แบงก์กรุงไทยเร่งขยายฐานสินเชื่อเพื่อหารายได้ ทดแทนรายได้ดอกเบี้ยที่หายไป ล่าสุด
ปล่อยกู้สนับสนุนโครงการ อารียา พรอพเพอร์ตี้ วงเงินรวม 1.5 พันล้านบาท พร้อมสนองนโยบายสนับสนุนธุรกิจรากหญ้าของรัฐบาล
เล็งปล่อยกู้โครงการกองทุนหมู่บ้านอีกหมู่บ้านละ 2.7 หมื่นล้านบาท
นายไพโรจน์ รัตนโสภา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่าธนาคารเน้นนโยบายปล่อยสินเชื่อต่อเนื่อง
เพื่อขยายฐานลูกค้าและรายได้ชดเชยการปรับลดดอกเบี้ย รวมทั้งยังต้องหารายได้อื่นๆ
ทดแทน เพราะการลดดอกเบี้ยแต่ละครั้ง ธนาคารจะสูญเสียรายได้กว่า 1 พันล้านบาทต่อเดือน
สำหรับการคำนวณอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกรุงไทย การคิดดอกเบี้ย จะขึ้นกับลูกค้าแต่ละราย
ลูกค้าที่จะได้รับเงื่อนไขพิเศษ ส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้ารายใหญ่ ศักยภาพ และการดำเนินธุรกิจที่ดี
แต่คาดว่าอัตราดอกเบี้ยที่ได้รับ จะไม่ต่ำถึง 2%
"ลูกค้าของธนาคากรุงไทย ส่วนใหญ่จะอิงอัตราดอกเบี้ย MLR จึงทำให้การปรับดอกเบี้ยแต่ละครั้งจะมีผลกระทบต่อลูกค้าของธนาคาร"
สำหรับนโยบายการปล่อยสินเชื่อของธนาคาร นายไพโรจน์กล่าวว่า ธนาคารไม่ได้มีการแบ่งแยกเป็นกลุ่มธุรกิจหรือกลุ่มลูกค้า
แต่จะเน้นปล่อยสินเชื่อตามเป้าหมายสินเชื่อรวม ที่ปีนี้ตั้งเป้ากว่า 1 แสนล้านบาท
โดยครึ่งปีหลังนี้ ธนาคารมีเป้าหมายปล่อย สินเชื่อให้รายย่อยระดับรากหญ้า เช่น
กองทุนหมู่บ้าน ซึ่งขณะนี้บรรลุข้อตกลงแล้ว โดยสินเชื่อดังกล่าวจะต่อยอดจากเงินรัฐบาลที่ให้กองทุนหมู่บ้านๆ
ละ 1 ล้านบาท
"ปัจจุบัน มีหมู่บ้านที่เสนอให้ธนาคารพิจารณาแล้ว โดยจะพิจารณาปล่อยกู้ให้กับหมู่บ้านระดับ
3 ดาวขึ้นไป โดยระยะแรกจะปล่อย ให้หมู่บ้านละ 27,000 บาท อัตราดอกเบี้ย 6%" ธนาคารยังปล่อยสินเชื่อธนาคารชุมชุมสนัสนุนรัฐบาล
อย่างไรก็ตาม ส่วนสินเชื่อโครงการอื่นๆ ธนาคารกรุงไทยยังสนับสนุนต่อไป โดยเฉพาะโครงการที่มีแนวโน้มขยายตัวดี
เช่น ธุรกิจส่งออก ชิ้นส่วนรถยนต์ รวมถึงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ฯลฯ
วานนี้ (15 ก.ค.) ธนาคารกรุงไทย และบริษัท อารียา พรอพเพอร์ตี้ จำกัด ร่วมลงนามสัญญาเงินกู้วงเงิน
1,500 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนโครงการบ้านอารียา-บุษบา (ถนนลาดพร้าว 130) และบ้านอารียา-สวนา
(เกษตร-นวมินทร์)
นายวิศิษฐฏ์ เลาหพูนรังษี กรรมการผู้จัดการ บริษัท อารียา พรอพเพอร์ตี้ จำกัด
กล่าวว่าการสนับสนุนสินเชื่อวงเงิน 1,500 ล้านบาทของธนาคารกรุงไทยครั้งนี้ เป็นวงเงินสินเชื่อสูงที่สุดตั้งแต่เปิดโครงการต่างๆ
ต้นปีนี้เป็นต้นมา ถือว่าบริษัท อารียายังคงได้รับความไว้วางใจจากธนาคารใหญ่เสมอมา
สาเหตุที่ธนาคารกรุงไทยสนับสนุนสินเชื่อโครงการอารียา เนื่องจากเห็นศักยภาพ และภาพลักษณ์ที่ชัดเจนและแข็งแรงของบริษัท
จนทำให้เชื่อมั่น รวมทั้งยังตอกย้ำให้ลูกค้ามั่นใจบ้านอารียา มากขึ้น
"การสนับสนุนครั้งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี กับพันธมิตรคาดว่าทางอารียาจะมีโอกาสผลักดัน
