Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ สิงหาคม 2535








 
นิตยสารผู้จัดการ สิงหาคม 2535
"วิชิต สุรพงษ์ชัยมาแทนชาตรี"             
 


   
www resources

โฮมเพจ ธนาคารกรุงเทพ

   
search resources

ธนาคารกรุงเทพ, บมจ.
ชาตรี โสภณพนิช
วิชิต สุรพงษ์ชัย
Banking




ยังไม่ถึงเวลาของโทนี่ที่จะรับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ เพราะเขาต้องเรียนรู้สายงานให้กว้างขวางกว่านี้ " ชาตรี โสภณพนิช บิ๊กบอสส์ แห่งแบงก์กรุงเทพยักษ์ใหญ่แห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กล่าวถึง "ชาติศิริ" ลูกชายวัย 33 ปี ขณะที่ชาตรีอยู่ระหว่างการตัดสินใจว่าจะลงจากตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ระหว่างสิ้นปี 2535 หรือสิ้นปี 2536

ความหมายสำคัญของการกำหนดตัวกรรมการผู้จัดการใหญ่คนต่อไป อยู่ที่ทิศทางธุรกิจของแบงก์ ในสถานการณ์ที่ต้องแสวงหาตลาดเทรดไฟแนนซ์ใหม่ ๆ ในภูมิภาคนี้และการเพิ่มความสำคัญของธุรกิจวาณิชธนกิจในประเทศ เพื่อเพิ่มความสามารถในการทำกำไรโดยไม่ต้องเป็นภาระต่อเงินกองทุนมาก ๆ เหมือนสมัยก่อน

แบงก์กรุงเทพเติบโตมาจากธุรกิจไฟแนนซ์สินค้าเกษตรและสิ่งทอ แบงก์กำลังปรับทิศทางมาให้ความสำคัญด้านวาณิชธนกิจเพราะ หนึ่งแบงก์สามารถทำกำไรได้โดยไม่ต้องเป็นภาระต่อฐานะเงินกองทุน ซึ่งทุกแบงก์กำลังตื่นตัวเรื่องนี้ตามกฎเกณฑ์ของบีไอเอส สอง-แบงก์กำลังยกฐานะตัวเองจากแบงก์ท้องถิ่นสู่การเป็นแบงก์ระดับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่เน้นหนักตลาดแถบอาเซียน

ภาระกิจนี้ แบงก์กรุงเทพต้องการคนที่มีประสบการณ์ด้านวาณิชธนกิจ และสามารถเข้าใจเวทีการแข่งขันธุรกิจธนาคารระหว่างประเทศ หรือพูดอีกนัยหนึ่ง ต้องเป็นนักยุทธศาสตร์ธุรกิจการธนาคาร

ที่สำคัญต้องเป็นแบงก์เกอร์ ที่นักการเงินจากสถาบันการเงินอื่น ๆ ในต่างประเทศรู้จักและยอมรับในความสามารถด้วย

เป็นที่ยืนยันจากปากชาตรีว่า ผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งแทนเขาคือ "วิชิต สุรพงษ์ชัย" นายธนาคารนักจัดสรรเงินวัย 48 ปี ผู้อยู่ในตำแหน่งกรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ที่มีผลงานโดดเด่นในฐานะ FUND MANAGER ผู้บริหารสำนักค้าเงินตราระหว่างประเทศ ช่วยให้แบงก์กรุงเทพมีกำไรมหาศาล ท่ามกลางวิกฤตการณ์ลดค่าเงินบาทของรัฐบาลในปี 2527

ดังนั้นบทบาทของวิชิตจึงสำคัญขึ้นในสายตาของเจ้าสัวชาตรีและกลายเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงที่กลายเป็น "มือขวา" ของบิ๊กบอสส์แบงก์กรุงเทพในเวลาต่อมา

วิชิตเริ่มเข้าทำงานแบงก์กรุงเทพในปี 2520 หลังจากลาออกจากบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยซึ่งให้เงินเดือนอัตราพิเศษขณะนั้น 8,000 บาทสำหรับหนุ่มนักเรียนนอกที่มีปริญญาเอกจาก UCLA ห้อยท้ายมาด้วย วิชิตจบปริญญาตรีวิศวกรรมศาสตร์จุฬาฯ รุ่นเดียวกับโสภณ สุภาพงษ์กรรมการผู้จัดการใหญ่ของบริษัทบางจากปิโตรเลียม จำกัด

"การที่ผมมายืนจุดนี้ได้ต้องให้เครดิตคุณบุญชู ตอนนั้นมีคนมาทาบทามผมให้ไปทำงานที่แบงก์ แต่เมื่อแรกผมปฏิเสธไป เพราะผมมีพื้นฐานด้านอุตสาหกรรมมาตลอดจะให้ผมไปทำงานธนาคารหรือ ? บัญชีก็ยังไม่เป็นเลย ก็เลยบอกปัดไปสองครั้ง" ดร. วิชิต เล่าให้ฟังจนในที่สุดครั้งที่สามหัวหน้าดำรงค์เชิญรับประทานอาหารร่วมกันแล้วพาไปพบบุญชู

