|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
เศรษฐกิจทรุด ฉุดตลาดสวิตช์ไฟตก เติบโตเพียง 4-6% “บิทิชีโน” เดินหมากฝ่าวิกฤติ มุ่งสินค้านวัตกรรม เบ็นเข็มจับตลาดโครงการ หลีกสงครามราคา เชื่อสิ้นปียังยิ้มได้ รายได้แตะ 700 ล้านบาท โต 15%
นายฌอง หลุยส์ ฟองตานีย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บิทิชีโน (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ควบคุมไฟฟ้า จากประเทศอิตาลี ภายใต้แบรนด์ บิทิชีโน เปิดเผยว่า ภาพรวมเศรษฐกิจตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา รวมถึงราคาน้ำมันที่เกิดขึ้น ยอมรับว่าเป็นสาเหตุสำคัญที่ส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจ เพราะส่วนหนึ่งธุรกิจสวิตซ์ไฟ จะผันตามธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ หากเศรษฐกิจไม่ดี อสังหาริมทรัพย์ไม่โต ตลาดสวิตซ์ไฟก็จะไม่โตตามไปด้วย
จากปกติภาพรวมตลาดสวิตซ์ไฟมูลค่า 2,500 ล้านบาท จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 8-10% ทุกปี แต่ปีนี้มองว่าจะเติบโตได้เพียง 4-6% เท่านั้น โดยในตลาดมี 3 แบรนด์ใหญ่ที่มีส่วนแบ่งทางการตลาดรวมแล้วไม่ต่ำกว่า 80% คือ พานาโซนิค บิทิซิโน และClipsal ส่วนอีก 20% ถึงแม้จะเป็นสินค้ามีแบรนด์แต่มุ่งขายเพียงช่องทางค้าปลีกค้าส่ง จึงมีส่วนแบ่งทางตลาดน้อย
ในส่วนของบิทิชีโน ปีนี้ตั้งเป้าการเติบโตเพียง 15% หรือมีรายได้ที่ 700 ล้านบาท ถือว่าเป็นยอดการเติบโตที่น้อยกว่าหลายๆปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามครึ่งปีที่ผ่านมา รายได้จะเป็นไปตามแผนที่วางไว้ ซึ่งความสำเร็จดังกล่าว มาจากการที่บริษัทฯวางแผนการดำเนินธุรกิจในส่วนของการพัฒนาสินค้าและระบบอุปกรณ์ควบคุมไฟฟ้าใหม่ๆมาตลอด 2-3ปี ไม่ว่าจะเป็นระบบสวิตซ์ไฟแบบออโตโมชั่น ระบบเบรกเกอร์ไฟฟ้า และการวางระบบสายไฟ ซึ่ง 6 เดือนที่ผ่านมา เป็นส่วนธุรกิจที่มีการเติบโตสูงมาก มีมาร์จิ้นที่ดี หลีกหนีปัญหาทางด้านราคา ขณะที่กลุ่มสวิตซ์ไฟยังเป็นสินค้าที่สร้างรายได้มากที่สุด โดยบิทิซิโน มีสินค้าในทุกระดับตั้งแต่แมสจนถึงพรีเมี่ยม โดยราคาที่จำหน่ายเป็นราคาที่แข่งขันในตลาดได้ ไม่แพงจนเกินไป
นายฌอง กล่าวต่อว่า ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา มองว่าไลฟ์สไตล์คนไทยเริ่มเปลี่ยนไป เริ่มมองหาที่อยู่อาศัยในรูปแบบอื่นๆมากขึ้น โดยมุ่งเน้นความสะดวกสบายและคล่องตัวในชีวิตประจำวันมากขึ้น ดังนั้นทางบริษัทฯจึงให้ความสำคัญในการพัฒนาสวิตซ์ไฟ รวมถึงพยายามผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้งานเกี่ยวกับสวิตซ์ไฟจากรูปแบบเดิมๆมาสู่ระดับที่สูงขึ้น
ส่งผลให้หลังจากนี้บริษัทฯจะเริ่มหันมาให้ความสำคัญกับตลาดโครงการมากยิ่งขึ้น เพราะตรงกับรูปแบบของสินค้าใหม่ที่พัฒนาขึ้นมา ซึ่งในปัจจุบันยอดขายของบีทีชิโน 80% ยังมาจากตัวแทนจำหน่าย และโมเดิร์นเทรด 20% มาจากตลาดโครงการ ซึ่งมองว่าไม่เกิน 5 ปี สัดส่วนรายได้ที่มาจากตลาดโครงการจะเท่ากับตัวแทนจำหน่ายที่ 50% เท่าๆกัน
ปัจจุบันบีทีชิโน มีจำหน่ายในช่องทางโมเดิร์นเทรดครบทุกช่องทาง รวมถึงตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ รวมแล้วกว่า 3,000 ร้าน ส่วนตลาดโครงการ บริษัทฯจะเข้าไปในลักษณะร่วมกับพาร์ทเนอร์ในทุกขั้นตอนของโครงการการก่อสร้างด้านอสังหาริมทรัพย์ ทั้งผ่านมาสถาปนิก บริษัทที่ดูแลระบบไฟฟ้า และอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ซึ่งโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ไว้วางใจใช้อุปกรณ์ควบคุมไฟฟ้าของบิทิชิโนที่ผ่านมา เช่น ปริญสิริ โรงแรมต่างๆ ทั้งดุสิตธานี คอนราด แชงกรีลา รวมถึงคอนโดมิเนียม อาคารสำนักงานและสถานฑูตต่างๆ
|
|
|
|
|