ทริสเรทติ้งประกาศอันดับเครดิตองค์กร TTW " ที่ระดับ "AA-/Stable"สะท้อนความสามารถการเป็นผู้ให้บริการน้ำประปาเอกชนและการสร้างกระแสเงินสด ขณะที่อัตราส่วนทางการเงินดีขึ้น หลังบริษัทนำเงินที่ได้จากการระดมทุนชำระหนี้ 3 พันล้านบาท
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท น้ำประปาไทย จำกัด (มหาชน) (TTW)ที่ระดับ "AA-" ด้วยแนวโน้ม "Stable" หรือ " คงที่ " โดยอันดับเครดิตสะท้อนสถานะของบริษัทในการเป็นผู้ให้บริการน้ำประปาเอกชนรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ตลอดจนกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอจากสัญญาขายน้ำขั้นต่ำระยะยาว แนวโน้มการเติบโตที่ดีของธุรกิจน้ำประปา และความเสี่ยงในการดำเนินงานที่อยู่ในระดับต่ำ โดยอันดับเครดิตดังกล่าวยังพิจารณาถึงความสามารถของคณะผู้บริหารและอุปสรรคในการเข้าสู่ธุรกิจที่อยู่ในระดับสูง
อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งดังกล่าวถูกลดทอนลงบางส่วนจากการที่บริษัทมีสัดส่วนเงินกู้จำนวนหนึ่ง สำหรับใช้ลงทุนโรงผลิตน้ำประปาและท่อจ่ายน้ำ รวมถึงกระแสเงินสดที่ขึ้นอยู่กับผลการดำเนินงานของการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) เป็นหลัก และพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำที่ยังไม่มีข้อสรุป
แนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่" สะท้อนถึงการคาดการณ์ว่าบริษัทจะสามารถรักษาสถานะผู้นำในการเป็นผู้ให้บริการน้ำประปาเอกชนและคงความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดเอาไว้ได้ โดยการดำเนินธุรกิจของบริษัทไม่น่าจะได้รับผลกระทบที่รุนแรงจากการออกพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ และการลงทุนในอนาคตควรได้รับการพิจารณาอย่างรอบคอบ โดยจะต้องไม่มีผลกระทบต่อฐานะทางการเงินและสภาพคล่อง ทั้งนี้ การให้การสนับสนุนทางการเงินแก่บริษัทแม่ที่มีฐานะทางการเงินที่อ่อนกว่าจะส่งผลกระทบต่ออันดับเครดิตของบริษัท
ทั้งนี้ น้ำประปาไทย เป็นผู้ให้บริการน้ำประปาเอกชนรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ซึ่งมีกำลังผลิตทั้งสิ้น 628,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน (ลบ.ม./วัน) ซึ่งรวมกำลังผลิตของ ประปาปทุมธานี ซึ่งเป็นบริษัทลูกด้วย โดยรายได้ของบริษัทได้รับการประกันโดยสัญญาซื้อขายน้ำระยะยาวที่มีกับ กปภ. โดยกำหนดปริมาณน้ำขั้นต่ำที่ต้องรับซื้อ และบริษัทยังเป็นเจ้าของท่อน้ำประธานและท่อจ่ายน้ำบางส่วน ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อผู้ประกอบการรายใหม่ในพื้นที่ให้บริการของบริษัท
บริษัทมีอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้จากการขายอยู่ในระดับสูงที่ 79% เงินทุนจากการดำเนินงานปี 2550 อยู่ที่ 1,434 ล้านบาท และครึ่งแรกปี 2551 เงินกู้รวมของบริษัทเพิ่มขึ้นมากจากระดับ 6,720 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2549 เป็น 13,678 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2550 จากการรวมหนี้ของบริษัทประปาปทุมธานีและเงินกู้ 4,000 ล้านบาทเพื่อใช้ซื้อหุ้นของบริษัทประปาปทุมธานี ส่งผลให้อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมลดลงจาก ขณะที่อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 74.4% ณ สิ้นปี 550 จากระดับ 63.3% ในปี 2549
อย่างไรก็ตาม ฐานะการเงินบริษัทปรับตัวดีขึ้นมาก หลังเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เงินกู้รวมของบริษัท ณ สิ้นมิถุนายน 2551 ลดลงสู่ระดับ 10,048 ล้านบาท เพราะนำเงินระดมทุนใช้หนี้ 3 พันล้านบาท ครึ่งแรกของปี 2551 ส่งผลดีต่ออัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทในระยะปานกลางจะไม่ปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากบริษัทมีแผนกู้เงินเพื่อนำมาใช้ในการขยายกำลังการผลิต 100,000 ลบ.ม./วัน และมีแผนขยายระยะเวลาการชำระเงินกู้ระยะยาวที่มีอยู่เพื่อให้สอดคล้องกับสัญญาซื้อขายน้ำระยะยาวที่ทำไว้กับ กปภ.
|