ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมที่สาธารณชนตื่นตัวรวมทั้งความเข้มงวดของรัฐที่มีมากขึ้น
ทำให้อุตสาหกรรมที่ปล่อยของเสียต่อสิ่งแวดล้อมต้องยินยอมที่จะลงทุนด้านสิ่งแวดล้อม
โดยการติดตั้งระบบเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่รักษาสิ่งแวดล้อมเข้ามาในโรงงาน
อันเป็นต้นทุนที่ถือเป็นภาระใหม่สำหรับธุรกิจที่ละเลยสิ่งเหล่านี้มาเนิ่นนาน
ใน พรบ. สิ่งแวดล้อมปี 2535 ที่เพิ่งเริ่มใช้เมื่อเดือนมิถุนายน ที่ผ่านมาได้กล่าวถึงมาตราการส่งเสริมในหมวด
5 มาตรา 94 ว่าให้แหล่งกำเนิดมลพิษหรือผู้รับจ้างให้บริการ มีสิทธิขอรับการส่งเสริมและช่วยเหลือจากทางราชการ
โดยการขอรับความช่วยเหลือด้านอากรขาเข้าสำหรับการนำเข้าเครื่องมือ อุปกรณ์
หรือวัสดุที่ไม่สามารถจัดหาได้ในประเทศ โดยให้ผู้นำเข้ายื่นคำขอรับการส่งเสริมต่อคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติตามหลักเกณฑ์
วิธีการและแบบที่กำหนดในกฎกระทรวง
พรชัย ธรณธรรม ผู้อำนวยการกองควบคุมคุณภาพสิ่งแวดล้อมกรมควบคุมมลพิษได้กล่าวกับ
"ผู้จัดการ" ถึงรายละเอียดในเรื่องนี้ว่ายังไม่ได้มีการตกลงกันในเรื่องขั้นตอนต่าง
ๆ แต่ในกรณีเรื่องการขอลดภาษีอากรสำหรับเครื่องจักร อุปกรณ์ที่รักษาสิ่งแวดล้อมมีประกาศของกระทรวงการคลังในเรื่องหลักเกณฑ์และเงื่อนไข
ของการขอลดภาษีสำหรับเครื่องจักรประเภทที่รักษาสิ่งแวดล้อมและประหยัดพลังงานมาตั้งแต่ปี
พ.ศ. 2528 แล้ว
โดยในระยะแรก ๆ ได้ลดภาษีให้ครึ่งหนึ่งของอัตราปกติหรือเหลือ 10% ของมูลค่าสินค้าขึ้นอยู่กับว่าอย่างไหนจะต่ำกว่ากัน
และต่อมาเมื่อปลายปี พ.ศ. 2534 ได้ลดอัตราภาษีลงไปอีกเหลือร้อยละห้าของมูลค่าสินค้าที่นำเข้า
อุดร จารุรัตน์ อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า
ธนบุรี ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะอนุกรรมการด้านวิชาการในการพิจารณาเครื่องจักรวัสดุ
และอุปกรณ์ที่รักษาสิ่งแวดล้อมเล่าถึงที่มาของแนวคิดนี้ว่า
"ตอนแรกเราก็เริ่มจากว่าถ้าโรงงานมีความคิดที่จะกำจัดของเสียก่อนออกสู่บรรยากาศเป็นเรื่องที่น่าสนับสนุน
เพราะว่าการสร้างระบบบำบัดต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงโดยที่โรงงานไม่ได้กำไรจากการสร้างมีแต่เสีย
พอสร้างไปแล้วก็ยังมีค่าใช้จ่ายต่าง ๆ อีกเช่นค่าไฟฟ้า ค่าสารเคมี"
อุปกรณ์ที่สามารถขอลดภาษีอากรได้แก่ อุปกรณ์ที่ใช้ในการบำบัดน้ำเสีย อากาศเสีย
ของเสีย ขยะ อุปกรณ์ที่ใช้ลดหรือป้องกันเสียงรบกวนจากต้นกำเนิดเสียง ในกิจการอุตสาหกรรม
รวมถึงอุปกรณ์ที่ใช้ในการวิจัย วิเคราะห์ ตรวจวัดและติดตามผลเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม
