|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
 |
ดัชนีตลาดหุ้นผันผวนรับสถานการณ์ทางการเมืองที่ไม่สงบ แต่ได้ตลาดหุ้นต่างประเทศช่วย โดยปิดที่ 675.99 จุด เพิ่มขึ้น 7.07 จุด หรือ 1.06% มูลค่าการซื้อขายรวม 9.2 พันล้านบาท ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายต่ออีกเกือบ 900 ล้านบาท โบรกเกอร์ ออกโรงเตือนนักลงทุนชะลอเทรดหุ้น ให้จับตาการเมืองอย่างใกล้ชิด หวั่นคลื่นใต้น้ำประทุรอบใหม่ แรงกว่าเดิม หลังออกหมายจับแกนนำพันธมิตร พร้อมแนะเลือกลงทุนหุ้นแบงก์ที่ได้รับผลดีจากดอกเบี้ยขาขึ้น หลังแบงก์ชาติขยับดอกเบี้ยอีก 0.25%
บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทย วานนี้ (27 ส.ค.) ดัชนีตลาดหุ้นค่อนข้างผันผวนทั้งในแดนบวกและแดนลบ โดยมีปัจจัยหลักที่เข้ามากระทบ คือ การชุมนุมประท้วงของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมตรี ลาออก รวมถึงการพิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (อาร์/พี) ของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
ทั้งนี้ ในช่วงเช้าได้ปรับตัวลดลงไปแตะระดับต่ำสุดที่ 667.53 จุด หลังจากนั้นได้ขยับขึ้นมาเคลื่อนไหวอยู่ในแดนบวกและสูงสุดที่ระดับ 676.79 จุด ก่อนจะปิดการซื้อขายที่ 675.99 จุด เพิ่มขึ้นจากวันก่อน 7.07 จุด หรือคิดเป็น 1.06% มูลค่าการซื้อขายรวม 9,212.08 ล้านบาท
โดยนักลงทุนต่างประเทศยังคงเทขายหุ้นไทยออกมาอย่างต่อเนื่อง คือมียอดขายสุทธิรวม 889.50 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 986.86 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ 97.35 ล้านบาท
สำหรับหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ บมจ.ปตท. (PTT) ปิดที่ 258 บาท ไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อน มูลค่าการซื้อขายรวม 1,213.27 ล้านบาท บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) ปิด 147 บาท เพิ่มขึ้น 2.80% มูลค่า 858.75 ล้านบาท ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ปิด 78 บาท เพิ่มขึ้น 2.63% มูลค่า 542.95 ล้านบาท ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) ปิด 71 บาท เพิ่มขึ้น 2.90% มูลค่า 447.93 ล้านบาท และธนาคารกรุงเทพ (BBL) ปิดที่ 115 บาท เพิ่มขึ้น 0.88% มูลค่า 399.60 ล้านบาท
นางสาวปองรัตน์ รัตนะตวณานนท์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) บัวหลวง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นสอดคล้องกับตลาดหุ้นเอเชีย บวกกับนักลงทุนคลายความกังวลในสถานการณ์ทางการเมือง รวมถึงการประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ของกนง. ส่งผลให้หุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ทั้ง SCB, KBANK และ BBL ปรับเพิ่มขึ้น
สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ คาดว่าดัชนีตลาดหุ้นน่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นได้เล็กน้อย โดยให้แนวรับไว้ที่รัดบ 667 จุด แนวต้น 680 จุด โดยมีหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์เป็นตัวนำในระยะสั้น หลังจากได้รับอานิสงส์จากการปรับขึ้นดอกเบี้ย แต่ทั้งนี้จะต้องจับตามสถานการณ์ทางการเมืองอย่างใกล้ชิด
นายรณกฤต สารินวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. แอ๊ดคินซัน กล่าวว่า แนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ยังไม่มีความแน่นอน นักลงทุนควรชะลอการลงทุนออกไปก่อน โดยให้แนวรับไว้ที่ 675 จุด แนวต้านที่ 685 จุด และหลักทรัพย์ที่น่าสนใจในช่วงนี้ได้แก่ หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์
นางสาวจิตตรา อมรธรรม ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. ไซรัส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังจากนักลงทุนมองว่าสถานการณ์เริ่มคลี่คลายและผ่านจุดวิกฤตไปแล้ว จึงได้กลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นอีกครั้ง ขณะที่แนวโน้มวันนี้ ดัชนีตลาดหุ้นน่าจะยังแกว่งตัวตามสถานการณ์ทางการเมือง โดยมีแนวรับที่ 650 จุด แนวต้าน 670 จุด แต่นักลงทุนควรชะลอการลงทุนออกไปก่อน
ด้านนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังจากเหตุการณ์ชุมนุมประท้วงขับไล่รัฐบาลของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยไม่ได้เกิดเหตุการณ์ที่รุนแรง ทำให้นักลงทุนมั่นใจสถานการณ์ทางการเมืองเริ่มคลี่คลายลงบ้าง แม้ช่วงท้ายตลาดจะมีข่าวศาลอาญาอนุมัติออกหมายจับแกนนำพันธมิตรฯ และผู้เกี่ยวข้องรวม 9 คน ซึ่งนักลงทุนได้มองว่าเป็นกระบวนการที่ต้องดำเนินการตามกฎหมายอยู่แล้ว
สำหรับประเด็นเรื่องประชุม กนง. ที่ประกาศการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ทำให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายขยับขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 3.75% นั้น เป็นไปตามคาดการณ์อยู่แล้ว และคาดว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายของปีนี้ หมายความว่าการประชุมกนง.ในครั้งต่อๆ ไปของปีนี้ จะไม่มีการพิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ยแต่อย่างใด
"ปัจจัยพื้นฐานของตลาดหุ้นไทยอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ราคาหุ้นปรับตัวลดต่ำมากแล้ว โดยพี/อี ตลาดอยู่แค่ 9-10 เท่า ทำให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยพร้อมจะปรับตัวเพิ่มขึ้น หากเหตุการณ์ทางการเมืองไม่บานปลาย หรือมีปัจจัยบวกเข้ามากระตุ้น"
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนเองอย่าเพิ่งไว้วางใจในสถานการณ์ทางการเมือง ดังนั้นจะต้องติดตามเหตุการณ์ต่างๆ อย่างใกล้ชิด แม้ว่าจะมีการอนุมัติหมายจับแกนนำพันธมิตรฯ และผู้เกี่ยวข้องทั้ง 9 คนแล้ว การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ คาดว่าจะยังคงยืดเยื้อต่อไป และอาจจะลุกลามออกไปได้อีก ซึ่งจะมีผลกระทบต่อบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยอย่างแน่นอน
|
|
 |
|
|