Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน9 กันยายน 2551
ปตท.เลื่อนขายหุ้นกู้หมื่นล.เซ่นพรก.ฉุกเฉิน-ดบ.ขาขึ้น             
 


   
www resources

โฮมเพจ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)

   
search resources

ปตท., บมจ.
ประเสริฐ บุญสัมพันธ์
Oil and gas




กลุ่ม ปตท. เลื่อนขายหุ้นกู้ 1 หมื่นล้านบาท จากกำหนดเดิมไตรมาส 3-4 นี้ หลังรัฐบาลประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ฉุดความมั่นใจต่างชาติไม่กล้าซื้อหุ้นกู้ บวกกับดอกเบี้ยขาขึ้นส่งผลให้ต้นทุนสูง ด้านผู้บริหาร "ประเสริฐ" ยันสภาพคล่องสูง ไม่กระทบแผนการลงทุน ขณะที่กำไรไตรมาส 3/51 ลดลงจากไตรมาส 2/51 จากราคาน้ำมันปรับตัวลดลง แม้ยอดขายทั้งปีแตะ 2 ล้านล้านบาท

นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT เปิดเผยว่า บริษัทกลุ่มปตท.ได้เลื่อนแผนการออกหุ้นกู้มูลค่ารวมประมาณ 10,000 ล้านบาท ออกไป จากเดิมที่จะออกในไตรมาส 3-4 ปีนี้ เนื่องจากปัญหาทางการเมืองมีการประกาศบังคับใช้พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ทำให้นักลงทุนต่างประเทศขาดความเชื่อมั่น หากมีการเสนอขายหุ้นกู้อาจจะทำให้ไม่ได้รับความสนจาจากนักลงทุนต่างชาติ และจากการที่อัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงส่งผลทำให้ต้นทุนการออกหุ้นกู่จะอยู่ในระดับสูง จึงไม่คุ้มที่จะออกหุ้นกู้ในช่วงนี้

จากการเลื่อนแผนการเสนอขายหุ้นกู้ออกไปในครั้งนี้ จะไม่ส่งผลกระทบต่อแผนการลงทุนของบริษัท เพราะบริษัทมีกระแสเงินสดที่เพียงพอในการดำเนินงาน และหากมีการกู้เงินจากสถาบันการเงินในประเทศจะส่งผลให้สถาพคล่องของของสถาบันการเงินลดลง จึงต้องการให้การเมืองคลี่คลายเพื่อที่จะมีการระดมทุนจากนักลงทุนต่างประเทศ โดยแผนการลงทุนของกลุ่มปตท.รวมกันประมาณ 1 แสนล้านบาทในช่วง 5 ปี จะยังคงเดินหน้าต่อไปตามแผนงาน

"กลุ่มปตท. ได้มีการเลื่อนขายหุ้นกู้ออกไปจากปัญหาทางการเมือง ส่งผลนักลงทุนต่างชาติไม่เชื่อมั่น ซึ่งหุ้นกู้ดังกล่าวจะมีการขายแก่นักลงทุนต่างประเทศ หากยังคงมีการขายหุ้นต่อไป นักลงทุนต่างชาติจะไม่สนใจที่มีการเข้ามาซื้อ บวกกับการที่ดอกเบี้ยมีการปรับตัวสูงขึ้น จึงทำให้ไม่น่าสนใจที่จะมีการออก แต่หากบริษัทมีการก็เงินหรือขายในประเทศจะทำให้สภาพคล่องภายในประเทศลดลง" นายประเสริฐ กล่าว

สำหรับแนวโน้มผลประกอบการดำเนินงานในไตรมาส 3/51 นี้ กลุ่มปตท.คาดว่าจะปรับตัวลงจากไตรมาส 2/51 เนื่องจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงจาก 130-140 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลในไตรมาส 2 มาอยู่ต่ำกว่า 110 เหรียญ/บาร์เรลในปัจจุบัน ทำให้บางบริษัทประสบผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมัน แต่จากการที่ค่าเงินบาทอ่อนค่าจะส่งผลดีต่อการบันทึกบัญชีที่เป็นรูปเงินบาท แต่รายได้รวมของบริษัทปีนี้ คาดว่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ 2 ล้านล้านบาท แต่กำไรสุทธิคงใกล้เคียงกับปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 113,557.07 ล้านบาท

ส่วนเรื่องการปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศนั้น นายประเสริฐ กล่าวว่า บริษัทขอรอประเมินราคาน้ำมันตลาดโลก 1-2 วัน ถึงทิศทางราคาน้ำมันดิบยังปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องหรือไม่ ก่อนที่จะตัดสินใจในการปรับลดราคาขายปลีกในประเทศ ซึ่งหากราคาน้ำมันดิบไม่ลดลง ปตท.จะยังคงตรึงราคาน้ำมันต่อไป เพราะที่ผ่านมา ปตท.ได้ปรับลดราคาน้ำมันมาแล้วถึง 20 ครั้ง รวมประมาณ 10 บาทต่อลิตร ตามราคาน้ำมันตลาดโลกที่ลดลงจาก 134 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล มาที่ 100 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล

ทั้งนี้จากค่าเงินบาทอ่อนค่าลง มีผลทำให้ต้นทุนนำเข้าน้ำมันแพงขึ้น โดยเงินบาทที่อ่อนค่าทุก 1 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ต้นทุนนำเข้าน้ำมันเพิ่มขึ้น 60-70 สตางค์ต่อลิตร ประกอบกับโอเปกที่จะมีการประชุมฉุกเฉินในวันพรุ่งนี้ (9 ก.ย.) น่าจะมีมติลดกำลังการผลิตลง เพื่อดันให้ราคาน้ำมันเกิน 100 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เชื่อว่าคงจะลดปริมาณการผลิตไม่มากนัก และคงทำให้ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกเพิ่มขึ้นเล็กน้อย

ด้านราคาก๊าซแอลพีจี ขณะนี้ ปตท.รับภาระแทนรัฐบาลจากส่วนต่างราคานำเข้ากับขายประเทศประมาณ 4,000 ล้านบาท ก็ยังคงยืนยันทั้งปีรับภาระไม่เกิน 5,000 ล้านบาท ส่วนการขึ้นราคาแอลพีจี ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้า

สำหรับความคืบหน้าโครงการจัดซื้อหุ้นคืนเพื่อบริหารการเงินนั้น นายประเสริฐ กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาซื้อหุ้นคืน ยังไม่ได้ข้อสรุป และยืนยันว่าแนวคิดการซื้อหุ้นคืนของบริษัทไม่ได้เป็นการสร้างราคาหุ้นแต่อย่างไร

ขณะที่ความเคลื่อนไหวราคาหุ้น PTT วานนี้ (8 ก.ย.) ปรับตัวเพิ่มขึ้นสอดคล้องกับดัชนีตลาดหุ้นไทย โดยมีราคาต่ำสุดที่ 242 บาท ก่อนจะปิดที่ระดับสูงสุดหุ้นละ 248 บาท เพิ่มขึ้นจากวันก่อน 8 บาท หรือคิดเป็น 3.35% มูลค่าซื้อขายสูงสุดติดอันดับหนึ่งที่ 1,450.85 ล้านบาท   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us