ผู้ที่มิทธิในการยื่นขอลดภาษี คือผู้นำเข้าเครื่องจักรเพื่อไปใช้ในกิจการของตนเอง
หรือบริษัทจำหน่ายอุปกรณ์ที่มีหลักฐานการซื้อขายกับผู้ใช้และได้แสดงสถานที่ติดตั้งใช้งานของกิจการนั้นที่กำหนดเงื่อนไขนี้
เพื่อให้เจ้าของอุตสาหกรรมได้รับผลประโยชน์จากการลดภาษีโดยตรงมิใช่ตกเป็นกำไรของบริษัทตัวแทนจำหน่ายที่นำเข้าสินค้า
ขั้นตอนในการขอลดภาษีนั้นจะต้องเตรียมเอกสารต่าง ๆ เช่น แคตาล็อกสินค้าที่สั่งซื้อและใบกำกับสินค้า
(INVOICE) และเอกสารต่าง ๆ ยื่นต่อคณะกรรมการพิจารณาเครื่องจักร วัสดุและอุปกรณ์ที่ประหยัดพลังงงานและรักษาสิ่งแวดล้อม
ที่มีปลัดกระทรวงวิทย์ฯ เป็นประธาน
เมื่อคณะกรรมการได้รับเรื่องแล้วจะส่งให้อนุกรรมการไปพิจารณารายละเอียดและเดินไปตรวจสอบที่โรงงานว่ามีการติดตั้งจริงหรือไม่
หลังจากที่ผ่านความเห็นชอบจากอนุกรรมการแล้วจึงส่งต่อไปให้คณะกรรมการชุดใหญ่พิจารณาอีกครั้ง
ระยะเวลาของการพิจารณาจะยาวแค่ไหนก็สุดแท้แต่ความพร้อมของเจ้าของกิจการนั้นในการติดตั้งอุปกรณ์เพื่อให้คณะอนุกรรมการไปตรวจสอบได้
หากทุกอย่างดำเนินไปอย่างไม่ติดขัดคือ เจ้าของกิจการสามารถติดตั้งอุปกรณ์
เพื่อให้คณะกรรมการไปตรวจสอบได้ว่านำไปใช้งานด้านรักษาสิ่งแวดล้อมจริง จะใช้ระยะเวลาในการดำเนินการไม่เกินสองเดือน
"คณะอนุกรรมการมีหน้าที่พิจารณาเครื่องจักรว่าใช้ประโยชน์ได้จริงมั๊ย
เข้าข่ายที่จะลดมลพิษจากของเสียที่ปล่อยออกมาจากโรงงานหรือไม่ อยู่ในกฎเกณฑ์ที่ได้ลดหรือเปล่า
รวมทั้งพิจารณาว่าได้มีการติดตั้งจริงหรือไม่" อุดร จารุรัตน์ ชี้แจง
ทั้งนี้เนื่องจากว่าอุปกรณ์ที่ขอลดอากรบางอย่างเป็นอุปกรณ์ที่อยู่ในขั้นตอนของการผลิตมิใช่ขั้นตอนของการลดมลพิษ
ยกตัวอย่างเช่น การนำเข้าอุปกรณ์ที่ลดซัลเฟอร์ไดออกไซด์ของโรงกลั่นน้ำมันจะไม่อนุมัติให้ลดภาษี
เพราะถือว่าเป็นหน้าที่ของโรงกลั่นที่จะต้องผลิตน้ำมันให้มีคุณภาพตามมาตรฐานที่กำหนด
แต่ถ้าหากเครื่องจักรที่ลดซัลเฟอร์ไดออกไซด์ไปติดอยู่ที่ปล่องควันโรงงาน
ตัวหลังนี้จะได้ลดภาษี เป็นต้น
ประเด็นนี้เป็นที่ถกเถียงกันพอสมควร ระหว่างผู้ขอลดภาษีกับคณะกรรมการ แม้หลายฝ่ายจะเห็นว่าการขจัดมลพิษที่ถูกต้องควรจะลดตั้งแต่แหล่งกำเนิด
แต่การพิจารณาของกรรมการจะอนุมัติได้เฉพาะเครื่องจักร หรืออุปกรณ์รักษาสิ่งแวดล้อมขั้นตอนของการขจัดมลพิษ
เพราะถือว่าการปรับปรุงเครื่องจักรในการผลิตให้มีคุณภาพเป็นสิ่งที่ธุรกิจนั้นต้องทำอยู่แล้ว
เพื่อแข่งขันกับคู่แข่งในเรื่องปริมาณและคุณภาพของสินค้าที่ผลิตออกมา แต่ในขั้นตอนของการขจัดมลพิษเป็นจุดที่ไม่มีผู้ใดได้รับผลประโยชน์
"โรงงานอุตสาหกรรมที่เขาปล่อยของเสียและสามารถนำไปกลั่นกรองได้ แต่ถ้าอีกบริษัทหนึ่งมาขอซื้อของเสียจากโรงงานนั้นมากลั่นกรองและเอาของที่ได้ไปขาย
