กรณีการขายกิจการของโฟร์โมสต์ (อาหารนม) เฉพาะในส่วนของไอศกรีมไปให้กับลีเวอร์เมื่อเดือนที่ผ่านมา
ผลของการขายธุรกิจในส่วนนี้ไปทำให้ลีเวอร์ได้กลายเป็นยักษ์ใหญ่ทางด้านตลาดไอศกรีมไปในทันที
ในขณะที่โฟร์โมสต์ก็จะหันไปเอาดีทางด้านการเป็นเจ้าตลาดอาหารนมเพียงอย่างเดียว
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอันเนื่องมาจากการตัดสินใจของผู้บริหารในโฟรโมสต์
ที่หวังจะสนองตอบนโยบายบริษัทแม่ซึ่งมีความชำนาญด้านอาหารนมเพียงด้านเดียว
และการสนองรับอย่างเต็มอกเต็มใจของลีเวอร์ได้ทำให้วงการตลาดต้องจารึกสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นประวัติศาสตร์ที่น่าศึกษาต่อไปในอนาคตได้เป็นอย่างดี
หมายความว่า การขายกิจการของโฟร์โมสต์ (อาหารนม) ได้สร้างประเด็นที่น่าสนใจขึ้นหลายประเด็น
ประเด็นแรกผู้บริหารค่ายโฟร์โมสต์ให้เหตุผลของการตัดสินใจขายธุรกิจนี้ว่าในอนาคตแนวโน้มจะกลายเป็นตลาดที่มีการแข่งขันกันสูงมาก
เพราะนอกจากตลาดจะขยายตัวปีละประมาณ 17% แล้วยังมีคู่แข่งหน้าใหม่ที่มีชื่อเสียงและเพียบพร้อมด้านเทคโนโลยีที่ทันสมัย
พร้อมที่จะเข้ามาต่อกรเทียบรุ่นได้ตลอดเวลาในขณะที่โฟร์โมสต์เองต้องวิ่งตามเทคโนโลยีให้ทัน
สมบูรณ์ นันทาภิวัฒน์ประธานกรรมการบริษัทโฟร์โมสต์ ฟรีสแลนด์ (ประเทศไทย)
จำกัดกล่าวว่า บริษัท ฟรีสแลนด์ ฟริกโก โดโม ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกลุ่มโฟร์โมสต์
รวมถึงประเทศไทยด้วยนั้น มีความชำนาญด้านอาหารนมเพียงอย่างเดียว และโฟรโมสต์ทั่วโลกก็มีชื่อเสียงด้านอาหารนม
จะมีก็แต่เพียงเมืองไทยประเทศเดียวเท่านั้นที่ไอศกรีมได้สร้างชื่อเสียงของโฟรโมสต์ให้เป็นที่รู้จักไปทั่วประเทศ
และสามารถทำรายได้ถึง 20% ของรายได้ทั้งหมด
ความชำนาญเฉพาะด้านดังกล่าว จึงส่งผลให้โฟรโมสต์ (อาหารนม) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือโฟร์โมสต์
ฟรีสแลนด์ (ประเทศไทย) มีสินค้าภายใต้การดูแลคือ ไอศกรีม และนมสดพาสเจอร์ไรซ์ไม่ได้รับการสนับสนุนด้านเทคนิเคิลโนว์ฮาวการผลิตและการตลาดอะไร
จากบริษัทแม่เท่าไรนัก
ทำให้ธุรกิจไอศกรีมนี้ต้องช่วยเหลือตัวเองมาตลอดโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมาเจอลีเวอร์
ซึ่งโดดเข้าตลาดไอศกรีมเมื่อ 2 ปีกว่าที่ผ่านมานี้ ลีเวอร์มีพร้อมทั้งเทคโนโลยีที่ทันสมัย
และแรงสนับสนุนจากยูนิลีเวอร์บริษัทแม่อย่างเต็มที่ การแข่งขันของตลาดไอศกรีมที่เคยมีโฟร์โมสต์เป็นยักษ์อยู่เพียงลำพังจึงเริ่มเป็นตลาดที่ไม่หมูอย่างที่คิดซะแล้ว
จากที่เคยเป็นเจ้ายุทธจักรก็เริ่มที่จะเหนื่อยล้ากับการวิ่งหนีคู่แข่งที่เริ่มกระชั้นชิดเข้ามาทุกที
และยิ่งมีการคาดการณ์กันว่าในอีก 5-10 ปีข้างหน้าจะมีผู้ผลิตหน้าใหม่ดาหน้าเข้ามาอย่างมากมาย
อาทิ เมจิ สโนว์ เนส์ทเล่ ซึ่งแต่ละรายล้วนเป็นยักษ์ใหญ่ในตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคที่เกี่ยวพันกับผลิตภัณฑ์นมผนวกกับมีชื่อเสียงด้านไอศกรีมด้วยแล้ว
