Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน27 สิงหาคม 2551
การเมืองร้อนฉุดหุ้นร่วง โบรกฯแนะเบรกลงทุน-ตลท.ชิงตั้งแมทชิ่งฟันด์             
 


   
search resources

ภัทรียา เบญจพลชัย
Stock Exchange




นักลงทุนเทขายหุ้นหวั่นการเมืองบานปลาย ผสมโรงตลาดหุ้นทั่วเอเชียร่วงกดดัชนีตลาดหุ้นไทยหลุดแนวรับที่ 670 จุด ปิดที่ 668.92 จุด ลดลง 9.28 จุด หรือ 1.37% มูลค่าการซื้อขาย 9 พันล้านบาท ด้านเอ็มดีตลาดหุ้น วอนไม่ให้ชุมนุมยืดเยื้อ พร้อมเร่งจัดตั้งแมทชิ่งฟันด์ช้อนซื้อของถูกภายในเดือนก.ย.นี้ ขณะที่โบรกเกอร์ แนะเบรกลงทุนหุ้นรอการเมืองนิ่ง เพิ่มสัดส่วนลงทุนพันธบัตรแทน

บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทย วานนี้ (26 ส.ค.) ยังคงถูกปกคลุมด้วยสถานการณ์ทางการเมืองที่รุนแรงมากยิ่งขึ้น หลังจากกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเดินขบวนเข้าปิดล้อมสถานที่สำคัญๆ โดยเฉพาะที่ทำเนียบรัฐบาล ส่งผลให้นักลงทนชะลอการลงทุนเพื่อรอดูสถานการณ์ให้มีความชัดเจนก่อน

โดยดัชนีตลาดหุ้นไทยได้ปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงตั้งแต่เปิดตลาดในช่วงเช้า และมีการเคลื่อนไหวอยู่ในแดนลบตลอดทั้งวัน แม้จะมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงท้ายตลาด หลังจากนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ออกมาแถลงจุดยืนของรัฐบาลที่จะบริหารประเทศต่อไป โดยมีจุดสูงสุดที่ 670.16 จุด ต่ำสุดที่ 660.96 จุด ก่อนจะปิดที่ระดับ 668.92 จุด ลดลงจากวันก่อน 9.28 จุด หรือ 1.37% มูลค่าการซื้อขายรวม 9,087.26 ล้านบาท

ทั้งนี้ นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 375.79 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 702.64 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 1,078.43 ล้านบาท

นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า การชุมนุมใหญ่ของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจของนักลงทุน ทำให้ดัชนีปรับตัวลดลง แต่เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นอื่นทั่วโลกจะพบว่าปรับตัวลดลงประมาณ 2% เช่นเดียวกัน โดยมีปัจจัยที่ต่างกันคือตลาดหุ้นต่างประเทศเกิดจากความกังวลต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ขณะที่ตลาดหุ้นไทยเกิดจากประเด็นการเมืองเป็นหลัก

สำหรับประเด็นเรื่องของความมั่นใจของนักลงทุนต่างประเทศนั้น ขณะนี้ยังไม่มีการสอบถามเหตุการณ์ดังกล่าวจากนักลงทุนต่างชาติ และตลาดหลักทรัพย์ฯ เองคงไม่สามารถให้คำตอบได้ ขณะที่นักลงทุนต่างชาติเองได้ติดตามและประเมินสถานการณ์เป็นระยะๆ อยู่แล้ว

"แม้ว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงในระดับที่ใกล้เคียงกับตลาดหุ้นอื่นๆ แต่มูลค่าการซื้อขายมีเข้ามาค่อนข้างเงียบเหงา เพราะนักลงทุนรอดูเหตุการณ์ ดังนั้นจึงไม่อยากให้การชุมนุมประท้วงยืดเยื้อหรือขยายวงกว้าง แต่หากเหตุการณ์ไม่มีความรุนแรงเชื่อว่าตลาดหุ้นคงไม่ตกต่ำไปมากกว่านี้"

ตลท.เร่งตั้งแมทชิ่งฟันด์ซื้อหุ้น

นางภัทรียา กล่าวเพิ่มเติมว่า จากสถานการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นครั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะเร่งแผนการจัดตั้งกองทุนแมทชิ่งฟันด์ให้เร็วขึ้น เพราะถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมในการลงทุน หลังจากราคาหุ้นปรับตัวลดลง ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ฯ จะพิจารณาอนุมัติทันทีหากบริษัทจัดการกองทุนรวม (บลจ.) แห่งใดมีความพร้อม โดยเบื้องต้นอาจจะเริ่มจากกองทุนขนาดเล็กก่อน เพราะกองทุนขนาดใหญ่อาจต้องใช้เวลา ซึ่งคาดว่ากองทุนบางแห่งอาจเริ่มลงทุนได้ประมาณเดือนก.ย.นี้

ส่วนเรื่องของการระดมทุนของบริษัทที่ต้องการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ นั้น นางภัทรียา กล่าวว่า บริษัทเอกชนบางแห่งอาจจะมีการชะลอแผนการนำบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยเฉพาะบริษัทที่ยังไม่ได้เริ่มเสนอขายหุ้นให้แก่ประชาชนทั่วไป แต่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังไม่มีการพิจารณาลดเป้าหมายจำนวนหุ้นไอพีโอในปีนี้ 30 บริษัท

