UFM ชำระหนี้ บสท. 50,812,409.85 บาท ตามศาลพิพากษา พร้อมยื่นขออุทธรณ์ ให้ บสท.ปลดภาระค้ำประกันและ/หรือเวนคืนสัญญาค้ำประกัน ที่มีกับ กรุงเทพผลิตเหล็ก เพื่อให้คดีเสร็จเด็ดขาด
นายสุวิช สุวรุจิพร กรรมการ บริษัท ยูไนเต็ดฟลาวมิลล์ จำกัด (มหาชน) (UFM ) แจ้งว่าตามหนังสือที่อ้างถึงบริษัท ได้รายงานว่าบริษัทได้รับหมายเรียกคดีล้มละลาย โดยบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย (บสท.) ได้ยื่นฟ้องบริษัทต่อศาลล้มละลายกลางเป็นคดีหมายเลขดำที่ ล.3530/2551 ลงวันที่ 25 มีนาคม 2551 ในมูลหนี้ตามคำพิพากษาของศาลแพ่งคดีหมายเลขแดงที่ ธ.4923/2546 โดยมูลหนี้ดังกล่าวเป็นมูลหนี้ที่บริษัทต้องร่วมรับผิดในฐานะผู้ค้ำประกันในภาระหนี้ของบริษัท กรุงเทพผลิตเหล็ก จำกัด (มหาชน) (BSI) ความดังแจ้งแล้วนั้น
บริษัทชี้แจงว่า เพื่อให้การดำเนินคดีดังกล่าวเสร็จสิ้น บริษัทได้เสนอขอชำระให้แก่ บสท. 50,812,409.85 บาท เป็นการชำระหนี้ในฐานะผู้ค้ำกันหนี้ของ BSI ภายใน 15 วันหลังจากได้รับคำยืนยันจาก บสท.ว่า จะถอนฟ้องคดีในศาลล้มละลายกลางทันทีที่ได้รับเงินจำนวนดังกล่าว และ บสท. ได้มีหนังสือแจ้งบริษัทในวันที่ 30 พฤษภาคม 2551 ว่าคณะกรรมการบริหาร บสท.มีมติ เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม2551 อนุมัติรับข้อเสนอของบริษัท โดยมีเงื่อนไขดังนี้
1. ให้ชำระหนี้เต็มจำนวนตามคำพิพากษาตามคดีหมายเลข ธ.4923/2546 โดยคำนวณภาระหนี้ถึงวันที่บริษัทชำระหนี้เสร็จสิ้น และชำระให้แล้วเสร็จภายใน 15 วัน นับจากวันที่ บสท. มีมติอนุมัติ
2. เมื่อ บสท. ได้รับชำระหนี้ครบถ้วนตามเงื่อนไขในข้อ 1 แล้ว บสท.จะยื่นคำร้องขอถอนคำฟ้องล้มละลายในคดีหมายเลขที่ ล.3530/2551 ทันที
แต่ในหนังสือของ บสท.ได้กล่าวถึงการค้ำประกันนอกเหนือจากภาระค้ำประกันตามคำพิพากษาที่อ้างถึง ซึ่งบสท.ขอให้บริษัทติดต่อและเสนอแผนปรับโครงสร้างหนี้ตามขั้นตอนของ บสท. ต่อไป
บริษัทได้นำเงินเข้าบัญชี บสท.ในวันที่ 5 มิถุนายน 2551 เป็นเงิน 50,812,409.85 บาท เพื่อเป็นการชำระหนี้เต็มตามคำพิพากษาดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว และต่อมาเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2551ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งอนุญาตให้ถอนคำฟ้องคดีล้มละลาย คดีหมายเลขดำที่ ล.3530/2551 และเนื่องจากปัจจุบันตามสำนวนคดีหมายเลขแดงที่ ธ.4923/2546 ยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ บริษัทได้ขอความร่วมมือ บสท. ไม่คัดค้านการที่บริษัทและผู้ค้ำประกันรายอื่น ๆ ยื่นคำร้องขอถอนอุทธรณ์ในคดีดังกล่าว และขอให้ บสท.ดำเนินการปลดภาระค้ำประกันและ/หรือเวนคืนสัญญาค้ำประกันดังกล่าวให้บริษัทด้วย ทั้งนี้ เพื่อให้คดีดังกล่าวเป็นอันเสร็จเด็ดขาด
ส่วนภาระค้ำประกันอื่นใด นอกเหนือจากการค้ำประกันตามคำพิพากษาคดีหนายเลขแดงที่ ธ.4923/2546 ตามที่ บสท. กล่าวอ้างนั้น บริษัทได้มีหนังสือตอบไปยัง บสท. แล้วว่าบริษัทไม่มีภาระการค้ำประกันหนี้ที่ BSI มีต่อธนาคารกรุงเทพ อีกแล้วโดยได้ทำการตรวจสอบข้อมูลทางบัญชีก็ดีทางสารสนเทศ หรือข้อมูลทางคดี ตลอดจนได้มีการสอบถามทาง BSI (ในฐานะลูกหนี้ชั้นต้น) ว่า ในระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมาก็ไม่ปรากฏว่า BSI ได้มีการขอสินเชื่อใด ๆ กับธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) แต่อย่างใด โดยข้อเท็จจริงดังกล่าว บริษัทก็แจ้งให้ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) และ บสท. ทราบแล้ว
ดังนั้น ภาระหนี้ค้ำประกันของ บริษัทนอกเหนือคำพิพากษาคดีหมายเลขแดงที่ ธ.4923/2546 แล้ว บริษัทยืนยันว่าบริษัทไม่มีภาระค้ำประกันหนี้ต่อ BSI แต่ประการใด อีกทั้งในช่วงเวลาที่ผ่านมาตลอดเวลาธนาคาร กรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ได้ทำหนังสือยืนยันภาระหนี้แจ้งต่อผู้สอบบัญชีและบริษัทเกี่ยวกับภาระหนี้ค้ำประกันนั้นไม่ปรากฏว่าบริษัทมีภาระค้ำประกันหนี้ต่อบริษัทอื่นใดเลย
เนื่องจากปัจจุบัน BSI อยู่ระหว่างการฟื้นฟูกิจการ ตามคดีหมายเลขดำที่ 90/2544 ของศาลล้มละลายกลาง ในการที่บริษัทได้ชำระหนี้ในฐานะผู้ค้ำประกันหนี้ให้แก่ บสท. แทน BSI ไปแล้ว เป็นเงิน 50,812,409.85 บาท บริษัทจึงต้องยื่นคำร้องขอสวมสิทธิ์ ต่อศาลล้มละลายกลางแทนเจ้าหนี้ราย บสท.ในการที่จะใช้สิทธิ์ไล่เบี้ยเอาจาก BSI เพื่อเงินต้น ดอกเบี้ย และการที่ต้องสูญหายและเสียหายใด ๆ เพราะการค้ำประกันดังกล่าว โดยบริษัทได้แจ้งให้ที่ประชุมคณะกรรมการ ครั้งที่ 3/2551 รับทราบแล้วเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2551
|