และบริษัทนี้มาขอลดภาษีเครื่องจักร ก็ไม่ได้ลดภาษีเช่นกันเพราะถือว่าเขาสั่งของนั้นมาเพื่อผลิตและได้กำไรจากการผลิตอันนั้น"
หนึ่งในคณะอนุกรรมการฯ กล่าว
อุปกรณ์และเครื่องจักรที่นำเข้าส่วนใหญ่เป็นพวกเครื่องกำจัดฝุ่นละออง ผ้ากรองฝุ่นสารเคมีที่ช่วยในการตกตะกอนและระบบบำบัดน้ำเสีย
ในปี 2532 เครื่องจักรวัสดุและอุปกรณ์ที่ประหยัดพลังงานและรักษาสิ่งแวดล้อมที่เสนอผ่านทางคณะกรรมการเพื่อขอลดภาษีมีมูลค่า
83,114,086.10 ล้านบาท จากจำนวนผู้ขอลดภาษี อุปกรณ์ด้านประหยัดพลังงาน 35
ราย ด้านสิ่งแวดล้อม 60 ราย ปี 2533 มีมูลค่า 161,483,433.55 ล้านบาทจากจำนวนผู้ยื่นขอ
91 ราย และเพิ่มมูลค่าเป็น 364,922,849 ล้านบาทจากจำนวนผู้ยื่นขอ 79 รายในปีถัดมา
"ผมว่าคนอาจจะไม่ค่อยทราบเท่าที่ควร เวลานี้คนที่ยื่นขอลดภาษีก็คือคนหน้าเก่าและคนที่นำเข้ามูลค่าสินค้าที่แพงมาก
ๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโรงปูน โรงเหล้า เราอยากให้กระจายไปมากกว่านี้ เพราะการลดภาษีนี้เท่ากับว่ารัฐยอมเฉือนเนื้อตัวเองเพื่อสนับสนุนเอกชน"
ผู้อำนวยการกองควบคุมคุณภาพสิ่งแวดล้อม กล่าวเชิญชวนให้โรงงานอุตสาหกรรมที่นำเข้าอุปกรณ์รักษาสิ่งแวดล้อมหันมาสนใจสิทธิพิเศษตัวนี้มากขึ้น
แม้ว่ามูลค่าสินค้าสูงถึงหลายร้อยล้านบาทจะเป็นตัวที่ชี้ให้เห็นถึงการที่อุตสาหกรรมยอมลงทุนด้านสิ่งแวดล้อมในระดับหนึ่ง
แต่กระนั้นก็ตามสิ่งที่เป็นปัญหาของอุตสาหกรรมต่าง ๆ ก็คือการมีระบบบำบัดแต่ไม่เดินเครื่อง
เป็นผลให้ของเสียที่ปล่อยออกมาสู่สภาพแวดล้อมไม่ได้มาตรฐานตามที่กำหนด
สาเหตุใหญ่ที่โรงงานอุตสาหกรรมเลือกที่จะหลบหลีกการเดินเครื่องหากเจ้าหน้าที่รัฐละเลยเนื่องจากต้นทุนที่จะต้องจ่ายเพิ่มไปกับค่าไฟฟ้า
ตัวอย่างเช่นระบบบำบัดน้ำเสียซึ่งประกอบด้วย เครื่องเติมอากาศ เครื่องสูบน้ำ
ใบพัดหมุน 10 แรงม้า ระบบบำบัดแบบใช้จุลินทรีย์ซึ่งต้องหมุน 24 ชั่วโมง ค่าไฟฟ้าเดือนหนึ่งเกือบสองแสนบาท
นับเป็นรายจ่ายที่มิใช่น้อยทีเดียว
"เคยมีคนเสนอมายังคณะอนุกรรมการว่าน่าจะมีการติดมาตรไฟฟ้าแยกต่างหากสำหรับระบบบำบัดน้ำเสีย
เพื่อให้เจ้าของโรงงานจ่ายค่าไฟฟ้าในอีกราคาที่ถูกกว่าราคาปกติ เพราะถ้าไปลดให้แต่ด้านภาษีนำเข้าแต่ไม่ลดค่าไฟ
หลายโรงสร้างแล้วก็ไม่ใช้ก็มีแต่สั่งมาเพื่อให้เห็นว่าระบบมีอยู่" อุดรกล่าวถึงมาตรการส่งเสริมอีกด้านหนึ่ง
มาตรการส่งเสริมด้านการลดภาษีอากรเครื่องจักรอุปกรณ์ที่รักษาสภาพแวดล้อม
หรือการให้กู้เงินในอัตราดอกเบี้ยต่ำจากกองทุนสิ่งแวดล้อมเป็นสิ่งที่ดี
แต่ทั้งนี้ก็ต้องอยู่ภายใต้การควบคุมที่เข้มงวดของเจ้าหน้าที่ของรัฐที่จะต้องไม่ทำให้โรงงานอุตสาหกรรมเห็นว่า
การติดสินบนเจ้าหน้าที่รัฐถูกกว่าการลงทุนในการบำบัดของเสีย