|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
เอสซีฯ ยกเครื่องบริหารจัดการ เดินหน้าใช้ระบบออนไลน์ลดต้นทุนสู้คู่แข่ง นำร่องแตกไลน์ธุรกิจคอมมูนิตี้มอลล์-ไทม์แชริ่งเสริมรายได้จัดสรร
ในช่วงที่กระแสทางการเมืองกำลังร้อนแรง เอสซี แอสเสทฯ ธุรกิจขนาดใหญ่หนึ่งเดียวที่ยังอยู่ในกำมือของตระกูลชินวัตรถูกจับตามองอีกครั้ง และถือเป็นบทสำคัญของ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” น้องสาวของอดีตนายกรัฐมนตรีในบทบาทประธานกรรมการบริหารที่จะต้องพิสูจน์ตัวเอง ภายใต้แรงกดดันรอบด้านของตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่วันนี้เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับผู้มาใหม่อย่างยิ่งลักษณ์ที่มีประสบการณ์ในวงการนี้มาเพียง 2 ปี
สิ่งหนึ่งที่ยิ่งลักษณ์ให้ความสำคัญ คือ การคิดจากพื้นฐานความต้องการของลูกค้า บวกกับการได้ทีมงานมือดีที่มาคอยช่วยตีโจทย์ในการพัฒนาโครงการให้ประสบความสำเร็จ หนึ่งในมือดีที่ว่า คือ กรี เดชชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานพัฒนาแนวราบ อดีตศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่เช่นเดียวกับยิ่งลักษณ์ ที่เคยทำงานด้านพัฒนาโครงการที่ควอลิตี้ เฮ้าส์มาก่อน จึงมีประสบการณ์อย่างโชกโชนในตลาดบ้านจัดสรร ซึ่งกรีได้มีบทบาทเข้ามาปรับเปลี่ยนการพัฒนาโครงการของเอสซีฯ แบบยกเครื่องในปีแรก เริ่มจากการจัดทัพ ปรับสินค้าและทีมงาน จนทำให้รายได้จากการขายโครงการแนวราบในปีแรกที่กรีเข้ามาดูแลกระโดดขึ้นเป็น 1,900-2,000 ล้านบาท จากเดิมที่มีรายได้เพียง 900 ล้านบาท โดยในครึ่งปีแรกมีรายได้รวม 1,911 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 17% ยอดขายรวม 2,193 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 92%
ผลงานที่ได้พิสูจน์ว่าเอสซีฯ เดินมาถูกทาง และในปีที่ 2 หรือปีหน้า กรีวางเป้าว่าจะเป็นปีแห่งการลดต้นทุนในการบริหารจัดการ จากในปีแรกที่ปรับแบบบ้านครั้งใหญ่ สามารถลดต้นทุนได้ถึง 20% ทำให้ต้นทุนค่าก่อสร้างต่อ ตร.ม. ต่ำกว่าคู่แข่ง โดยจะนำระบบคอมพิวเตอร์ออนไลน์มาใช้ทั่วองค์กร ซึ่งจะครอบคลุมตั้งแต่ขั้นตอนแรกของการหาซื้อที่ดินจนกระทั่งโอนบ้านให้ลูกค้า ซึ่งในแต่ละส่วนสามารถจะมีการรายงานผลแบบเรียลไทม์ ทำให้สามารถติดตามผลได้ใกล้ชิด เช่น ระบบสั่งซื้อของแบบ Just-in-Time ซื้อเมื่อต้องการใช้ ซึ่งจะช่วยลดการเก็บสต็อกได้เป็นอย่างดี และจะขยายนำระบบนี้ไปใช้ร่วมกับซัปพลายเออร์ด้วย ทั้งนี้การปรับจากภายในของเอสซีฯ ถือเป็นความพยายามที่จะสร้างความได้เปรียบต่อคู่แข่ง ซึ่งทุกวันนี้ในการพัฒนาโครงการของดีเวลลอปเปอร์แต่ละราย ต้นทุนที่ดินที่ได้มาแทบจะไม่แตกต่างกัน แต่สิ่งที่แตกต่างซึ่งสะท้อนออกมาเป็นราคาขาย และกำไร ขึ้นอยู่ที่ความสามารถในการบริหารจัดการต้นทุน
กรีกล่าวว่า การเติบโตของเอสซีฯ ในอนาคตจะไม่จำกัดวงอยู่แค่ที่อยู่อาศัยเท่านั้น แต่จะแตกไลน์ไปยังธุรกิจอื่นๆ ที่น่าสนใจด้วย ซึ่งจะเป็นตัวเสริมให้เอสซีฯ มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องปีละ 20% หรือ 7,500 ล้านบาท ภายในปี 2555 เพราะการพึ่งแต่รายได้จากที่อยู่อาศัยอย่างเดียวจะเติบโตได้ไม่ง่ายนัก โดยธุรกิจแรกที่จะได้เห็น คือ คอมมูนิตี้มอลล์ เริ่มต้นจากพื้นที่ด้านหน้าโครงการวิสต้า อเวนิว เพชรเกษม 81 ก่อนจะขยายไปยังทำเลอื่นๆ นอกโครงการของเอสซีฯ มีโลตัสเป็นพันธมิตรในรุกตลาด โดยมีการจัดตั้งทีมงานมาดูแลโดยเฉพาะ และการรุกตลาดไทม์แชริ่งที่หัวหิน เพื่อสร้างรายได้ระยะยาว
|
|
|
|
|