Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายสัปดาห์15 กันยายน 2551
ลงทุนหุ้นยังไม่ต้องรีบของดี ราคาถูกยังมีโอกาสได้ซื้อ             
 


   
www resources

โฮมเพจ บริษัทหลักทรัพย์ทิสโก้

   
search resources

Investment
ทิสโก้, บล.




ทิสโก้จับชีพจร พบพิษซับไพร์มไหลเข้าเส้นเลือดใหญ่ ฝรั่งยกโขยงหนีตายขายไม่เลี้ยง ปัจจัยพื้นฐานเป็นยังไงไม่สนใจขอให้ได้เงินกลับไปช่วยเสริมสภาพคล่องเป็นพอ หุ้นไทยโดนหางเลขร่วมสวดอภิธรรม คาดจุดต่ำสุดเดือน ตุลาคม มอง 580-600 จุดน่าจะรับอยู่

ปีนี้อาจไม่ใช่ปีที่ดีนักสำหรับการลงทุนในหุ้น เพราะดูเหมือนจะมีความเสี่ยงสูงแต่ผลตอบแทนต่ำ ยิ่งในภาวะเคราะห์ซ้ำกรรมซัดโดน 2 เด้งจาก ทั้งภาวการณ์เมืองภายในและวิกฤติซับไพร์มในสหรัฐ ราคาหุ้นที่เห็นว่าถูกอยู่แล้ว ก็ยังมีราคาที่ถูกกว่าให้ได้ซื้อกันอีก สิ่งที่นักลงทุนทุกคนอยากรู้คือ ระดับไหนน่าจะเป็นแนวรับที่เอาอยู่ ,เมื่อไหร่ฝรั่งจะหยุดขาย และ เมื่อไหร่จะได้เห็นแสงเดือนแสงตะวันเสียที

วิวัฒน์ เตชะพูลผล หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์ทางเทคนิค(รักษาการ) บริษัทหลักทรัพย์(บล.)ทิสโก้ มองว่าการขยายตัวของ GDP ไทยในไตรมาส 3 ปีนี้จะชะลอตัวลงมาอยู่ที่ 4.7% และในไตรมาส 4 จะอยู่ที่ 4.9% โดยการส่งออกจะชะลอลงแต่จะถูกชดเชยด้วยการเพิ่มขึ้นของอุปสงค์ภายในประเทศ และคงประมาณการ GDP ทั้งปีที่5.2%

ทั้งนี้ IMF ได้ปรับประมาณการ GDP ของโลกลงจาก 4.1% เหลือ 3% โดนสหรัฐเติบโต 0.3% ญี่ปุ่น 1.2% และ ยุโรป 1.3% ขณะที่ภูมิภาคเอเชียไม่รวมญี่ปุ่นจะยังเติบโตได้ดีอยู่ที่ระดับ 7.3%

"เศรษฐกิจตะวันตกปรับตัวลงเยอะแต่หุ้นลงไม่ค่อยมาก ขณะที่หุ้นเอเชียลงมากแต่เศรษฐกิจลงไม่มาก ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้ในไตรมาส4 ที่จะเห็นหุ้นเอเชียแรลรี่ แต่รอบนี้ฝรั่งจะไม่ซื้อตามเพราะไม่มีเงิน"

สำหรับดัชนีดาวโจนส์ จุดที่ปลอดภัยคือ 10,000 จุด เพราะในไตรมาสนี้สิ่งเลวร้ายทางเศรษฐกิจจะปรากฏชัดเจนขึ้น เห็นได้จากสัญญาณที่จำนวนสถาบันการเงินที่มีปัญหามีลดลง แต่ต้องใช้ปริมาณเงินในการช่วยเหลือเยอะขึ้น ปัจจุบันมีแบงก์ขนาดเล็กปิดตัวไปแล้ว 110 แห่ง ขณะที่แบงก์ใหญ่ก็กำลังมองหาพาร์ทเนอร์เข้ามาซื้อกิจการ ทั้งหมดนี้เป็นเหตุให้สถาบันการเงินต้องเทขายสินทรัพย์ที่ตัวเองมีอยู่แบบไม่ยั้งโดยเฉพาะหุ้นที่มีอยู่ในต่างประเทศ

"ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ว่าหุ้นถูกแล้วฝรั่งจะหยุดขาย แต่อยู่ที่ว่าทำอย่างไรให้ได้เงินกลับไปเสริมสภาพคล่อง ดังนั้นการขึ้นใดๆของดัชนีก็คือจังหวะที่ควรจะขาย"

สำหรับหุ้นไทยนั้นประเมินว่าต่างชาติยังอาจขายหุ้นต่อได้อีก 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งคาดว่าจุดต่ำสุดของดัชนีน่าจะอยู่ในเดือนตุลาคม ที่ระดับ 580-600 จุดก็น่าจะรับอยู่

ด้านผลกระทบทางการเมืองนั้น ถึงฝ่ายใดจะชนะก็คงไม่สำคัญนัก เพราะประเทศแพ้ไปแล้ว หุ้นร่วงแน่นอน แต่ถ้าหากเกิดยุบสภาขึ้นมา หุ้นจะเด้งทันที 30-40 จุด เป็นเวลาสองสามวัน จากนั้นแล้วจะร่วงต่อ เหมือนช่วงพฤษภาทมิฬที่เมื่อเรื่องได้ข้อสรุปหุ้นก็ขึ้นทันที 80 จุดแต่จากนั้นหุ้นก็ร่วงลงต่อ

ทั้งนี้แนะนำลงทุนหุ้นที่มีพื้นฐานดีแต่ราคาลดลง เช่น ธนาคารกสิกรไทย ,ธนาคารไทยพาณิชย์, บมจ. บ้านปู(BANPU), บมจ. อินโดรามา โพลีเมอร์ส(IRP), บมจ. ฮานา ไมโครอิเล็คทรอนิกส(HANA) ,บมจ. ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล(MINT),บมจ. แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเม้นท์(LPN) และ บมจ. ช.การช่าง(CK) แต่ต้องดูจังหวะเวลาและแนวโน้มตลาดหุ้นต่างประเทศประกอบด้วย   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us