Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ พฤษภาคม 2535








 
นิตยสารผู้จัดการ พฤษภาคม 2535
"ณรงค์กลับมาเพื่อ TURN AROUND โกดักไทย"             
 


   
search resources

Kodak
Kodak
Photo and Films
ณรงค์ จิวังกูร




ชื่อเสียงของ "โกดัก" เมื่อ 10 ปีก่อนโด่งดังและเป็นที่น่าเกรงขามสำหรับวงการตลาดฟิล์มเป็นอย่างยิ่ง เพราะความเป็นยักษ์อันดับ 1 ที่ทิ้งห่างอันดับ 2 อย่างฟูจิได้หลายช่วงตัว ด้วยส่วนแบ่งตลาดฟิล์มสีสูงถึง 80% ส่วนแบ่งตลาดที่สูงขนาดนี้น่าจะเป็นการยากที่คู่แข่งจะเอาชนะหรือเทียบเคียงได้ง่าย

จะว่าไปแล้วความสำเร็จของโกดักที่เกิดขึ้นมาได้ในช่วงนั้นเพราะส่วนหนึ่งมาจากฝีมือผู้บริหารของคนไทยคนหนึ่ง คือ "ณรงค์ จิวังกูร" ขณะนั้นเขามีตำแหน่งเป็นเพียง "ผู้จัดการฝ่ายการตลาด" เท่านั้น

ณรงค์ เข้ามาทำงานในโกดักประเทศไทยเมื่อ 27 ปีที่แล้ว ในตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายโฆษณาหลังจากลาออกจากบริษัทโคคา-โคลาเอ็กซ์ปอร์ต คอร์ปอเรชั่นในปีเดียวกันและได้เลื่อนขั้นขึ้นมาเรื่อย ๆ จากหัวหน้าฝ่ายมาเป็นผู้จัดการฝ่ายบุคคลและฝึกอบรม แล้วจึงขยับมาอยู่ที่ฝ่ายขายผลิตภัณฑ์การถ่ายภาพเพียงแค่ปีเดียวในฝ่ายขาย ณรงค์ก็ได้เลื่อนขึ้นมาเป็นผู้จัดการฝ่ายดูแลผลิตภัณฑ์ทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์การถ่ายภาพ ฟิล์มภาพยนตร์ กราฟิกอาร์ตและเครื่องมือแพทย์

5 ปี สำหรับตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายที่ดูแลผลิตภัณฑ์ที่เป็นตัวทำรายได้หลักให้กับบริษัทเป็นอย่างมากนี้เอง ทำให้ณรงค์ซึ่งในเวลานั้นมีบทบาทและอำนาจความสำคัญเป็นที่สอง รองจากผู้จัดการทั่วไปซึ่งเป็นผู้บริหารต่างชาติที่บริษัทแม่ส่งเข้ามาดูแลในเมืองไทย แต่การฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปของคู่แข่งจากญี่ปุ่น (ฟูจิ) ช่วงครึ่งหลังทศวรรษ 80 ในตลาดโลก (รวมตลาดอเมริกาด้วย) ขณะที่โกดักเริ่มถดถอยลงหลังจากการขยายตัวออกไปยังสาขาการผลิตอื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมหลักของตนเริ่มประสบความล้มเหลว ทำให้การประกอบธุรกิจของโกดัก ในหลาย ๆ ภูมิภาคของโลกเริ่มถดถอยตามไปด้วย

ค่ายญี่ปุ่นและยุโรป ออกตีตลาดทั่วโลก ฟูจิ อั๊กฟ่า คืบคลานขยายตลาดโลกโดยเฉพาะค่ายญี่ปุ่นถึงขนาดไปตั้งรกรากในอเมริกาตีตลาดโดยเฉพาะ และได้รับความสำเร็จไปแล้วเป็นบางจุด

จะเหลือก็แต่ตลาดเมืองไทยที่ญี่ปุ่นยังไม่เข้ามาเอาเป็นเอาตายในบ้านเรา ซึ่งเวลานั้นฟูจิยังคงพึ่งบอร์เนียวให้เป็นตัวแทนจำหน่ายให้ ก็นับว่ายังเป็นโชคดีของณรงค์อยู่ในช่วงนั้น

