เมเจอร์ฯผนึกเทสโก้โลตัส ผุดโรงหนังในไฮเปอร์มาร์เก็ต เกาะติดเทสโก้ทุกสาขาที่มีศักยภาพ หลังทดลอง 5 สาขาแล้วไปได้สวย เผยปีนี้เทงบ 180 ล้านบาทเปิดอย่างต่ำ 20 โรง ขณะที่ปีหน้าทุ่ม 1,000 ล้านบาท เนรมิตเอสพละนาดแห่งที่สองที่เทสโก้รัตนาธิเบศร์
นายวิชา พูลวรลักษณ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯมีแผนที่จะเดินหน้าขยายโรงภาพยนตร์เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ไปพร้อมๆกับทางเทสโก้ โลตัส ที่จะมีการขยายสาขาต่อไปในอนาคต จากเดิมที่จะเป็นลักษณะความร่วมมือแบบโปรเจ็กต์ บาย โปรเจ็กต์ หลังจากนี้เมเจอร์ฯจะเข้าไปเปิดในเทสโก้ โลตัส ในทุกสาขา ที่มีลักษณะเป็นชอปปิ้งมอลล์ ที่มีศักยภาพ
“จากความร่วมมือในการขยายสาขาโรงภาพยนตร์ร่วมกับเทสโก้ โลตัส ซึ่งเน้นพื้นที่ต่างจังหวัดเป็นหลัก ตลอด 6 ปีที่ผ่านมากับจำนวนสาขาที่เปิดไปแล้วกว่า 5 สาขา คือ บางกะปิ, สมุย, พิษณุโลก, กระบี่, เพชรบูรณ์ พบว่าลูกค้าให้การตอบรับดีมาก”
แผนการดำเนินงานล่าสุดบริษัทฯได้ร่วมขยายโรงภาพยนตร์เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กับทางเทสโก้โลตัส ที่สาขาศาลายา จังหวัดนครปฐม ถือเป็นสาขาที่ 6 ที่เปิดในเทสโก้ โลตัส โดยจะมีจำนวนโรงภาพยนตร์ 5 โรง ใช้งบลงทุนเฉลี่ย 9 ล้านบาทต่อโรง นอกจากนี้ในช่วง 4 เดือนที่เหลือหลังจากนี้ บริษัทฯยังมีแผนที่จะขยายสาขาในเทสโก้ โลตัสอีก 4 สาขา ทั้งในเทสโก้ โลตัสที่เปิดให้บริการแล้ว และกำลังจะเปิดใหม่ ได้แก่ นวนคร, บ้านโป่ง, ศรีนครินทร์ และนครปฐม เฉลี่ยจะเปิดให้บริการโรงภาพยนตร์ 5โรงต่อ 1 สาขา หรือจะเพิ่มอีก 20โรงในสิ้นปีนี้ รวมแล้ว 4 สาขานี้ใช้งบลงทุนอีกราว 180 ล้านบาท
นอกจากนั้นในปีหน้า ทางบริษัทฯมีแผนร่วมกับทางเทสโก้ โลตัส ที่จะพัฒนาพื้นที่ลานจอดรถบางส่วนร่วมกับพื้นที่ที่เหลือบางส่วน ในสาขารัตนาธิเบศร์ สำหรับก่อสร้างโรงภาพยนตร์เอสพละนาด ซีนีเพล็กซ์ ในลักษณะสแตนด์อโลน ภายใต้คอนเซ็ปต์ เอ็นเตอร์เทนเม้นต์ คอมเพล็กซ์ ติดกับเทสโก้ โลตัส ซึ่งการพัฒนาพื้นที่ดังกล่าว คาดว่าจะใช้งบประมาณในการลงทุนอีกกว่า 1,000 ล้านบาท พื้นที่ภายในเอสพละนาดอยู่ที่ 5-6 หมื่นตารางเมตร คาดว่าในช่วงปลายปีหน้าจะเปิดให้บริการได้ ซึ่งการลงทุนครั้งนี้ทางบริษัทฯต้องการที่จะทำให้แบรนด์ เอสพละนาด ซีนีเพล็กซ์ มีความแข็งแกร่งขึ้น โดยมองว่าพื้นที่ดังกล่าวมีศักยภาพ ส่วนทางเทสโก้ โลตัสก็จะได้ประโยชน์จากการที่มีทราฟฟิกที่เพิ่มขึ้นด้วย