โฟร์โมสต์ถึงกับร้องเพลง "ถอยดีกว่า ไม่เอาดีกว่า" เลยทีเดียว
อย่างไรก็ตามผู้บริหารทั้ง 2 ฝ่ายต่างมีความเชื่อมั่นว่าหากเขาผนึกกำลังสู้กันแล้ว
ลีเวอร์มิใช่จะเป็นเพียงยักษ์อันดับ 1 ของตลาดไอศกรีมในเมืองไทยเท่านั้น
ทว่ายังจะทำให้ลีเวอร์กลายเป็นผู้ผลิตไอศกรีมที่ใหญ่ที่สุดของเซาท์อีสต์เอเชียไปด้วย
หลังจากที่โฟร์โมสต์ขายโรงงานไอศกรีมและซับแบรนด์เนมให้กับลีเวอร์ไป ในขณะที่โฟรโมสต์เองก็หวังที่จะเป็นใหญ่ในตลาดนมที่มีมูลค่าสูงกว่าไอศกรีมหลายเท่าตัว
"โฟร์โมสต์ขายธุรกิจไอศกรีมให้ลีเวอร์ต้องมี OPTION อย่างแน่นอน และสิ่งหนึ่งก็คือลีเวอร์จะต้องไม่เข้ามาแข่งขันในธุรกิจอาหารนม"
มีนักการตลาดท่านหนึ่งวิเคราะห์ว่าตลาดไอศกรีมทุกวันนี้มาร์จินของสินค้าเริ่มลดลงในขณะที่สินค้าประเภทนี้มีตลาดถึง
3 ระดับ คือบน กลางและล่าง เดิมทีเดียวโฟรโมสต์เคยครองตลาดกลางไล่เรื่อยขึ้นบนและกวาดลงตลาดล่างได้บางส่วน
ก่อนหน้าที่จะมียี่ห้อต่าง ๆ เรียงรายดาหน้าเข้ามาเช่นปัจจุบัน การชิงส่วนแบ่งตลาดเช่นนี้ทำให้โฟร์โมสต์เป็นยักษ์ใหญ่อยู่ได้
ผิดกับไอศกรีม ดั๊กกี้หรือป๊อบผู้บุกเบิกตลาดก่อนเจ้าอื่นในประเทศไทยที่ค่อย
ๆ ล้มหายตายจาก หรือเปลี่ยนมือผู้ถือหุ้น หรือหาผู้ร่วมทุนใหม่ที่ต้องอาศัยเทคนิเคิลโนว์ฮาวที่แข็งพอที่จะสู้กันในตลาดได้
เมื่อตลาดล่างเริ่มแข็งตัวมีชาวต่างชาติเข้าร่วม และพัฒนาปรับปรุงการผลิตให้ทันสมัยสามารถรุกตลาด
รวมทั้งปกป้องของตนเองและผลักดันให้โฟร์โมสต์ออกไปจากระดับนี้ได้ขณะเดียวกันตลาดบนเช่น
สเวนเซ่นของค่ายไมเนอร์โฮลดิ้งบาสกิ้นรอบบิ้นของค่ายเซ็นทรัล ก็เริ่มได้รับความสนใจจากผู้บริโภคโดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นซึ่งเป็นฐานใหญ่ของตลาดอยู่แล้ว
ศาลาโฟร์โมสต์จึงได้หดหายไปทีละน้อยจนในที่สุดก็ไม่มีหลงเหลือให้เห็น
ริชาร์ด บี. เชอร์รี่อดีตกรรมการผู้จัดการ บริษัทโฟร์โมสต์ ฟรีสแลนด์ (ประเทศไทย)
จำกัด เคยกล่าวไว้เมื่อครั้งที่เปิดศูนย์อาหารแช่แข็งใหญ่ที่เชียงใหม่เมื่อต้นปีที่ผ่านมานี้
เขายอมรับว่าความใหม่สดและทันสมัยของร้านไอศกรีมรุ่นใหม่เป็นสิ่งที่โฟร์โมสต์สู้เขาไม่ได้และเราเองก็ไม่มีนโยบายที่จะขยายธุรกิจด้วยวิธีนี้
ดังนั้นศาลาโฟร์โมสต์จึงปล่อยให้เป็นของเอกชนผู้ที่สนใจไปลงทุนทำเอง โดยที่เราเองก็ไม่ได้ให้การสนับสนุนเท่าที่ควรและไม่เสียใจเลยที่ต้องยุติช่องทางการจัดจำหน่ายแบบร้านค้าคือศาลาโฟร์โมสต์ไปในที่สุด
เพราะเหตุที่ตลาดบนและล่างเริ่มไหวตัว ในขณะที่ตลาดกลางลีเวอร์เริ่มส่งวอลล์รุกอย่างจริงจัง
ทำให้โฟรโมสต์แม้จะเคยโด่งดังและเป็นหนึ่งมาตลอดต้องมีอันเจ็บตัว และเมื่อคิดเลยไปถึงอนาคต
หากหน้าใหม่มาอย่างที่คาดก็เป็นเรื่องลำบากที่โฟร์โมสต์จะต่อสู้ต่อไป การเด็ดปีกทิ้งข้างหนึ่งอย่างที่โฟร์โมสต์ทำเพื่อให้พยุงตัวได้จึงเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดฝันของวงการธุรกิจไอศกรีมในเมืองไทย
ส้มลูกใหญ่จึงหล่นทับลีเวอร์อย่างจังโดยไม่ต้องออกแรงเขย่าลำต้นมากมาย
!!!
