ส่งออก ก.ค.ยอดเฉียด 1.7 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ โต 43.9% ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้ง ในรอบ 3 เดือน ส่วนการนำเข้า 1.8 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ทำสถิติสูงสุดเช่นกัน ขาดดุลการค้าพันล้านเหรียญสหรัฐ “ศิริพล”เผยเหตุนำเข้าเชื้อเพลิงเพิ่ม แถมมีการนำเข้าแท่งขุดเจาะ และก๊าซแอลพีจี ส่วนสินค้าเกษตรทั้งข้าว ยาง อาหาร ผัก ผลไม้ ไก่แช่แข็ง เป็นพระเอกดันยอดส่งออกเพิ่ม
นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การส่งออกสินค้าไทยในเดือนก.ค.มีมูลค่า 16,957.4 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 43.9% เป็นการส่งออกที่มีมูลค่าเกิน 16,000 ล้านเหรียญสหรัฐติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 และทำสถิติส่งออกสูงสุดเป็นเดือนที่ 3 นับจากเดือนพ.ค.ที่ส่งออกได้มูลค่า 15,463.2 ล้านเหรียญสหรัฐ เดือนมิ.ย.ส่งออกมูลค่า 16,268.1 ล้านเหรียญสหรัฐ
ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 17,984.3 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 55.1% ส่วนใหญ่เป็นการนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงที่เพิ่มขึ้น โดยเชื้อเพลิงนำเข้ามูลค่า 4,203 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 98.24 % และยังมีการนำเข้าแท่งขุดเจาะ มูลค่า 200 ล้านเหรียญสหรัฐ และก๊าซแอลพีจี 200 ล้านเหรียญสหรัฐ จากเดิมที่ไม่มีการนำเข้า ทำให้ในเดือนนี้ไทยขาดดุลการค้า 1,026.9 ล้านเหรียญสหรัฐ
“ส่งออกเดือน ก.ค. ทำสถิติส่งออกสูงสุดอีกเป็นเดือนที่ 3 หลังจากเคยทำได้ในเดือนพ.ค. และเดือนมิ.ย. และตัวเลขรวม 7 เดือนส่งออกเพิ่มขึ้น 26.1% ซึ่งมั่นใจว่าการส่งออกทั้งปีจะเป็นไปตามเป้าหมายทางการ 12.5% แน่นอน ส่วนเป้าพยายามที่ 15% และเป้าพยายามพิเศษตามนโยบาย รมว.พาณิชย์ ที่ 20% จะพยายามทำอย่างเต็มที่ เพราะในช่วงเวลาที่เหลือ ยังมีเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงได้ตลอด”นายศิริพลกล่าว
การส่งออกในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-ก.ค.) มีมูลค่ารวม 104,170 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 26.1% คิดเป็น 60.9% ของเป้าหมายการส่งออกรวม การนำเข้ามีมูลค่า 106,264.1 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 36.8% ขาดดุลการค้าเป็นมูลค่า 2,094.2 ล้านเหรียญสหรัฐ
นายราเชนทร์ พจนสุนทร อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก กล่าวว่า การส่งออกเดือนก.ค.ที่เพิ่มสูงขึ้นนั้น เป็นการส่งออกเพิ่มขึ้นทุกหมวดสินค้า โดยเฉพาะสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร การส่งออกมีมูลค่า 3,063 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 71.8% โดยสินค้าสำคัญที่ส่งออกเพิ่มขึ้น ได้แก่ ข้าว เพิ่มขึ้น 212.1% ยางพารา เพิ่มขึ้น 51.9% อาหารทะเลกระป๋องแช่แข็งและแปรรูป เพิ่มขึ้น 35.7% ผัก ผลไม้สด แช่แข็ง กระป๋องและแปรรูป เพิ่มขึ้น 31.8% ไก่แช่แข็งและแปรรูป เพิ่มขึ้น 103.1%
การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมสำคัญรวมเชื้อเพลิง การส่งออกมีมูลค่า 12,756 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 39.4% สินค้าสำคัญที่ส่งออกเพิ่มขึ้น ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้า ยานยนต์ เม็ดและผลิตภัณฑ์พลาสติก วัสดุก่อสร้าง อัญมณี เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ น้ำมันสำเร็จรูป เคมีภัณฑ์ น้ำมันดิบ ผลิตภัณฑ์ยาง สิ่งพิมพ์และกระดาษ และเครื่องสำอาง
สำหรับตลาดส่งออก มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นสูงทั้งในตลาดหลักและตลาดใหม่ โดยตลาดใหม่ขยายตัวสูง 56.1% ได้แก่ ออสเตรเลีย 109% อินโดจีนและพม่า 90.8% แอฟริกา 88.3% ตะวันออกกลาง 67.2% เกาหลีใต้ 66.1% ยุโรปตะวันออก 45.6% ฮ่องกง 41.5% ลาตินอเมริกา 39% จีน 37.2% อินเดีย 13.8% และแคนาดา 13.2% ส่วนตลาดหลัก ขยายตัว 33.2% ได้แก่ อาเซียน 5 ประเทศ 61.7% ญี่ปุ่น 27.6% สหรัฐฯ 20% สหภาพยุโรป 15.1% โดยขณะนี้สัดส่วนการส่งออกไปตลาดหลักลดลงเหลือ 51.6% ตลาดใหม่เพิ่มเป็น 48.4%
จากตัวเลขการส่งออกในช่วง 7 เดือนแรกขยายตัวแล้ว 26.1% ซึ่งหากในช่วง 5 เดือนที่เหลือส่งออกได้เดือนละ 13,887 ล้านเหรียญสหรัฐ การส่งออกทั้งปีจะขยายตัว 12.5% มีมูลค่ารวม 171,107 ล้านเหรียญสหรัฐ หากส่งออกได้เดือนละ 14,148 ล้านเหรียญสหรัฐ การส่งออกจะขยายตัว 15% มีมูลค่ารวม 174,910 ล้านเหรียญสหรัฐ และหากส่งออกได้เดือนละ 15,668 ล้านเหรียญสหรัฐ การส่งออกจะขยายตัว 20% มีมูลค่ารวม 182,514 ล้านเหรียญสหรัฐ
|