นอกจากนี้ยังมีการเปิดเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ที่สาขาพระราม 4 อีกด้วย คาดว่าจะมีจำนวนโรงภาพยนตร์ที่ 5 สาขา หรือภายในปีหน้า บริษัทฯจะเพิ่มจำนวนโรงภาพยนตร์ ภายใต้แบรนด์เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ร่วมกับทางเทสโก้ โลตัสอีกประมาณ 30โรง และใช้งบลงทุนอีกกว่า 300 ล้านบาท
นายวิชา กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตามปัญหาเรื่องของ พรบ.ค้าปลีก หรือการที่มีกลุ่มต่อต้านไฮเปอร์มาร์เก็ตที่เปิดให้บริการในต่างจังหวัด ในแง่การลงทุนมองว่า เป็นเรื่องที่ดี เพราะจะทำให้เกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันผู้บริโภคก็จะได้ประโยชน์มากที่สุด ถึงแม้ว่าจะมีกลุ่มที่เดือดร้อนบ้าง โดยเฉพาะในส่วนของยี่ปั๊วซาปั๊ว
อีกทั้งการขยายธุรกิจโรงภาพยนตร์ในพื้นที่ต่างจังหวัด มองว่าเป็นการทำให้อุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยเติบโต เนื่องจากกำลังซื้อหรือคนดูหนังในต่างจังหวัดถือว่าเป็นตลาดที่สำคัญไม่แพ้ในกรุงเทพฯ โดยเฉพาะกับภาพยนตร์ไทย จะได้รับความสนใจอย่างมาก ซึ่งเมื่อต่างจังหวัดมีโรงภาพยนตร์เพิ่ม ก็จะทำให้คนดูหนังเพิ่มขึ้นด้วย คนทำหนังไทยก็จะมีกำลังใจลงทุนสร้างภาพยนตร์ไทยต่อไป
นอกจากนี้ยังพบอีกว่าพฤติกรรมของคนดูหนังในต่างจังหวัดจะมาดูกันเป็นครอบครัว มีการซื้ออาหารและเครื่องดื่มเพื่อเข้าไปดูภาพยนตร์เฉลี่ยอยู่ที่ 25-30% ของจำนวนคนดูทั้งหมด ซึ่งสูงกว่าลูกค้าในกรุงเทพฯที่จะมีพฤติกรรมการซื้ออาหารและเครื่องดื่มที่ประมาณ 20% เท่านั้น ส่วนยอดรายได้จากการจำหน่ายตั๋วหนัง ปัจจุบันเป็นกรุงเทพฯ 80% ต่างจังหวัด 20% ทางบริษัทฯมองว่าในอนาคตสัดส่วนต่างจังหวัดจะเพิ่มเป็น 40%
ปัจจุบัน เมเจอร์ ฯมีโรงภาพยนตร์ทั้งหมด 4 แบรนด์ คือ 1.เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ 31 สาขา เป็นกรุงเทพฯ 17 สาขา ต่างจังหวัด 14 สาขา 2.อีจีวี 10 สาขา เป็นกรุงเทพฯ 7 สาขา ต่างจังหวัด 3 สาขา 3.พารากอน ซีนีเพล็กซ์ 1 สาขา และ4. เอสพลานาด ซีนีเพล็กซ์ 1 สาขา รวมทั้งสิ้น 43 สาขา 330โรงภาพยนตร์ ส่วนรายได้ในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมาเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อน ต่ำกว่าเล็กน้อย แต่ทั้งปีมองว่าจะสามารถแข่งขันกับปีก่อนได้
|