|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ส่องธุรกิจรับสร้างบ้านครึ่งปีหลัง ตลาดบนยังหอมหวน กำลังซื้อไม่ตก บิวด์ฟันธงเศรษฐกิจหดตัวรายเล็กตาย เปิดช่องรายใหญ่จ้องขยับแชร์ เมคเกอร์ส่ง‘The Solution’ ลงสนาม ฟากวินด์มิลล์ขยับตัวเปิดแนวรบตลาดใหม่ เจาะกลุ่มครอบครัวขยาย ขณะที่ดิ เอ็มเพอเร่อร์ เฮ้าส์ ยังคงคอนเซ็ปต์หรูหรา
ความเปลี่ยนแปลงของราคาน้ำมันและราคาเหล็ก วัตถุดิบสำคัญที่มีผลต่อต้นทุนก่อสร้างบ้านที่ถีบตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง สวนทางกับกำลังซื้อของผู้บริโภค เป็นปัจจัยที่มีผลทำให้ธุรกิจรับสร้างบ้านต้องปรับตัวเพื่อความอยู่รอดอีกระลอกหนึ่ง แม้ล่าสุดในขณะนี้ทิศทางความเปลี่ยนแปลงของทั้งเหล็กและน้ำมันจะชะลอลงแล้วก็ตาม
ราคาเหล็กและน้ำมันที่ผันผวน ปรับตัวสูงขึ้นเป็นรายวัน สุธี เกตุศิริ กรรมการผู้จัดการ กลุ่ม บิวท์ ทู บิวด์ เห็นว่ากลายเป็นบททดสอบที่วัด “กึ๋น” ความสามารถในการบริหารจัดการต้นทุนของธุรกิจรับสร้างบ้านได้เป็นอย่างดี ซึ่งภาวะเศรษฐกิจแย่ บริษัทรายย่อยจะล้มก่อนเป็นอันดับแรกๆ เนื่องจากลูกค้าไม่ให้ความเชื่อมั่น ซึ่งก็เป็นโอกาสของบริษัทรับสร้างบ้านรายใหญ่ที่จะคืบเข้ามาครองมาร์เก็ตแชร์แทน เพราะมีชื่อเสียงและผลงานที่น่าเชื่อถือมากกว่า และพบว่าลูกค้าที่มีความพร้อมในการสร้างบ้านจะรีบเซ็นสัญญาก่อสร้างทันที เพื่อล็อกราคาตามต้นทุนเก่า ก่อนที่ราคาจะสูงขึ้นกว่านี้
สุธีกล่าวว่า ราคาน้ำมัน เหล็ก และภาวะการเมืองที่เริ่มคลี่คลาย เป็นปัจจัยทางจิตวิทยาที่น่าจะทำให้ผู้บริโภคสบายใจขึ้น น่าจะทำให้ปีหน้าภาพรวมตลาดปรับตัวดีขึ้น แต่อย่างไรก็ตามก็ยังต้องจับตาดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ส่วนการลดราคาบ้านทันทีตามต้นทุนที่ลดลงคงจะทำได้ยาก เนื่องธุรกิจรับสร้างบ้านเป็นธุรกิจที่ปรับตัวช้า ไม่สามารถรับรู้กำไรได้ทันที แต่อาจจะคืนกำไรลูกค้าในรูปของโปรโมชั่นเพื่อดึงกำลังซื้อแทน โดยในครึ่งปีหลังบริษัทฯได้เปิดตัวแบบบ้านใหม่รวม 24 แบบ ในสไตล์ Modern Tropical, Modern Style, Modern Contemporary, Modern Oriental ซึ่งพัฒนาด้วยแนวคิดบ้านประหยัดพลังงาน ภายในงานรับสร้างบ้าน 2008
