|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ซีพี เมจิ ประกาศศึกในตลาดโยเกิร์ตกับดัชมิลล์ เจ้าตลาดโยเกิร์ต รสผลไม้ แก้เกมเบนเข็มลงเซกเมนต์เพื่อความงาม วางหมากสินค้าคอนเซ็ปต์ใหม่ เน้นแนวคิดเกี่ยวกับ "ความสวยจากภายในสู่ภายนอก"
หากย้อนหลังในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมานั้น การทำตลาดโยเกิร์ตของซีพี เมจิ จะเริ่มปรับแนวทางมาทำตลาดในเชิงรุกมากขึ้น และยังประกาศศึกกับ ดัชมิลล์ เจ้าตลาด โดยตั้งเป้าขึ้นเป็นผู้นำตลาดโยเกิร์ต โค่นดัชมิลล์ซึ่งเป็นผู้นำของตลาดภายใน 3 ปี โดยวางเกมใช้วิธีการเปิดตัวโยเกิร์ตรสชาติใหม่เพื่อที่จะขยายฐานจากลูกค้าเดิมที่เป็นวัยรุ่นไปสู่กลุ่มนักเรียนและคนสูงอายุ รวมถึงขยายจุดขายผ่านเอเยนต์เพิ่มจำนวนเป็น 300 ราย เพื่อสร้างความเข้มแข็ง
อีกทั้งยังเป็นการอุดจุดอ่อนของ ซีพี เมจิ ที่จะต้องเผชิญกับดัชมิลล์ ที่มีความแข็งแกร่งในจุดนี้ เนื่องจากมีสาวจำหน่ายในระบบไดเรกต์เซล ขณะที่กลยุทธ์การตลาดในด้านการสื่อสารการตลาดจะมุ่งเน้นให้ผู้บริโภคทราบถึงประโยชน์และคุณภาพที่ดีกว่าของผลิตภัณฑ์โยเกิร์ตตรา เมจิ โดยใช้วิธีการเพิ่มมูลค่าสินค้าจากการเพิ่มเนื้อผลไม้ให้มีมากขึ้น เพื่อสร้างจุดต่างในการทำตลาดทำให้ ซีพี เมจิ เป็นโยเกิร์ตที่มีปริมาณเนื้อผลไม้มากกว่าคู่แข่ง
ทว่ากลยุทธ์เพิ่มมูลค่าสินค้าของซีพี เมจิเพื่อหวังจะช่วงชิงส่วนแบ่งในตลาดโยเกิร์ต กลุ่มผลไม้มาให้ได้นั้น ก็ไม่สามารถสกัดการเติบโตของดัชมิลล์ ที่หลังจากโดนรุกหนักก็เปิดเกมสกัดซีพี เมจิ เดินหน้าปั้นผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เปิดตัวเซกเมนต์ใหม่ ภายใต้แบรนด์ดัชชี่ ชื่อ ดัชชี่ 0% Fat สูตรน้ำตาลน้อย ลงในตลาดคัพโยเกิร์ตไขมันต่ำ จับวัยคนทำงาน อีกทั้งจัดกิจกรรมทางการตลาดสร้างกระแส I love Yoghurt ต่อเนื่อง รวมไปถึงกิจกรรมโรดโชว์ไปยังโรงเรียนมัธยมทั่วประเทศ การประกวด ดัชชี่บอย แอนด์ เกิร์ล เพื่อปกป้องแชร์ในตลาดโยเกิร์ต ผลไม้ ที่ทำตลาดคัพโยเกิร์ต ภายใต้แบรนด์ดัชชี่ และดัชมิลล์ ในตลาดโยเกิร์ตพร้อมดื่มพาสเจอร์ไรซ์ ดังนั้นการที่ ซีพี เมจิจะเข้าไปต่อกรกับดัชมิลล์ คู่แข่งเบอร์ 1 ที่คุมตลาดอย่างแข็งแกร่งในตลาดโยเกิร์ต ผลไม้ และครองส่วนแบ่งตลาดมากถึง 90% จึงเป็นเรื่องไกลจากเป้าหมาย