"คุณบุญชูก็บอกว่าอยากได้คนมาช่วยงาน FUND MANAGEMENT คือการนำเอาเงินไปบริหารอย่างไรให้กำไรงอกงามผมก็บอกท่านว่าทำไม่เป็น ซึ่งท่านก็ตอบกลับว่า ผมก็ไม่รู้เหมือนกันเลยอยากจะได้ไปทำงานร่วมกันเพราะมันเป็นของใหม่ คุณสามารถเรียนรู้ทุกอย่างได้จากที่คุณทำงาน ผมก็ถามหมดพวกหัวหน้าหน่วย ผมใช้เวลาเรียนรู้อยู่สองปี ก็สามารถรู้ได้ว่า แบงก์บริหารเงินอย่างไร เข้าทางไหน ออกทางไหน ฉะนั้นเมื่อเงินไปไหน ผมก็จะตามดูแล" ดร. วิชิตเล่าให้ฟัง

ขณะที่ดำรง กฤษณามระ กรรมการผู้อำนวยการดูแลงานประเภทแม่บ้านของแบงก์บทบาทการบริหารการเงินของวิชิต สุรพงษ์ชัยก็ได้แสดงฝีมือที่พนักงานแบงก์และคนในวงการธุรกิจให้ความยอมรับสูงมากในพลังความคิดสร้างสรรค์และไม่หยุดนิ่ง โดยเฉพาะการดำเนินนโยบายที่จะเป็นธนาคารภูมิภาค

"ธนาคารกรุงเทพมองตัวเองว่าเรามีเป้าหมายที่จะเป็นธนาคารภูมิภาค ไม่ใช่ธนาคารระดับโลก เรามีประสบการณ์มานานเกี่ยวกับสาขาที่มีอายุมากที่สุดถึง 37 ปีมาแล้ว ตลาดที่เพิ่งเปิดเช่นตลาดอินโดจีนประเทศจีนก็เหมือนกับตลาดฮ่องกงเมื่อ 37 ปีก่อนที่ฮ่องกงยังไม่ได้เป็นฮ่องกงในปัจจุบันนี้ที่เราไปหว่านพืชเอาไว้และทำสำเร็จ" วิชิตได้เล่าให้ฟัง

ปัจจุบันแบงก์กรุงเทพมีสาขาในต่างประเทศ 15 แห่งและสำนักงานตัวแทน 1 แห่งที่อยู่ภายใต้การบริหารของ วิชิต สุรพงษ์ชัย ซึ่งเน้นความสำคัญของการบริหารข้อมูลเพื่อการตัดสินใจมาก ๆ

"ความสำคัญของข้อมูลในตลาดมีการแข่งขันมากเรื่องนี้เราต้องไว และเราจะต้องสร้างระบบข้อมูล การเก็บข้อมูลและประเภทของข้อมูลซึ่งเป็นหัวใจของการบริหารที่จำเป็นแบงก์กรุงเทพจะต้องทำในเรื่องนี้เพิ่มขึ้น" วิชิตเล่าให้ฟัง

ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของเศรษฐกิจการเมืองโลกได้เปลี่ยนโฉมหน้าโลกสังคมนิยมด้วย "นโยบายเปลี่ยนสนามรบให้เป็นสนามการค้า" และการส่งเสริมระบอบประชาธิปไตยที่เปิดเสรีธุรกิจต่าง ๆ ได้ทำให้ประเทศไทยกลายเป็นประตูการค้าไปสู่ประเทศแถบอินโดจีน ซึ่งเป็นตลาดใหม่ที่ยังล้าหลังอยู่มาก

ปี 2535 นี้ แบงก์กรุงเทพได้วางกลยุทธ์ขยายสาขาเพื่อแสวงหารายได้ในอินโดจีนและประเทศจีนถึง 5 แห่งที่โฮจิมินห์ กัมพูชา ซัวเถา กวางโจวและเซียะเหมิน โดยเน้นให้บริการด้านการโอนเงินระหว่างประเทศกับธุรกิจนำเข้า-ส่งออก มากกว่าจะรับฝากเงินและปล่อยสินเชื่อ เนื่องจากกฎหมายของจีนไม่เปิดโอกาสให้แบงก์พาณิชย์จากต่างประเทศเข้าไปลงทุนในเงินหยวนได้

