Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน5 กันยายน 2551
ตลาดหุ้นไทยผันผวนหนัก             
 


   
search resources

Stock Exchange




ดัชนีตลาดหุ้นไทยสุดผันผวน นักลงทุนทิ้งหุ้นพลังงานกดดัชนีหยุด 650 จุด ก่อนเด้งรับข่าวครม. ไฟเขียวประชาพิจารณ์แก้วิกฤตการเมือง ปิดบวก 4.92 จุด ขณะที่นักลงทุนต่างชาติทิ้งหุ้น 3 วันติดตั้งแต่ประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน รวมมูลค่า 9.3 พันล้านบาท ด้านบล.ทิสโก้ ลั่นต่างชาติยังคงขายสุทธิหุ้นไทยอีก 2 หมื่นล้านบาท ในช่วง 1-2 เดือนนี้ เพื่อระดมเงินสำรองรับพิษซับไพรม์ไตรมาส 3 /51

ภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นไทยวานนี้ (4 ก.ย.) ดัชนียังคงผันผวน เปิดการซื้อขายช่วงเช้าปรับตัวลดลง จากความกังวลราคาน้ำมันดิบลดลงต่อเนื่อง บวกกับสถานการณ์ทางการเมืองที่ยังไร้ทางออก หลังนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ออกมาประกาศย้ำเจตนาที่จะไม่มีการลาออก หรือยุบสภา กดดันให้ดัชนีลดลงไปแตะระดับต่ำสุดที่ 642.28 จุด แม้ช่วงบ่ายจะเด้งรับข่าวที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติให้ทำประชาพิจารณ์เพื่อหาทางออกและแก้ปัญหาทางการเมือง

โดยในช่วงบ่ายดัชนีตลาดหุ้นไทยได้ปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 656.11 จุด ก่อนจะปิดการซื้อขายที่ระดับ 654.85 จุด เพิ่มขึ้นจากวันก่อน 4.92 จุด หรือคิดเป็น 0.76% มูลค่าการซื้อขาย 12,121.56 ล้านบาท

ขณะที่นักลงทุนต่างประเทศยังคงขายหุ้นออกมาอย่างต่อเนื่อง คือมียอดขายสุทธิ 2,689.63 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 1,152.19 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 1,537.44 ล้านบาท ส่งผลให้ยอดขายสุทธิรวม 3 วันหลักประกาศใช้พระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินรวมทั้งสิ้น 9,300.07 ล้านบาท

นายวิวัฒน์ เตชะพูลผล หัวหน้าฝ่ายลูกค้าส่วนบุคคล บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยถึง สถานการณ์ทางการเมืองที่เกิดอยู่ในปัจจุบัน ว่า คาดว่าการเมืองน่าจะจบภายในเดือนกันยายนนี้ โดยความเป็นไปได้สูงสุดคือ พรรคร่วมรัฐบาลจะถอนจากการร่วมรัฐบาล กดดันให้นายสมัครต้องประกาศยุบสภาในที่สุด

"การยุบสภาคงไม่ได้เกิดจากนายสมัครเอง เพราะได้ประกาศอย่างชัดเจนแล้วว่าจะไม่ลาออก หรือยุบสภา แม้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ปะทะระหว่างผู้ชุมนุมจนก่อให้เหตุการณ์บานปลาย นายสมัครก็จะไม่ลาออก แต่ทางออกที่น่าจะเป็นไปได้ที่สุดคือพรรคร่วมขอถอนตัวออกจากการร่วมรัฐบาล ซึ่งจะทำให้ดัชนีอยู่ที่ระดับ 640-630 จุด"

นายวิวัฒน์ กล่าวว่า จากปัญหาทางการเมืองที่ยืดเยื้อจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นในการบริโภคและต่อเนื่องถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจไตรมาส 3/51 โดยคาดว่าจีดีพีน่าจะอยู่ที่ 4.7% ชอละตัวจากไตรมาส 2/51 ที่ระดับ 5.3% และกระทบต่อเนื่องถึงผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนไตรมาส 3/51 แย่ที่สุดของปีนี้

สำหรับกลยุทธ์การลงทุน หากรัฐบาลประกาศยุบสภา ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นทันที 2 วันหลังจากที่ประกาศยุบสภา บริษัทแนะนำให้นักลงทุนทยอยขายหุ้นทำกำไรเมื่อตลาดหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นที่ระดับ 680-688 จุด และถือเงินสดรอซื้อสะสมในเดือนตุลาคม 51 ที่ 630 จุด หรือ 580-600 จุด เพราะคาดว่าเป็นช่วงที่ตลาดหุ้นเอเชียจะค่อยๆ ปรับตัวขึ้นในเดือนตุลาคมและพฤศจิกายนนี้ ส่งผลให้ไตรมาส 1/51 ตลาดหุ้นไทยจะสามารถปรับตัวขึ้นจากจุดต่ำสุดอย่างน้อย 100-150 จุด ซึ่งจะเป็นแรงซื้อขายนักลงทุนในประเทศเป็นหลัก เพราะราคาหุ้นปัจจุบันถูกมาก โครงการซื้อหุ้นของบจ.กว่า 50 แห่ง รวมถึงทิศทางอัตราดอกเบี้ยทรงตัวและเงินเฟ้อ