เหตุผลที่ส่วนแบ่งตลาดของเบอร์หนึ่งทิ้งห่างมากมายขนาดนี้ ถือว่าเพียงพอสำหรับ ซีพี เมจิ ที่จะตัดสินใจหาทางใหม่ในตลาดโยเกิร์ต โดยเข็นแคทิเกอรี่ใหม่ออกมาในตลาด โดยอาศัยจุดแข็งด้านช่องทางการจำหน่ายให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ผ่านช่องทางขายในเครือซี.พี.ที่มีครอบคลุมทุกพื้นที่ ที่สำคัญความแข็งแกร่งในช่องทางการขายนี้ยังเป็นหน้าร้านสำหรับสินค้าใหม่ให้ทดลองตลาด โดยประเดิมช่องทางร้านเซเว่นอีเลฟเว่นในระยะสั้น ก่อนตัดสินใจจะผลิตสินค้าออกวางตลาดอย่างจริงจัง โดยกลางปี 2550 ที่ผ่านมาได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ "เมจิ บิวติ ดีโทซี่ โยเกิร์ต" และ "โยเกิร์ตพร้อมดื่ม ผสมน้ำผึ้งและมะนาว ไขมัน 0%" วางจำหน่ายเฉพาะในร้านเซเว่นอีเลฟเว่นในช่วงแรกของการทำตลาด ซึ่งสินค้าดังกล่าวก็ได้รับการตอบรับดีจากกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย
มาถึงปีนี้ ความพยายามของซีพี-เมจิ เพื่อจะฝ่าด่านของดัชมิลล์ที่เข้มแข็งในตลาดโยเกิร์ต กลุ่มผลไม้จึงยุติลง แต่แก้เกมใหม่ พร้อมจะประกาศศึกอีกครั้ง ล่าสุดเปิดแนวรุกตลาดโยเกิร์ต ภายใต้คอนเซ็ปต์ใหม่ ในกลุ่มเมจิ บิวติ ซีรีส์ "เมจิ บิวติ มิราเกิล"นมเปรี้ยวพร้อมดื่มไม่มีไขมันและคัพโยเกิร์ต รสน้ำผึ้งและแอปเปิลไซเดอร์วีเนการ์ เจาะกลุ่มเป้าหมายผู้หญิงวัยทำงานอายุ 15-40 ปี ระดับบีบวกที่ห่วงใยสุขภาพและความงามเป็นหลัก ซึ่งถือว่าเป็นซีรีส์ 2 ที่ต่อยอดจากเมจิ บิวติ ดีโทซี่ นมเปรี้ยวพร้อมดื่มไม่มีไขมันผสมน้ำผึ้งและมะนาว ซึ่งเป็นซีรีส์แรก
โดยซีพี เมจิ มองว่าตลาดโยเกิร์ตเพื่อความงาม ยังเป็นตลาดที่มีช่องว่าง เนื่องจากที่ผ่านมายังไม่มีการแนะนำโยเกิร์ตกลุ่มนี้ลงตลาด จุดแตกต่างของโยเกิร์ตเซกเมนต์ใหม่คือ มีการเพิ่มวิตามินเข้าไป เพื่อช่วยให้ผู้บริโภคมีสุขภาพผิวที่ดี นอกเหนือจากการมีสุขภาพที่ดี ซึ่งเป็นสิ่งที่กลุ่มวัยรุ่นต้องการ ซึ่งจุดขายนี้ถือว่ามีความแตกต่างจากตลาดคัพโยเกิร์ต กลุ่มผลไม้ ที่เน้นจับกลุ่มวัยรุ่นอายุ 13-19 ปี ซึ่งเป็นสินค้าที่กลุ่มผู้โภคมีพฤติกรรมกินโยเกิร์ตเป็นอาหารระหว่างมื้อ
"สำหรับแผนการดำเนินงานจากนี้ไป บริษัทจะเน้นการออกสินค้าใหม่ในรูปแบบของผลิตภัณฑ์ให้คุณประโยชน์เพื่อสุขภาพและความงามเป็นหลัก และจะไม่เน้นการออกรสชาติผลไม้ โดยใช้กลยุทธ์น่านน้ำสีคราม (Blue Ocean Strategy) ในการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ฉีกแนวออกจากคู่แข่งขัน โดยเฉพาะแนวทางการทำตลาดซีพี-เมจิ เพื่อรุกตลาดนมเปรี้ยวพร้อมดื่มและคัพโยเกิร์ตในช่วงครึ่งปีหลัง จะเป็นการทำตลาดครั้งใหญ่ในรอบหลายปี เนื่องจากศึกษาพฤติกรรมผู้หญิงที่นอกจากกินนมเปรี้ยวและคัพโยเกิร์ต เพราะต้องการเบนฟิตฟังก์ชันนัลเพื่อระบบการขับถ่ายแล้ว ยังต้องการด้านความสวยและความงาม
