|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
 |
บริษัทจดทะเบียนแห่ซื้อหุ้นคืนเพื่อบริหารการเงิน หลังราคาหุ้นรูดต่ำกว่าราคาที่เหมาะสม-ต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี ระบุตั้งแต่ตั้งปีพบบจ. 9 แห่งอนุมัติทุ่มเงินซื้อหุ้นคืนเกือบ 4 พันล้านบาท ล่าสุดบอร์ด บล.ซีมิโก้ ไฟเขียวซื้อหุ้นคืน 83 ล้านบาท ด้วยงบไม่เกิน 200 ล้านบาท ขณะที่ "ระยองเพียวริฟายเออร์" ซื้อคืนครบแล้วเกือบ 47 ล้านหุ้น มูลค่ารวมเกือบ 220 ล้านบาท ด้านผู้บริหาร "BEC" ห่วงบจ.ใช้เป็นข้ออ้างปั่นราคาหุ้น โดยไม่มีเจตนาซื้อหุ้นคืนจริง
หลังจากที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยได้ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง กดดันให้ราคาหลักทรัพย์ของบริษัทจดทะเบียนปรับตัวลงในทิศทางเดียวกัน จนสร้างความกังวลให้กับผู้บริหารบริษัทจดทะเบียน หลังจากราคาหุ้นบนการดานหลักทรัพย์รูดต่ำกว่าราคาที่เหมาะสมและต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชีเป็นอย่างมาก ดังนั้นเพื่อเป็นการพยุงราคาหุ้นให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ผู้บริหารจึงได้อนุมัติจัดทำโครงการซื้อหุ้นคืนเพื่อบริหารการเงินขึ้น
จากการรวบรวมข้อมูลบริษัทที่แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ในการทำโครงการซื้อหุ้นคืนเพื่อบริหารทางการเงิน ตั้งแต่ต้นปี 2551 มีจำนวนทั้งสิ้น 9 บริษัท มูลค่าเงินรวมในการซื้อหุ้นคืน 3,870.75 ล้านบาท (ไม่รวมบมจ.ดราโก้ พีซีบี) ขณะที่บมจ. ระยองเพียวริฟายเออร์ หรือ RPC ได้ซื้อหุ้นครบโครงการแล้ว และมี 5 บริษัทที่ยังไม่เริ่มซื้อหุ้นคืน
นางดวงรัตน์ วัฒนพงศ์ชาติ เลขานุการบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ซีมิโก้ จำกัด (มหาชน) หรือ ZMICO เปิดเผยว่า ประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 5/2551 ได้อนุมัติให้บริษัททำโครงการซื้อหุ้นคืนเพื่อบริหารการเงิน ในวงเงินซื้อหุ้นคืนสูงสุดจำนวน 200 ล้านบาท โดยจะซื้อหุ้นคืนจำนวน 83.37 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 10% ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท ซึ่งบริษัทจะเริ่มซื้อหุ้นคืนตั้งแต่วันที่ 15 กันยายน 2551 ถึงวันที่ 14 มีนาคม 2552
สำหรับการซื้อหุ้นคืนของบริษัทจะซื้อคืนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่จะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 6 เดือน หากเสนอซื้อจากผู้ถือหุ้นเป็นการทั่วไป ต้องไม่น้อยกว่า 10 วัน และไม่เกิน 20 วัน ราคาหุ้นเฉลี่ยย้อนหลัง 30 วันก่อนวันที่บริษัทจะทำการเปิดเผยข้อมูลเท่ากับ 2.17 บาทต่อหุ้น โดยก่อนหน้านี้บริษัทมีการซื้อหุ้นคืนสิ้นสุดโครงการซื้อหุ้นคืนครั้งหลังสุด 14 กันยายน 2549