เอ็มเอไอมาร์เกตแคปวูบ 12%

นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ ผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) กล่าวว่า ตั้งแต่ต้นปี 51 ที่ผ่านมา ดัชนีตลาดเอ็มเอไอปรับตัวลดลงประมาณ 10.78% จากสิ้นปี 50 อยู่ที่ระดับ 272.37 จุด และมูลค่าตามราคาตลาดรวมลดจาก 3.82 หมื่นล้านบาท เหลือประมาณ 3.3 หมื่นล้านบาท หรือลดลงประมาณ 12.57% สวนทางกับผลประกอบการครึ่งปีแรกที่บจ.ในตลาดเอ็มเอไอมีกำไรสุทธิเติบโตถึง 70% และมีการจ่ายปันผลระหว่างกาลถึง 349 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดปี 50 ที่จ่ายปันผล 261 ล้านบาท

"แม้ดัชนีเอ็มเอไอจะลดลงในอัตราที่น้อยกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ลดลงถึง 21% โดยมีปัจจัยหลัก จากเรื่องของการเมือง"

นายชนิตร กล่าวอีกว่า ในช่วงที่เหลือของปีนี้คาดว่าจะมีการระดมทุนในตลาดเอ็มเอไปเพิ่มอีกประมาณ 864 ล้านบาท จากต้นปีมีการระดมทุนไปแล้ว 1,351 ล้านบาท

แนะลงทุนพันธบัตรแทนหุ้น

นายสุกิจ อุดมศิริกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) นครหลวงไทย กล่าวว่า สถานการณ์การเมืองที่เกิดขึ้นไม่ใช่ปัจจัยใหม่ เพียงแต่ทวีความรุนแรงมากขึ้นจึงส่งผลให้ตลาดหุ้นมีความผันผวนขึ้น ดังนั้นนักลงทุนจึงไม่ควรเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นระยะนี้ แต่ควรหันไปลงทุนในตราสารที่มีความเสี่ยงต่ำ เช่น พันธบัตร หรือตราสารอื่นแทน

"ช่วงนี้เป็นจังหวะที่ดีที่จะลงทุนในตราสารอื่น เพราะทิศทางอัตราดอกเบี้ยใกล้แตะระดับสูงสุด โดยประเมินว่าการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันที่ 27 ส.ค.นี้ น่าจะเป็นการขึ้นดอกเบี้ยครั้งสุดท้าย 0.25% และหลังจากนั้นดอกเบี้ยน่าจะทรงตัว ขณะที่บริษัทเองได้แนะนำให้นักลงทุนลดสัดส่วนการลงทุนในหุ้นเหลือ 40% จาก 50% และเพิ่มน้ำหนักลงทุนพันธบัตรเป็น 40% จากเดิม 30% ส่วนที่เหลือยังคงให้ลงทุนทางเลือกอื่น เช่น อนุพันธ์ และโภคภัณฑ์ เป็นต้น"

หยุดเทรดหุ้น-หาแนวรับไม่เจอ

นางสาวปองรัตน์ รัตนะตวณานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) บัวหลวง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงตั้งแต่ช่วงเช้า แม้จะมีปรับดีขึ้นได้เล็กน้อยในช่วงบ่าย หลังจากที่นายกรัฐมนตรี ออกมาแถลงข่าว โดยมีปัจจัยหลักจากการเดินขบวนของกลุ่มพันธมิตรฯ และตลาดหุ้นภูมิภาคที่ปรับตัวลดลง

ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ คาดว่านักลงทุนคงจะชะลอการซื้อขายออกไปก่อนเพื่อรอดูสถานการณ์อีกครั้ง ส่งผลให้ดัชนีตลาดหุ้นปรับตัวลดลงต่อเนื่อง และไม่สามารถว่าจะมีแนวรับที่ระดับใด ดังนั้นจึงต้องติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯ และตลาดหุ้นต่างประเทศ

นางสาวจิตตรา อมรธรรม ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. ไซรัส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปัจจัยการเมืองเรื่องของการชุมนุมประท้วงของพันธมิตรฯ เป็นประเด็นหลักที่กดดันต่อตลาดหุ้นไทย แม้จะได้รับผลต่อเนื่องจากตลาดหุ้นต่างประเทศที่ปรับตัวลดลง ขณะที่แนวโน้มวันนี้ ตลาดหุ้นน่าจะปรับตัวลดลงต่อ ดังนั้นนักลงทุนควรชะลอการลงทุน จนกว่าสถานการณ์ทางการเมืองจะมีความชัดเจน

ด้านนักวิเคราะห์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตลาดหุ้นไทยปรับตัวสอดคล้องกับทิศทางตลาดหุ้นเอเชียที่ปรับลดลงตามดัชนีดาวโจนส์ แต่ตลาดหุ้นไทยกลับให้น้ำหนักประเด็นเรื่องการเมืองที่กลุ่มพันธมิตรฯ นัดชุมนุมประท้วงกดดันให้รัฐบาลลาออก ขณะที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ออกมาแถลงว่าจะไม่มีการลาออกและพร้อมจะบริหารประเทศต่อไป ทำให้สถานการณ์ทางการเมืองคงจะยืดเยื้อต่อไป

สำหรับการประชุมกนง.ในวันนี้ (27 ส.ค.) คงไม่ใช่ประเด็นหลักที่จะเข้ามากระทบต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทย เพราะนักลงทุนคาดการณ์กนง. จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25%

"ตลาดหุ้นวันนี้ คงจะปรับตัวลดลงต่อจากวานนี้ ซึ่งนักลงทุนต้องติดตามความเคลื่อนไหวทางการเมืองเป็นหลัก โดยมีแนวรับอยู่ที่ 650 จุด และแนวต้าน 665 จุด"   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us