Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ พฤษภาคม 2535








 
นิตยสารผู้จัดการ พฤษภาคม 2535
"ขาดแคลนน้ำ ปัญหาระยะยาวที่ต้องเร่งแก้ไข"             
 


   
search resources

Agriculture
สำนักงานคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ
อภิชาติ อนุกูลอำไพ
Environment




ช่วงระหว่างเดือนเมษายนถึงเดือนมิถุนายนตลอดระยะห้าปีที่ผ่านมา ปัญหาใหญ่ที่ส่งผลกระทบถึงคนทั้งประเทศหนีไม่พ้นปัญหาเรื่องการขาดแคลนน้ำ รัฐบาลแต่ละรัฐบาลในช่วงเวลานั้น ๆ ทุ่มเทงบประมาณจำนวนไม่น้อยเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนโดยเฉพาะอย่างยิ่งเกษตรกรที่ต้องอาศัยน้ำในการเพาะปลูก

วิธีการจัดการกับปัญหาภัยแล้งในแต่ละปี ยังคงวนเวียนอยู่ในสองสามวิธีการ ได้แก่ การจัดหารถบรรทุกน้ำแจกจ่ายไปยังแต่ละจังหวัดแต่ละอำเภอ หรือการส่งเครื่องสูบน้ำขนาดต่าง ๆ ไปช่วยในการปลูกพืชฤดูแล้ง และการทำฝนหลวงช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่เดือดร้อนมาก ตลอดจนกระทั่งการประกาศลดพื้นที่การปลูกข้าวนาปรัง เนื่องจากปริมาณน้ำในเขื่อนไม่เพียงพอที่จะจัดสรรให้เกษตรกรได้

พื้นที่ความเสียหายจากการขาดแคลนน้ำเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ในแต่ละปี รายงานจากกระทรวงมหาดไทยแจ้งว่าในช่วงต้นฤดูแล้งนี้ พื้นที่ทางการเกษตรเสียหายไปแล้วถึง 8 ล้านไร่ จังหวัดที่ได้รับผลกระทบมีถึง 67 จังหวัด นับได้ว่าเกือบจะครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ

หน่วยงานทั้งที่สังกัดกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงเกษตรฯ ได้ทุ่มงบประมาณเป็นจำนวนหลายร้อยล้านบาทเพื่อบรรเทาปัญหาดังกล่าวและในปีนี้ อาจต้องใช้งบประมาณที่สูงไปกว่านั้นหลายเท่าตัวเนื่องจากเป็นงานชิ้นแรกที่รัฐบาลภายใต้การนำของพลเอกสุจินดา คราประยูรให้ความสำคัญอันดับหนึ่งในการจัดการแก้ไข

คงไม่มีใครคาดถึงว่าน้ำจะเป็นทรัพยากรที่อยู่ในขั้นขาดแคลนอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ เพราะประเทศไทยเป็นประเทศที่ในน้ำมีปลาในนามีข้าว ประชาชนอยู่กันอย่างอุดมสมบูรณ์มาชั่วนาตาปี

ปัญหาในเรื่องการขาดแคลนน้ำพุ่งสูงสุดตอนฝนขาดช่วงระหว่างเดือนเมษายนถึงมิถุนายนของแต่ละปี แต่หากพิจารณาโดยรวมแล้วปัญหาเรื่องน้ำกำลังกระจายความรุนแรงจากระยะสามเดือนเป็นทุก ๆ เดือนและเพิ่มขึ้นทุก ๆ ปี

ทั้ง ๆ ที่ในปีหนึ่ง ๆ ค่าใช้จ่ายของรัฐจะถูกจัดสรรไปใช้ในเรื่องเกี่ยวกับน้ำถึงสามหมื่นล้านบาท โดยที่มีหน่วยงานต่าง ๆ 24 กรม ภายใต้สังกัด 7 กระทรวงเป็นผู้ดูแล

แต่ละหน่วยงานต่างดูแลเฉพาะในขอบข่ายหน้าที่ของตน เช่น ด้านการเกษตร กรมชลประทานเป็นผู้รับผิดชอบ แต่ในภาพรวมของการจัดสรรน้ำทั้งประเทศยังไม่มีหน่วยงานใดเป็นผู้รับผิดชอบ

อภิชาต อนุกูลอำไพ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติให้ความเห็นในปัญหาเรื่องน้ำว่า

"ปัญหาทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะว่าเราไม่มีระบบการบริหารการจัดการที่ดี จริงอยู่เรามีหน่วยงานเยอะ ซึ่งดูเหมือนให้ความสนใจ แต่ขณะเดียวกันก็เกิดปัญหาเรื่องความไม่มีเอกภาพ กระทรวงเกษตรก็ดูแลของเขา กระทรวงวิทยาศาสตร์ก็มีแผน ต่างคนต่างมีแผน แต่ไม่เคยเอามาเทียบว่าซับซ้อนกันหรือเปล่า"

อภิชาติเห็นว่าการจัดการทรัพยากรน้ำต้องมีการวางแผนในระยะยาว จึงจะแก้วิกฤตในเรื่องการขาดแคลนน้ำได้ แต่ที่ผ่านมายังคงปล่อยให้แต่ละหน่วยงานทำกันไปโดยไม่มีหน่วยงานกลางที่ดูแลทรัพยากรน้ำทั้งประเทศ

สำนักงานคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ หน่วยงานที่อภิชาติเป็นผู้ดูแลอยู่ก็มิได้มีอำนาจหน้าที่เพียงพอที่จะรับผิดชอบการจัดการบริหารน้ำโดยรวมทั้งประเทศได้ เพราะเป็นเพียงหน่วยงานเล็ก ๆ ที่ตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี บทบาทหน้าที่และความสำคัญในการจัดการทรัพยากรน้ำจึงขึ้นอยู่กับความใส่ใจของรัฐบาลแต่ละชุด ที่จะเห็นความสำคัญและสั่งการให้ทำในเรื่องใดเรื่องหนึ่งเท่านั้น ซึ่งต่างจากเรื่องการพลังงานแห่งชาติที่มีกฎหมายรองรับกำหนดอำนาจหน้าที่ ในการดูแลรับผิดชอบเรื่องพลังงานทั้งประเทศ

ทางออกในการจัดการทรัพยากรน้ำ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เห็นว่ามีสามประเด็นใหญ่ ๆ ที่ควรเร่งปฏิบัติ

ประเด็นแรกคือการจัดตั้งองค์กรถาวรขึ้นมาดูแลเรื่องน้ำของประเทศ หรือที่เรียกว่า NATIONAL WATER BOARD ทำหน้าที่ในการประสานงานโครงการต่าง ๆ ของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องน้ำ

ประเด็นที่สองคือ การจัดทำแผนแม่บทลุ่มน้ำทั้งประเทศ ประเทศไทยมีลุ่มน้ำทั้งหมด 25 ลุ่มน้ำ แต่ไม่เคยมีการสำรวจศักยภาพต้นทุนน้ำ และการใช้น้ำของทุกลุ่มน้ำ มีเพียงไม่กี่ลุ่มน้ำที่ได้รับการพัฒนา และโครงการพัฒนาของแต่ละหน่วยงานที่ลงไปก็มิได้มีการวางแผนร่วมกัน บางแห่งมีโครงการพัฒนาที่ซ้ำซ้อนกัน เช่น ลุ่มน้ำเจ้าพระยา มีโครงการเขื่อนต่าง ๆ ที่จัดสรรการใช้น้ำมากเกินกว่าต้นทุนของน้ำทั้งหมดที่มีอยู่ จึงเป็นการสูญเสียงบประมาณไปอย่างไม่มีประโยชน์ ขณะที่บางลุ่มน้ำไม่ได้รับการเหลียวแลปล่อยให้น้ำไหลทิ้งลงสู่ทะเลไปอย่างสูญเปล่า

ประเด็นที่สำคัญที่สุดอีกประเด็นหนึ่งคือการออกกฎหมายในเรื่องสิทธิการใช้น้ำซึ่งควรมีการวางกติกาในการใช้น้ำระหว่างภาคเกษตรกรรม อุตสาหกรรม กลุ่มผู้บริโภคทั่วไป มิเช่นนั้นความขัดแย้งระหว่างการใช้น้ำจะเป็นปัญหาที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เพราะแต่ละหน่วยเศรษฐกิจต่างต้องใช้ทรัพยากรร้ำเป็นปัจจัยหลักทั้งสิ้น

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาโครงการต่าง ๆ ล้วนเป็นการพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร แต่ปัจจุบันภาคอุตสาหกรรมเข้ามามีบทบาทสำคัญในการใช้น้ำ รวมถึงอุตสาหกรรมบริการอันประกอบด้วยโรงแรม สนามกอล์ฟ เป็นต้น ความขัดแย้งระหว่างเอกชนกับเอกชนในเรื่องสิทธิในการใช้น้ำควรจะมีกรอบกติกาในการจัดสรรที่ชัดเจน

ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นมีอยู่เป็นระยะ ๆ แม้กระทั่งระหว่างหน่วยงานรัฐด้วยกันเอง เช่น กรมชลประทานกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ทั้งสองหน่วยงานต่างใช้แหล่งน้ำเดียวกัน แต่ไม่มีหลักเกณฑ์ในการจัดสรรเรื่องนี้ นอกจากเป็นการตกลงแบบสัญญาสุภาพบุรุษของทั้งสองฝ่าย เมื่อเกิดปัญหาในเรื่องน้ำขึ้น หากสองฝ่ายนี้ไม่สามารถตกลงกันได้ ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรีหรือเจ้ากระทรวงทีเกี่ยวข้องเป็นผู้สั่งการ

"ตอนนี้ศักยภาพของน้ำทั้งหมดเราใช้ไปประมาณ 30% เราสามารถพัฒนามาใช้ได้มากกว่านี้ ปัญหาคือเราไม่มีแผนชัดเจนว่าจะพัฒนาที่ไหน จะบริหารยังไง วิกฤตที่เกิดขึ้นเป็นเฉพาะหน้า ถ้ามีการวางแผนไม่มีปัญหาหรอก แต่ถ้าไม่มีแผนระยะยาว เราก็ต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปเรื่อย ๆ อย่างนี้"

ในช่วงนี้ที่ปัญหาเรื่องน้ำเป็นเรื่องใหญ่ สิ่งที่อภิชาติเป็นห่วงคือ การเร่งสร้างผลงานของ ส.ส. เพื่อเอาใจประชาชน โดยเสนอโครงการพัฒนาต่าง ๆ อย่างไม่ได้คำนึงถึงปัญหาโดยรวมทั้งหมด หลายครั้งที่ POLITICAL PROJECT เหล่านี้สูญเสียงบประมาณไปแต่ไม่ได้รับผลตอบแทนที่คุ้มประโยชน์

การแก้ปัญหาภัยแล้งที่เกิดขึ้นอย่างรุนแรง ณ วันนี้เป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องบรรเทาความเดือดร้อนเฉพาะหน้าของประชาชน แต่อย่างไรก็ตาม ปัญหาเรื่องการขาดแคลนน้ำในการอุปโภค-บริโภคและภาคการผลิตกำลังเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นในระยะยาว ดังนั้นความใส่ใจของรัฐจึงไม่ควรจะจำกัดอยู่ในระยะที่ฝนขาดช่วงในสามเดือนนี้เท่านั้น

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us