ส่วนสาเหตุที่บริษัทจัดโครงการซื้อหุ้นคืนฯ ครั้งนี้ เนื่องจากบริษัทมีสภาพคล่องทางการเงินส่วนเกิน จากข้อมูลงบการเงิน ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2551 บริษัทมีกำไรสะสม 786.53 ล้านบาท หนี้สินที่ถึงกำหนดชำระภายใน 6 เดือน นับแต่วันที่จะซื้อหุ้นคืน เท่ากับ 0 บาท และมีจำนวนผู้ถือหุ้นสามัญรายย่อย (Free float) ณ วันปิดสมุดทะเบียนล่าสุด เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2551 เท่ากับ 599.15 ล้านหุ้น เท่ากับ 71.86 %ของทุนชำระแล้วของบริษัท
นางดวงรัตน์ กล่าวว่า ผลกระทบภายหลังซื้อหุ้นคืนครั้งนี้ แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ผลกระทบต่อผู้ถือหุ้น จะทำให้จำนวนหุ้นหมุนเวียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ลดลง ทำให้ได้รับเงินปันผลในอัตราที่สูงขึ้น เพราะหุ้นที่ซื้อคืนจะไม่ได้รับสิทธิในการรับเงินปันผล และทำให้ราคาหุ้นมีเสถียรภาพมากขึ้น และผลกระทบต่อบริษัท จะทำให้ปริมาณเงินสดในมือและส่วนของผู้ถือหุ้นลดลง ขณะที่กำไร/ขาดทุนจากการซื้อขายหุ้นที่ซื้อคืนจะมีผลกระทบต่อส่วนของผู้ถือหุ้น
ขณะที่ขั้นตอนการจำหน่ายและตัดหุ้นที่ซื้อคืนนั้น คณะกรรมการต้องพิจารณาดำเนินการภายหลัง 6 เดือน แต่ต้องไม่เกิน 3 ปี นับแต่การซื้อหุ้นคืนเสร็จสิ้น โดยหลักเกณฑ์ในการกำหนดราคาที่จะจำหน่ายหุ้นที่ซื้อคืนต้องไม่ต่ำกว่า 85% ของราคาปิดเฉลี่ย 5 วันทำการซื้อขายก่อนหน้า
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทยังได้อนุมัติจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.05 บาท โดยกำหนดปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นเพื่อสิทธิในการรับเงินปันผลระหว่างกาลในวันที่ 11 กันยายน 2551 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 23 กันยายน 2551
ด้านนายฉัตรชัย เทียมทอง ผู้อำนวยการฝ่ายการเงิน บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) หรือ BEC กล่าวว่า จากการที่ราคาหุ้น BEC ปรับตัวลดลงนั้น23.48% จากต้นปี ซึ่งเป็นไปตามทิศทางเดียวกับดัชนีตลาดหุ้นไทย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะมีการซื้อหุ้นคืนหรือไม่ จากที่บริษัทมีกำไรสะสมอยู่จำนวน 2,000 ล้านบาท โดยหากราคาหุ้นของบริษัทไม่ตกลงไปจำนวนมากและสวนกับทิศทางตลาดหุ้นไทย บริษัทก็ยังไม่จำเป็นที่จะต้องมีการซื้อหุ้นคืน แต่หากราคาหุ้นสวนทางกับตลาดมากก็จะมีการเข้าไปซื้อ
"จากมีผู้ที่มีการแจ้งว่าจะซื้อหุ้นคืนนั้นมีการซื้อหุ้นคืนจริงหรือไม่ และที่แจ้งมามีการซื้อหุ้นคืนกี่ราย หรือแจ้งมาว่าจะทำเพื่อที่จะทำให้ราคาหุ้นของบริษัทต้องเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจเป็นการปั่นหุ้นได้ ซึ่งจะต้องระมัดระวังในเรื่องนี้ " นายฉัตรชัย กล่าว