ผลิตภัณฑ์ไอศกรีมลีเวอร์มีบทบาทอย่างมากในแถบยุโรปและฟาร์อีสต์ การที่ลีเวอร์ได้โฟร์โมสต์ไปจึงเป็นการทำประโยชน์ให้กับลีเวอร์อย่างมาก
ประการแรก ลีเวอร์จะได้เป็นยักษ์ใหญ่ในตลาดไอศกรีมเมืองไทย
ประการที่สอง ลีเวอร์จะมีช่องทางจัดจำหน่ายเพิ่มขึ้นทั่วประเทศนับจากนี้ต่อไปถึงประมาณ
40,000 จุดเลยทีเดียวเพราะการขายทรัพย์สินของโฟร์โมสต์ให้ลีเวอร์นั้นย่อมหมายถึงทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวข้องกับธุรกิจไอศกรีมของโฟรโมสต์เช่นเดโปทุกภาค
หน่วยขายรถสามล้อซึ่งก่อนหน้านี้ลีเวอร์เองก็ยังยอมรับว่าช่องทางการจัดจำหน่ายของวอลล์ยังไม่ทั่วถึงและยังไม่มีความพร้อมที่จะขยายไปได้ในทันที
ประการที่สาม ลีเวอร์จะเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุดในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้
ซึ่งปัจจุบันลีเวอร์มีกำลังการผลิตเพียง 12 ล้านลิตรและมีแผนการขยายกำลังการผลิตเพิ่มในปลายปี
35 เป็น 25-27 ล้านลิตรการรวมโรงงานผลิตเข้าด้วยกันของทั้ง 2 ฝ่าย ทำให้ลีเวอร์จะมีกำลังการผลิตเพิ่มเป็น
50-55 ล้านลิตรต่อปี ซึ่งจำนวนนี้เป็นครึ่งหนึ่งของจำนวนการผลิตรวมทั้งตลาดหรือคิดเป็นมูลค่า
1,000 ล้านบาทจากมูลค่าตลาดรวม 2,500 ล้านบาท
วิโรจน์ ภู่ตระกูล คนโตลีเวอร์กล่าวว่าถึงแม้โฟร์โมสต์จะให้เวลาเขาถึง
2 ปีอนุญาตให้ใช้โรงงานเดิมของโฟร์โมสต์ทีหลักสี่ผลิตภายใต้แบรนด์เนมโฟร์โมสต์
แต่เขาก็ คาดว่าเขาจะต้องทำให้ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นการย้ายเครื่องจักรออกจากหลักสี่ไปไว้รวมที่นิคมอุตสาหรรมลาดกระบังซึ่งเป็นโรงงานของลีเวอร์
พนักงานและการเดินเครื่องผลิตให้เสร็จ สิ้นภายใน 1 ปีเท่านั้น
ส่วนโฟร์โมสต์นั้นแม้จะน่าเสียดายที่ขายธุรกิจนี้ไป แต่หากมองในระยะยาว
สมบูรณ์กล่าวว่าโฟร์โมสต์เสียเปรียบอย่างแน่นอน แม้จะดูเหมือนว่ายังไม่ทันสู้ก็ถอยซะแล้วความเสียเปรียบที่ว่านี้
คือการลงทุนสร้างเทคโนโลยีใหม่ให้ทันสมัยพอที่จะสู้คู่แข่งอย่างลีเวอร์หรือเจ้าใหม่ที่จะเข้ามา
"เหตุผลดังกล่าวจึงเกิดเป็นความจำเป็นต้องขายและหันไปเสริมในธุรกิจที่มีความชำนาญ
เราจะได้เทคนิคโนว์ฮาวจากบริษัทแม่เข้ามาสนับสนุนเป็นอย่างดี ซึ่งเชื่อแน่ว่าแม้จะตัดทอนธุรกิจไอศกรีม
ซึ่งทำรายได้ให้บริษัทประมาณ 20% ของรายได้รวม 600 ล้านบาท (ปี34) แต่ก็จะไม่ทำให้รายได้หดหายหรือลดน้อยลง"