ให้อารียาได้ผลักดันโครงการที่ดี เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าต่อไป"
รายละเอียดการกู้เงิน 1,500 ล้านบาทครั้งนี้ แบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกมูลค่า 750
ล้านบาท ธนาคารคิดอัตราดอกเบี้ย MLR-1 ระยะเวลา 1 ปีแรก ปีต่อไปคิดดอกเบี้ย MLR
ส่วนที่เหลืออีก 750 ล้านบาท ดอกเบี้ย MLR
"ขณะนี้บริษัทได้ทยอยเบิกเงินกู้ไปแล้ว 900 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นการซื้อที่ดินในโครงการอารียา
บุษบา 300 ล้านบาท โครงการอารียา สวนา 120 ล้านบาท ส่วนที่เหลือได้ใช้ไปในการพัฒนาโครงการ"
สำหรับแผนดำเนินงานในอนาคต นายวิศิษฐ์ กล่าวว่า บริษัท อารียา พรอพเพอร์ตี้ มีแผนจะกระจายหุ้นให้ประชาชนทั่วไป
และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อลดการ พึ่งแหล่งเงินทุน จากการกู้สถาบันการเงิน
เนื่องจากที่ผ่านมา บริษัทมีแหล่งเงินทุนหลักๆ จากการ กู้จากสถาบันการเงิน ซึ่งขณะนี้
อยู่ระหว่างศึกษา รายละเอียด โดยมอบหมายให้บริษัทหลักทรัพย์ธนชาติ เป็นที่ปรึกษาการเงิน
คาดว่าจะดำเนินการ ได้ภายปลายปีนี้ หรือต้นปี 2547
เบื้องต้น บริษัทคาดว่าจะกระจายหุ้นให้ประชาชนทั่วไปสัดส่วนประมาณ 25% ของทุนจดทะเบียนบริษัท
คาดว่าระดมเงินทุนประมาณ 400-500 ล้านบาท จากทุนจดทะเบียนปัจจุบัน 400 ล้านบาท
แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 40 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท
ส่วนแนวโน้มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ภายใน 1-2 ปีนี้ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยังมีอัตราขยายตัวต่อเนื่อง
ปัจจัยสำคัญจากมาตรการรัฐบาล และทิศทางอัตราดอกเบี้ยทีต่ำ จะช่วยกระตุ้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
"ประชาชนทั่วไปหันมาลงทุนซื้ออสังหา ริมทรัพย์มากขึ้น เพราะอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ
กอปรกับราคาที่อยู่อาศัย ขณะนี้ถือว่าอยู่ในราคาที่เหมาะสม แต่หลังจาก 2 ปีนี้ไปแล้ว
ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะออกมาในทิศทางใดยังไม่แน่นอน เพราะยังมีอีกหลายๆ ปัจจัยที่เข้ามามีผลกระทบ"
ด้านผลดำเนินงานบริษัทปี 2545 บริษัทมีรายได้ประมาณกว่า 100 ล้านบาท คาดว่าปีนี้
จะกำไรไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท ยอดรับรู้รายได้กว่า 1000 ล้านบาท ยอดทำสัญญาประมาณ
2000 ล้านบาท โดยครึ่งแรกปีนี้ ยอดขายประมาณ 900 ล้านบาท จากโครงการปัจจุบัน 6
แห่ง มูลค่า ขายโครงการรวม 6 พันล้านบาท
นายวิศิษฐ์กล่าวว่า นอกจากธนาคารกรุงไทย บริษัทยังได้รับการสนับสนุนด้านเงินกู้จากสถาบันการเงินอื่นๆ
เช่น ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารทหารไทย ซึ่งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพ และความพร้อม
การเป็นมืออาชีพสำหรับทำโครงการบ้านจัดสรรที่มีคุณภาพหลากหลายสไตน์ และทันสมัย
โครงการอารียา-สวนา ที่เปิดตัวเมื่อกลาง มิ.ย. ยอดขายมูลค่ากว่า 200 ล้านบาทแล้ว
คาดว่า จะเปิดเฟส 2 เร็วๆ นี้ ส่วนอารียา-บุษบา กำลังจะเปิดให้จองเช่นกัน