ส่วนมูลค่าเงินลงทุนซื้อสุทธิสะสมของนักลงทุนต่างชาตินับตั้งแต่ปี 2547 นั้น ขณะนี้คงเหลืออีกประมาณ 75,800 ล้านบาท จากปีนี้ที่มีการขายสุทธิออกมาแล้ว 104,825 ล้านบาท โดยบริษัทคาดว่าในช่วง 1-2 เดือนนี้นักลงทุนต่างชาติจะมีแรงขายออกมาอีก 20,000 ล้านบาท เนื่องจากไตรมาส 3/51 ทางสถาบันการเงินของอเมริกาและยุโรปจะต้องมีการเพิ่มทุนจำนวนมาก และกองทุนต่างๆจะต้องมีการสำรองเงินไว้เพื่อรองรับลูกค้ามีการไถ่ถอนหน่วยลงทุนทำให้กองทุนเก็งกำไร (เฮดจ์ฟันด์) จำนวนมากขาดทุน

"บริษัทคาดว่าไตรมาส 3/51 นี้ จะมีสถาบันการเงินสหรัฐฯ ประสบปัญหาจนถึงขั้นปิดกิจการเพิ่ม จากช่วงที่ผ่านมาแบงก์เล็กได้ปิดการไปแล้วกว่า 10 แห่ง ซึ่งจะส่งผลให้ดัชนีดาวโจนส์ปรับลดลงได้อีก 500 จุด ไปแตะที่ระดับ 10,000 จุด โดยที่ผ่านมามีแบงก์ขนาดเล็กมีการปิกิจการไปแล้ว 10 แห่ง ซึ่งคาดว่าดัชนีดาวโจนส์จะมีการปรับตัวลดลงอีก 500 จุด ไปอยู่ที่ระดับ 10,000 จุด"

ทั้งนี้ จากข้อมูลของบรรษัทประกันเงินฝากของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ (FDIC) ระบุว่า ธนาคารที่ประสบปัญหาทางการเงินในไตรมาส 2/51 มีจำนวน 117 แห่ง เพิ่มขึ้น 27 แห่ง จาก 90 แห่ง ในไตรมาส1/51ส่วนสินทรัพย์ที่มีปัญหารวม 78,300 ล้านเหรียญสหรัฐเพิ่มขึ้น 52,000 ล้านเหรียญ จากสถาบันการเงิน 90 แห่ง

อย่างไรก็ตาม คาดว่านักลงทุนต่างชาติจะกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยในไตรมาส 4/51 โดยต้องรอให้ค่าเงินบาททรงตัว และการเมืองคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น

หุ้นกระเตื้องระยะสั้น

นายโกสินทร์ ศรีไพบูลย์ ผู้อำนวยการอาวุโส บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทย ปรับตัวผันผวน โดยช่วงเช้าปรับตัวลดลงจากความกังวลราคาน้ำมันดิบที่ลดลงจึงมีแรงขายหุ้นกลุ่มพลังงานออกมา บวกกับการเมืองยังไม่มีความชัดเจน แต่ดัชนีได้ปรับตัวขึ้นช่วงบ่าย หลัง ครม. มีมติให้ทำประชาพิจารณ์ รับฟังความคิดเห็นประชาชนเพื่อแก้ปัญหาทางการเมือง

"การทำประชาพิจารณ์จะต้องใช้เวลาประมาณ 1 เดือน เพราะต้องรอประกาศในการทำประชาพิจารณ์ที่จะเริ่มทำได้ในเดือนตุลาคมนี้ แต่นักลงทุนต้องมีการติดตามสถานการณ์การเมืองใกล้ชิด เพราะการเมืองมีการเปลี่ยนแปลงทุกวัน ซึ่งนักลงทุนต้องอาศัยจังหวะในการเก็งกำไรเป็นรายวัน" นายโกสินทร์ กล่าว

นายโกสินทร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า นักลงทุนต่างชาติมีแนวโน้มขายหุ้นออกมาอย่างต่อเนื่อง และจะยังไม่กลับเข้ามาลงทุน แต่จะมีมูลค่าการขายที่ลดลง โดยนักลงทุนต่างชาติรอดูว่ารัฐบาลจะมีการยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน

สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ หากการเมืองยังไม่มีเหตุการณ์เปลี่ยนแปลง ดัชนีตลาดหุ้นจะผันผวนตามทิศทางราคาน้ำมันดิบ ตลาดหุ้นต่างประเทศ และจากในช่วงที่ผ่านมานักลงทุนในประเทศมีการซื้อสุทธิต่อเนื่อง ซึ่งหากดัชนีมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นก็จะทำให้มีแรงขายทำกำไรออกมาหากดัชนีใกล้ระดับแนวต้าน โดยประเมินแนวรับที่ระดับ 645-647 จุด แนวต้านที่ระดับ 658-660 จุด

นางสาวปองรัตน์ รัตนะตวณานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. บัวหลวง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้คงจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบๆ เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่ชะลอการลงทุน โดยคาดว่าดัชนีจะเคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 640.650 จุด โดยหุ้นพลังงานยังเป็นกลุ่มที่น่าสนใจเข้าลงทุน

นายรณกฤต สารินวงศ์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. แอ๊ดคินซัน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า วานนี้ตลาดหุ้นยังคงปรับตัวผันผวน โดยแรงซื้อที่มีเข้ามาส่วนใหญ่จะเป็นแรงซื้อเพื่อเก็งกำไร หลังจากราคาหุ้นได้ปรับตัวลดต่ำมากกว่าปัจจัยพื้นฐานแล้ว ขณะที่แนวโน้มวันนี้ ดัชนีตลาดหุ้นไทยยังคงแกว่งตัวในกรอบแคบๆ แนวรับที่ 645 จุด และแนวต้านที่ 665 จุด ส่วนหุ้นที่น่าลงจะเป็นหุ้นในกลุ่มธนาคาร และกลุ่มทั่วไป ซึ่งนักลงทุนต้องจับตามสถานการณ์ทางการเมืองอย่างใกล้ชิด   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us