สำหรับรายละเอียดของบริษัทจดทะเบียนที่จัดโครงการซื้อหุ้นคืนเพื่อบริหารการเงิน ประกอบด้วย บมจ. ระยองเพียวริฟายเออร์ (RPC) อนุมัติเมื่อวันที่ 16 ม.ค. 51 วงเงินไม่เกิน 220 ล้านบาท จำนวนซื้อคืน 52.98 ล้านหุ้น ราคาพาร์หุ้นละ 1 บาท หรือคิดเป็น 10% ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด บริษัทเริ่มซื้อหุ้นคืนเมื่อวันที่ 13 ก.พ. 51 ครบกำหนดซื้อหุ้นคืน 31 ก.ค. 51 ที่ผ่านมา สามารถซื้อหุ้นคืนได้จำนวน 46.70 ล้านหุ้น คิดเป็น 8.81% ของทุนชำระแล้ว มูลค่ารวม 219.99 ล้านบาท
บมจ.โรงพิมพ์ตะวันออก (EPCO) กำหนดวงเงินไม่เกิน 87 ล้านบาท จำนวนหุ้นซื้อคืนไม่เกิน 41.23 ล้านหุ้น ราคาพาร์หุ้นละ 1 บาท คิดเป็นสัดส่วนไม่เกิน 8% ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด สิ้นสุดโครงการซื้อหุ้นคืนวันที่ 21 พ.ย. 51 โดยสามารถซื้อหุ้นคืนแล้ว 25.36 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 4.92% มูลค่ารวม 48.09 ล้านบาท (ณ 27 ส.ค. 51)
บมจ.ที.เค.เอส. เทคโนโลยี (TKS) กำหนดวงเงิน 60.77 ล้านบาท ซื้อหุ้นคืนไม่เกิน 173 .65 ล้านหุ้น ราคาพาร์หุ้นละ 0.10 บาท คิดเป็น 7% ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด สินสุดโครงการ 8 ม.ค. 52 ล่าสุด ( 24 ก.ค.51) ซื้อหุ้นคืนแล้ว 159 .41 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 6.43 % มูลค่ารวม 56.70 ล้านบาท
ส่วนบริษัทจดทะเบียนที่เหลือยังไม่เริ่มซื้อหุ้นคืนแต่อย่างใด ได้แก่ บมจ. ซีเฟรชอินดัสตรี (CFRESH) กำหนดวงเงินไม่เกิน 86 ล้านบาท ซื้อหุ้นคืนไม่เกิน 42.89 ล้านหุ้น ราคาพาร์หุ้นละ 1 บาท คิดเป็นสัดส่วน 10% ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด สิ้นสุดโครงการ 8 ม.ค. 52 บมจ. อีซึ่น เพ้นท์ (EASON) หรือ EASON กำหนดวงเงินไม่เกิน 44.98 ล้านบาท ซื้อหุ้นคืน 20.34 ล้านหุ้น ราคาพาร์หุ้นละ 1 บาท คิดเป็นไม่เกิน10% สิ้นสุดโครงการ 28 ก.พ. 52
บมจ. เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF) กำหนดวงเงินซื้อหุ้นคืนไม่เกิน 3,000 ล้านบาท ซื้อหุ้นคืนจำนวน 751.99 ล้านหุ้น ราคาพาร์หุ้นละ 1.00 บาท คิดเป็นสัดส่วน 10% ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด สิ้นสุดโครงการ 27 ก.พ. 52 บมจ. อีเอ็มซี (EMC) กำหนดวงเงินซื้อหุ้นคืนไม่เกิน 192 ล้านบาท ซื้อหุ้นคืน 551.46 ล้านหุ้น ราคาพาร์ 0.10 บาท คิดเป็นสัดส่วน 10% ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด สิ้นสุดโครงการ 7 มี.ค. 52 และบมจ.ดราโก้ พีซีบี (DRACO) กำหนดซื้อหุ้นคืนไม่เกิน 10% ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด แต่ยังไม่เปิดเผยรายละเอียด
|
|
 |
|
|