 ล้านบาท เป็นภาระหนี้เฉพาะเงินต้นกับเจ้าหนี้สถาบันการเงินที่มีหลักประกัน
2 รายรวม 8,386 ล้านบาท ประกอบด้วย บสท. จำนวน 6,181 ล้านบาท และธนาคารไทยพาณิชย์จำนวน
2,204 ล้านบาท โดยมีดอกเบี้ยค้างชำระตามบัญชีกว่า 4,000 ล้านบาท