ยิ่งในเมืองซัวเถา ซึ่งมีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจไม่ต่ำกว่าปีละ 20-30% รวมทั้งเป็นเมืองท่าปลอดภาษีด้วยทำให้การโอนเงินระหว่างประเทศมีจำนวนสูงมาก และทำให้การลงทุนสร้างสาขาแบงก์กรุงเทพที่ซัวเถาถึงจุดคุ้มทุนได้เร็วกว่าที่เวียดนาม สำหรับที่สาขาซัวเถาแบงก์กรุงเทพใช้เงินลงทุนไปไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท

ตลาดอินโดจีนและตลาดที่มีพรมแดนติดต่อบริเวณลุ่มน้ำโขงที่เปิดขึ้น เป็นโอกาสของแบงก์กรุงเทพที่จะสามารถเข้าไปทำธุรกิจเทรดไฟแนนซ์ที่ตัวเองมีฐานลูกค้าที่กว้างใหญ่และความชำนาญอยู่แล้วที่เมืองไทย โดยเป็นสะพานที่เชื่อมโยงการค้าและการลงทุนระหว่างพ่อค้าไทยกับพ่อค้าในดินแดนที่เพิ่งเปิดใหม่ของลุ่มน้ำโขง

นอกจากนี้ วิชิตยังเล็งเป้าขยายสาขาไปยังมาเลเซีย ซึ่งจะมีกฎหมายเปิดกว้างให้เกิดธนาคารต่างประเทศขึ้นที่นั่นแต่ติดขัดที่มีขีดจำกัดหลายเรื่องในการประกอบธุรกิจ เช่นเดียวกับประเทศอินโดนีเซียที่กำลังเปิดเสรีธนาคารอย่างรวดเร็วจนเป็นที่น่าสนใจและศึกษาของวิชิตอยู่

"พวกนี้เป็นจุดเตือนว่าเราจะอยู่เฉย ๆ ไม่ได้ท่ามกลางการปรับตัวของโลกที่เปิดการค้าเสรี เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโซเวียต ยิ่งเป็นเรื่องยืนยันว่าถ้านักการเมืองคนใดจะดึงประเทศกลับไปสู่ยุคเดิม ผมว่าคนนั้นต้องอยู่ไม่ได้ เพราะมันเลยจุดหนึ่งไปแล้ว" วิชิตเน้นถึงการเปลี่ยนแปลงด้านเศรษฐกิจ การเมืองของโลกสังคมนิยม

อนาคตอันสดใสของธุรกิจการค้าระหว่างประเทศซึ่งวิชิตชำนาญด้านนี้ กำลังจะเป็นฐานสำคัญของแบงก์กรุงเทพในยุคที่วิชิตจะเข้ามาบริหารในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่คนต่อไป

แต่สาขาต่างประเทศแถบสหรัฐและยุโรปของแบงก์กรุงเทพเริ่มมีปัญหาการประกอบการจนกระทั่งต้องมีการทบทวนนโยบายใหม่ ตามด้วยโลกแห่งสกลุเงินตราต่างประเทศกำลังเปลี่ยนโฉมหน้าครั้งใหญ่ เมื่ออีซีร่วมกันเป็นตลาดเดียว ซึ่งคาดกันว่าเงินสกุลหลัก ๆ จะเหลือเพียงดอลลาร์สหรัฐ อีซียูของยุโรป และเยนของญี่ปุ่นเท่านั้น

"ในสองปีที่ผ่านมาเราต้องมีการปรับตัวในด้านการประกอบธุรกิจในสหรัฐเพิ่มขึ้น วิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นกับแบงก์บีซีซีไอก็เป็นข่าวครึกโครมมากในด้านมาตรการควบคุมต่าง ๆ ที่ธนาคารกลางสหรัฐใช้คนคุมกับธนาคารสหรัฐเองหรือธนาคารต่างประเทศค่อนข้างเข้มงวดมาก เราก็ปรับตัวตามนั้นได้ในยุโรปก็คล้าย ๆ กัน มันเป็นตลาดที่แข่งขันมากและเข้มงวดและมีเศรษฐกิจที่พัฒนาไปไกลมาก ยกตัวอย่างเช่น เมื่อทศวรรษที่ 70 หรือ 80 เป็นยุคที่ธนาคารสหรัฐฯ ออกไปเปิดสาขาต่างประเทศมาก เพราะว่าอยากจะ GLOBALIZE ไปทั่วโลก การที่จะเป็น GLOBALIZE นี้ไม่ใช่คุณใหญ่อย่างเดียวหรือคุณมีเงินมาก ๆ เราต้องดูตัวเองว่าพร้อมในจุดไหนทิศทาง และนโยบายในเรื่องของการเป็นธนาคารภูมิภาคน่าจะเป็นเรื่องที่ถูกต้องเหมาะกับแบงก์กรุงเทพ" วิชิตกล่าวฐานะของแบงก์ในทางยุทธศาสตร์

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us