อย่างไรก็ตามโกดักก็ยังคงรักษาแชมป์ของตลาดได้อย่างต่อเนื่อง ด้วยกลยุทธ์การสร้างแคมเปญส่งเสริมการขายโดยเจาะกลุ่มย่อย เช่น จับงานรับปริญญา เทศกาลต่าง ๆ ตลาดท่องเที่ยว เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีแคมเปญชิงโชคซึ่งเป็นรายการยอดนิยมของคนไทย

ผลงานของณรงค์ที่เมืองไทย ทำให้บริษัทแม่เรียกณรงค์เข้ามาเป็นกรรมการบริหาร ฝ่ายวางแผนกลยุทธ์ร้านค้าปลีกที่โรเชสเตอร์ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกาเพื่อเตรียมตัวก่อนที่จะถูกส่งไปเป็นผู้จัดการทั่วไป (COUNTRY MANAGER) คุมกิจการที่อินโดนีเซียและเคนยา

โดยเฉพาะเคนยา ด้วยความที่เป็นประเทศที่เศรษฐกิจเติบโตจากพืชไร่ เช่น กาแฟและชามากกว่าการท่องเที่ยว การวางโครงสร้างพื้นฐานทางการตลาดเพื่อการเติบโต จึงเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายนัก

เพราะเคนยามีตลาดฟิล์มที่เล็กมาก มีมูลค่าเพียง 10% ของมูลค่าตลาดฟิล์มในประเทศไทยเท่านั้น คือ ประมาณ 200 ล้านบาท (เมื่อวัดจากขนาดตลาดฟิล์มในไทย 2000 ล้านเมื่อปีที่แล้ว)

ณรงค์ใช้เวลา 3 ปีในเคนยา เขาสามารถวางพื้นฐานการเติบโตได้สำเร็จ โกดักเป็นผู้นำตลาดฟิล์มในเคนยาแล้วในขณะนี้

สำหรับตลาดเมืองไทยวันนี้ แม้ว่าโกดักจะเป็นยังคงรักษาความเป็นผู้นำตลาดอันดับ 1 ไว้ได้ก็ตาม แต่คู่แข่งในเวลานี้ก็ใช่ย่อย "ฟูจิ" ได้สร้างความหนักใจให้กับโกดักอย่างมากมาย เพราะอัตราส่วนการครองตลาดที่เคยห่างกันหลายช่วงตัว นับวันก็ยิ่งเหลือช่องว่างน้อยลง จากแหล่งข่าวในบริษัทฟูจิกล่าวว่า ฟิล์มสีฟูจิสามารถขยับส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ มาถึงที่ประมาณ 40% ของมูลค่าตลาดรวมแล้ว

เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ฟูจิยกเลิกตัวแทนขายจากบอร์เนียวโดยหันมาตั้งบริษัทสาขาในเมืองไทยและลงมือบุกตลาดอย่างจริงจัง โดยการสร้างแคมเปญส่งเสริมการขายพร้อมงบประชาสัมพันธ์และกระหน่ำโฆษณาอย่างต่อเนื่อง

เมื่อความพร้อมในการสู้กับโกดักโดยได้รับแรงสนับสนุนจากบริษัทแม่ส่งให้เต็มกำลังหนุนเช่นนี้ ฟูจิมีเป้าหมายที่จะเอาชนะโกดักจึงเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ ไม่ว่าจะเป็นตลาดที่ยอมรับในคุณภาพและการขยายตัวอย่างรวดเร็วของจุดขาย รวมถึงบุคลากรของฟูจิที่มีทีมงานเป็นหนุ่มสาวไฟแรงและมีความเมามันที่จะเอาชนะแชมป์ให้ได้ตามที่ตั้งเป้าภายใน 3 ปี

ปัจจัยดังกล่าวเป็นตัวเร้าที่ทำให้บริษัทแม่ต้องตัดสินใจเสียแล้วว่า การที่เมืองไทยยังเป็นประเทศเดียวที่เหลืออยู่สำหรับแชมป์ตลาดฟิล์มนั้น จะต้องทำอย่างไรเพื่อรักษาอันดับและชิงส่วนแบ่งการตลาดให้คงเดิมเหมือนเช่นเมื่อ 10 ปีก่อนให้ได้

นั่นคือ การกลับมาของณรงค์ จิวังกูรในมาดของผู้จัดการประจำประเทศไทยที่โกดักในนิวยอร์กส่งมาเพื่อสร้างการ "ฟื้นตัว" ของธุรกิจโกดักในเมืองไทยโดยเฉพาะ

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us