สอดคล้องกับแนวคิดของ พันธุ์เทพ ทานชิติกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมคเคอร์โฮม จำกัด ที่บอกว่า ราคาน้ำมันที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง เป็นปัจจัยสำคัญส่งผลกระทบในแง่จิตวิทยาให้ผู้บริโภค เร่งตัดสินใจซื้อ เพื่อล็อกราคาค่าก่อสร้างในช่วงที่ราคาวัสดุก่อสร้างทรงตัว อีกทั้งยังเชื่อว่า ราคาค่าก่อสร้างจะไม่ลดลง แม้ว่าราคาน้ำมันจะลดลง เพราะที่ผ่านมา ราคาวัสดุก่อสร้างปรับขึ้นไม่ทันราคาน้ำมัน เมื่อราคาน้ำมันลดลงจึงสะท้อนราคาวัสดุก่อสร้างที่แท้จริง
โดยบริษัทฯมีแผนกระตุ้นกำลังซื้อ ด้วยการเปิดตัวงานดีไซน์บ้านต้นแบบใหม่โดยใช้ชื่อว่า ‘The Solution’ ซึ่งเป็นแนวคิดใหม่ด้านการออกแบบบ้านที่มีความยืดหยุ่นมากที่สุด เพราะลูกค้าสามารถปรับเปลี่ยนแบบได้ทั้งขนาดพื้นที่ ฟังก์ชั่น และงบประมาณได้ในดีไซน์เดียวกันก่อนการสร้างจริง เพื่อให้ลูกค้าเลือกบ้านได้ “ตรงใจที่สุด” ในเวลาที่ “รวดเร็วที่สุด”
เซกเมนต์ตลาดบนในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวถือได้ว่า ยังเป็นเพียงตลาดเดียวที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพราะกำลังซื้อไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งวินด์มิลล์ อาร์คิเท็ค ในเครือของบริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ก็เดินหน้าขยายการรุกตลาดไปเจาะกลุ่มครอบครัวขยายที่ต้องการปลูกสร้างบ้านใหม่บนที่ดินเดิม ภายใต้แนวคิด The Metro Lifestyle Living Mode ในรูปแบบบ้านแนวสูง 7 ชั้น 4 ครอบครัว พื้นที่ใช้สอย 1,200 ตร.ม. และ Cluster House บ้านแนวราบ 3 หลัง 3 ครอบครัว พื้นที่ใช้สอย 1,100 ตร.ม. ที่เชื่อมโยงด้วยสระว่ายน้ำ สวนเป็นพื้นที่ส่วนกลาง ราคาเริ่มต้น 20-40 ล้านบาท ซึ่งลูกค้ากลุ่มนี้ยังเป็นช่องว่างของตลาดที่น่าสนใจ และมีการเติบโตต่อเนื่องทุกปี
ขณะที่สุรัตน์ชัย กึงฮะกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดิ เอ็มเพอเร่อร์ เฮ้าส์ จำกัด กล่าวว่า ได้เปิดตัวแบบบ้านใหม่ 6 แบบใหม่ ภายใต้แบรนด์ ”เอ็มเพอเร่อร์ เอ็กซ์ ” 3 แบบ และภายใต้แบรนด์ "ดิ เอ็มเพอเร่อร์ เฮ้าส์" 3 แบบ ระดับราคา15-45 ล้านบาท โดยรูปแบบบ้านจะเป็นสไตล์ Contemporary Classic และ Neo Classic ซึ่งการออกแบบคำนึงถึงการใช้สอยและความหรูหราโปร่งสบาย โดยแบบบ้านทั้ง 6 แบบ ประกอบด้วย 1. Explorer สไตล์ Neo Classic 2. Exquisite สไตล์ Contemporary Classic 3. Exult สไตล์ Neo Classic 4. Palladium สไตล์ European Classic ส่วนอีก 2 แบบ จะออกแบบตามคอนเซ็ปของลูกค้า ซึ่งจะเป็นเทรนด์ใหม่ โดยรูปลักษณ์ยังคงความคลาสสิคผสานกับความร่วมสมัยของปัจจุบันเช่นเดิม
|
|
|
|
|