สมบูรณ์กล่าวอย่างเชื่อมั่นว่าที่รายได้ไม่หด เพราะจะมีส่วนของตลาดนมที่เน้นหนักอย่างเต็มกำลังจะขยับเข้ามาแทนที่ในลักษณะของการขยายตัวเพิ่มขึ้นตากเดิม
ประเด็นที่สอง การที่โฟร์โมสต์หลุดพ้นจากธุรกิจไอศกรีมไปแล้ว จะทำให้โฟรโมสต์มุ่งมั่นเฉพาะตลาดนมและไปให้ถึงเป้าของการเป็นเจ้าตลาดให้ได้ตามที่เขาหวังเพราะตลาดนม
ณ วันนี้ที่มีมูลค่าตลาดร่วม 10,000 ล้านบาท หากเทียบกับตลาดไอศกรีมที่มีมูลค่าในปีที่ผ่านมาประมาณ
2,500 ล้านบาทเท่านั้น
สมบูรณ์กล่าวรายได้ของบริษัทหากแบ่งสัดส่วนที่ได้รับจะมาจากอาหารนมแช่แข็ง
9% ไอศกรีม 20% นมข้น 29% และนมยูเอสที 42% นอกจากนี้ในตลาดนมโฟร์โมสต์สามารถครองส่วนแบ่งการตลาดได้ดังนี้คือ
โยเกิต 70% นมยูเอชที 27% นมข้นหวาน 27% และนมข้นไม่หวาน 53%
จากความสามารถในการครองตลาดของสินค้าต่าง ๆ ของโฟร์โมสต์ทำให้ค่ายนี้สรุปได้ว่า
หลังจากการวางมือด้านไอศกรีมที่มีการแข่งขันกันสูงและมาร์จินเริ่มต่ำลงนั้น
จะหันมาเอาดีในธุรกิจนมสดยูเอชที
"นมสดยูเอชที ถึงแม้ว่าจากตัวเลขสัดส่วนตลาดของเราดูว่าจะน้อยกว่าโยเกิตก็ตามทว่า
VOLUME ของนมยูเอชทีจะมีมากกว่าโยเกิตแนวโน้มจึงเน้นการลงทุนในส่วนนี้ให้มากกว่าเดิม"
"ขณะเดียวกันตลาดนมยูเอชทีก็มีการแข่งขันไม่แพ้ตลาดไอศกรีมเช่นกัน
ผิดกันแต่ว่ามาร์จินของสินค้าประเภทนี้ยังมีสูงถึง 20% ของโฟร์โมสต์ก็สามารถไล่ตลาดนี้จนขึ้นมาอยู่ในอันดับที่
3 รองจากไทยเดนมาร์ และหนองโพ หากทุ่มอย่างเต็มที่โอกาสที่จะครองมาร์เก็ตแชร์เพิ่มก็น่าจะอยู่
ไม่ไกลเกินเอื้อม" สมบูรณ์กล่าวถึงกลยุทธหลังขายไอศกรีม
ประเด็นที่สามคือ หลังจากที่ลีเวอร์ย้ายเครื่องจักรและทรัพย์สินเกี่ยวกับไอศกรีมไปแล้วโรงงานแห่งนี้จะว่างลง
แต่โฟร์โมสต์ก็ไม่สามารถที่จะขยับขยายกำลังการผลิตเกี่ยวกับสินค้านมได้อีก
ทั้งนี้เพราะติดปัญหาเรื่อง พรบ. ที่ดินอยู่อาศัยในเขตแจ้งวัฒนะ โฟร์โมสต์จึงวางแผนที่จะขายที่ดินที่มีอยู่ทั้งหมด
11 ไร่ไปนับได้ว่าโฟร์โมสต์ได้รับเงินสด 2 ต่อ ต่อแรกได้จากการขายส่วนไอศกรีมให้ลีเวอร์
ต่อที่สองคือได้จากการขายที่ดินออกไป
อย่างนี้แล้วเป็นความน่าเสียดายของโฟร์โมสต์ที่ขายธุรกิจไอศกรีม ซึ่งเคยโด่งดังสุดขีดในเมืองไทยไป
หรือว่าน่าจะเป็นความยินดีปรีดาปราโมทย์ในการซ่อนเงื่อนของโฟร์โมสต์ได้อย่างมิดชิดกันแน่