นับว่าการเปิดตัวสินค้า 2 ซีรีส์ของบริษัทนั้นสร้างความแตกต่างจากสินค้าของคู่แข่งอย่างดัชมิลล์ที่มีความแข็งแกร่ง เพราะมีการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าภายใต้เทคโนโลยีจากประเทศญี่ปุ่น เพื่อให้สอดรับกับแนวโน้มตลาดที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพและความงามที่กำลังมาแรง และจากการใช้กลยุทธ์ดังกล่าวจะช่วยให้บริษัทสามารถขยายฐานลูกค้าให้กว้างและครอบคลุมมากขึ้น โดยบริษัทต้องการให้กลุ่มผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเป็นสินค้าเรือธงอีกหนึ่งตัว รองจากกลุ่มนมพาสเจอไรซ์"ไพศาล จงบัญญัติเจริญ กรรมการผู้จัดการบริษัท ซีพี-เมจิ จำกัด กล่าว
ปัจจุบัน ซีพี เมจิ เป็นผู้นำตลาดนมสดพาสเจอไรซ์ ครองส่วนแบ่ง 51% จากมูลค่า 2,500 ล้านบาท ส่วนคัพโยเกิร์ต มีส่วนแบ่งกว่า 10% จากมูลค่า 2,000 ล้านบาท และนมเปรี้ยวพร้อมดื่ม 7% จากมูลค่ากว่า 4,000 ล้านบาท เป็นอันดับ 3 หรือ 4 ของตลาด จุดแข็งทางด้านสินค้ากลุ่มนมพร้อมดื่มพาสเจอไรซ์ นับว่าเป็นแต้มต่อที่ช่วยเสริมศักยภาพและสร้างความได้เปรียบในการเป็นผู้นำตลาดที่เป็นผู้ครีเอตตลาดใหม่ให้กับโยเกิร์ตกลุ่มบิวตี้ด้วย
"ในตลาดโยเกิร์ต กลุ่มผลไม้ ซีพี เมจิคงสู้เค้าไม่ได้ ถ้าหากเมจิ ลงแข่งขันตลาดเดิมจะเสียเปรียบมากเพราะเติบโตยากและต้องอาศัยระยะเวลานาน ดังนั้นจะเห็นได้ว่า กลยุทธ์การทำตลาดโยเกิร์ตในปีนี้ ซีพี เมจิเลยจับสินค้าที่มีความแข็งแกร่งทั้ง 2 กลุ่มมาแมตช์คู่กันทั้งตลาดคัพโยเกิร์ต และโยเกิร์ตพร้อมดื่ม เพื่อมาช่วงชิงเค้กในตลาดโยเกิร์ต อีกทั้งยังหวังยอดขายจากกลยุทธ์ราคาของโยเกิร์ตพร้อมดื่ม ในบรรจุภัณฑ์ขนาด 100 มล. ราคา 7 บาท ซึ่งเป็นราคาที่วางเท่ากับคู่แข่ง จะกระตุ้นให้เกิดการทดลองชิมในวงกว้าง "ดร.กิ่งกาญจน์ ภัทรธรรมมาศ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ด้านการตลาด บริษัท ซีพี-เมจิ จำกัด กล่าว
แม้ว่าภาพลักษณ์ของแบรนด์ ซีพี เมจิ ที่มีความแข็งแกร่งในตลาดนมสดพาสเจอไรซ์ ซึ่งจะติดอยู่ในอันดับต้นๆ ของความคิด (Top of Mind) ทำให้มียอดขายมากเป็นอันดับหนึ่งก็ตาม ทว่าในตลาดโยเกิร์ตถือว่าเป็นจุดที่เป็นปัญหาในการสื่อสารการตลาด ซึ่งมีดัชมิลล์เป็นแบรนด์ที่ผู้บริโภคนึกถึงเป็นอันดับแรกเมื่อกล่าวถึงโยเกิร์ต
การเผชิญกับอุปสรรคดังกล่าว จึงเป็นที่มาของการตัดสินใจที่ทำให้เลือก เมธัส ตรีรัตนวารีสิน (แจ็ค เอเอฟ 4) ขวัญใจวัยรุ่นมาเป็นแบรนด์แอมบาสซาเดอร์คนแรกของเมจิ ซึ่งคาดว่าจะเป็นแนวทางในการสร้างกระแสการรับรู้ในกลุ่มผู้บริโภคเพื่อลดจุดอ่อนของซีพี เมจิ ในการทำตลาดโยเกิร์ตให้แตกต่างจากภาพลักษณ์ในตลาดนมสดพาสเจอไรซ์ และต่อกรกับบรรดาดัชชี่บอย และดัชชี่ เกิร์ลของค่ายดัชมิลล์ โดยได้ทุ่มงบประมาณกว่า 50 ล้านบาท ทำการตลาดแบบครบวงจรทั้ง Above the Line และ Below the Line ในสัดส่วน 70 : 30 พร้อมด้วยภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ "ผู้หญิงในฝันของแจ็ค"เพื่อตอกย้ำการรับรู้ในกลุ่มผู้บริโภค โดยให้แบรนด์แอมบาสซาเดอร์เป็นผู้สื่อแนวคิดเกี่ยวกับ "ความสวยจากภายในสู่ภายนอก"ผ่านสื่อโทรทัศน์ สื่อโฆษณาในหนังสือพิมพ์ และสื่อโฆษณาในโรงภาพยนตร์
นอกจากนี้ ซีพี เมจิ ยังมุ่งทำการตลาดในรูปแบบ Below the Line เพื่อให้เข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมายโดยตรง โดยจะมีการจัดกิจกรรมลูกค้าสัมพันธ์ในรูปแบบ Movie Preview ให้สิทธิพิเศษแก่ลูกค้าของซีพี เมจิ ได้ชมภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์แบบเหมารอบเหมาโรง รวมถึงการจัดกิจกรรมโรดโชว์นำขบวน troop และมิราเคิลเกิร์ล แจกชิมผลิตภัณฑ์ตามอาคารสำนักงาน พร้อมด้วยการจัดการส่งเสริมการขายในช่วงแนะนำสินค้าตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วประเทศ
สำหรับเป้าหมายที่เข้ามายึดหัวหาดในตลาดโยเกิร์ต เพื่อสุขภาพและความงาม กรรมการผู้จัดการบริษัท ซีพี-เมจิ จำกัด กล่าวว่าหลังจากเปิดตัวสินค้าดังกล่าวเข้าทำตลาดอย่างเป็นทางการ คาดว่าจะมียอดขายเพิ่มขึ้นจากร้านค้าทั่วประเทศไม่ต่ำกว่า 100% และยอดขายจากร้านเซเว่น อีเลฟเว่น จะเติบโตสูงถึง 300% โดย "เมจิ บิวติ มิราเกิล"จะสร้างยอดขายกว่า 15% ของมูลค่าตลาด หรือประมาณ 225 ล้านบาทโดยบริษัทยังมีแผนจะเปิดตัวสินค้าใหม่อีก 1 รายการภายในสิ้นปี และตั้งเป้าสิ้นปี 51 บริษัทจะมียอดขาย 3,500 ล้านบาท เติบโต 20% จากปีก่อนที่ทำได้ 3,000 ล้านบาท แบ่งเป็นจากตลาดในประเทศและต่างประเทศ 85% และ 15%
|
|
|
|
|